ที่เมืองซูเพร่าในเวลาเดียวกันนี้
คฤหัสน์สาระทา
แม้ทางฝั่งเมืองแอคเซสซ์จะบอกว่าเพราะอากาศหนาวจากทางเหนือที่เคลื่อนลงมาทางใต้ อุณหภูมิจึงลดลงอย่างรวดเร็ว แต่เทียบกับเมืองซูเพร่าแล้วยังต่างกันลิบลับ
เมืองซูเพร่าในตอนนี้ราวกับกองหิมะที่ทับถมกันจนหนาตัว
ในลานบ้านนอกจากเส้นทางที่จำเป็นต้องใช้เดินไป โดนพวกคนรับใช้โกยกองหิมะออกแล้ว ส่วนสถานที่อื่นๆถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวโพลน
นายหญิงสวมเสื้อคลุมหนาๆ ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของเธอ มองทิวทัศน์ด้านนอกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
“คุณยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว เข้าข้างในเถอะ ตอนนี้พวกประยสย์ไม่อยู่ในบ้าน คุณคงหนาวแย่แล้ว นอกจากตาเฒ่าอย่างผมที่สงสารคุณ ก็ไม่มีใครเห็นใจคุณอีกแล้วนะ”
นายท่านเดินออกมา โน้มน้าวให้ภรรยากลับเข้าไปในห้อง
นายหญิงพูด: “ต่อให้พวกประยสย์อยู่ในบ้าน พวกเขาก็ไม่เห็นใจฉันอยู่ดี”
พูดๆแล้ว เธอก็ถอนใจอย่างแรง พูดกับสามีข้างกาย: “เห็นสีขาวโพลนปกคลุมไปทั่วอย่างนี้ ฉันก็นึกถึงตอนที่หลานชายหลานสาวยังเด็กๆ พวกเขาไม่กลัวอากาศหนาวกันเลย จะต้องเล่นหิมะ ปั้นมนุษย์หิมะ ทำสงครามปาหิมะข้างนอกบ้านให้ได้ เล่นขนาดนี้จะไม่สนุกได้ยังไงล่ะ ครึกครื้นกันใหญ่”
“วันนี้ ทิวทัศน์หิมะยังคงเหมือนเดิม กองหิมะยังคงหนาขนาดนั้น แต่กลับขาดบรรดาเด็กๆที่ปั้นมนุษย์หิมะ ทำสงครามปาหิมะไป หลังจากที่พวกเด็กๆเติบโตก็แยกจากเราไป ฉันยอมให้พวกเขาไม่ต้องเติบโตไปตลอดชีวิตดีกว่า”
ถ้าพวกเด็กๆไม่เติบโต ตระกูลสาระทาของพวกเขาก็จะไม่แตกเป็นเสี่ยงๆ
ลูกชายสองคนของเขา ลูกสะใภ้รวมถึงหลานชายคนรองก็จะไม่ต้องเข้าคุก
สองสามีภรรยาจ้างทนายความที่เก่งที่สุดมาให้พวกลูกชายลูกสะใภ้ที่กำลังติดคุก แต่หลังจากที่ทนายความหลายคนนั้นเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดของคดีนี้ ก็ปฏิเสธคำขอร้องของสองสามีภรรยาอย่างอ้อมๆ ไม่ว่าสองสามีภรรยาจะเสนอเงินให้มากเท่าไหร่ พวกเขาต่างก็ปฏิเสธที่จะเป็นทนายความแก้ต่างให้พวกชลอยู่ดี
หลักฐานของไซม่อนน่าเชื่อถือ ยศกรกับชลถูกลิขิตให้หนีไม่พ้นการลงโทษทางกฎหมายอยู่แล้ว แค่รับคดีความอย่างนี้ คงแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้จะผิดใจกับไซม่อน เพื่ออะไรล่ะ?
แม้แต่ตระกูลเลิศธนโยธายังพ่ายแพ้ย่อยยับ ตกอยู่ในกำมือของไซม่อน
ไซม่อน ยังคงเป็นเจ้าพ่อของเมืองซูเพร่า เขาไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่เที่ยวระรานใคร แต่มีอำนาจและอิทธิพลมานาน ทุกคนจึงทั้งเคารพทั้งยำเกรงเขา
ไม่สามารถตีซี้เป็นเพื่อนได้ แต่ก็ไม่ยินยอมที่จะล่วงเกินไซม่อน
ไม่มีทนายความเก่งๆที่ยอมว่าความให้พวกชลเลย ทำให้นายหญิงที่เดิมทีก็ตำหนิลูกชายคนโตอยู่แล้วยิ่งโมโหขึ้นอีก
ตำหนิที่ลูกชายคนโตจัดการลูกชายสองคนจนราบคาบ
“ในวันนี้ลูกชายของเราก็เข้าสู่วัยอาวุโสแล้วนะ คุณเพิ่งจะมาเสียดาย ไม่อยากให้หลานๆโต สายไปแล้วแหละ” นายท่านถอนหายใจ คิดว่าเขาไม่อยากหรือไง?
สถานการณ์อย่างในตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนแก่อย่างเขาอยากเห็น แต่จำเป็นต้องเผชิญหน้า
เขาไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับภาพที่ลูกชายคนโตส่งลูกชายสองคนเล็กเข้าไปในคุก ยังมีพวกญาติๆวัยหนุ่มสาวซึ่งมีความสามารถนิดๆหน่อยๆ ที่แทบจะโดนลูกชายคนโตดับอนาคตไปเลย ถ้าไม่โดนส่งเข้าคุกก็โดนไล่ออก ให้ออกไปจากโอเอ กรุ๊ป
นอกจากนั้นลูกชายคนโตยังบอกเขาว่า จะยกเลิกกฎระเบียบวงศ์ตระกูลของโอเอ กรุ๊ป ต่อไปถ้าคนในวงศ์ตระกูลอยากทำตามกฎ ไซม่อนก็ยินดีที่จะหยิบยื่นโอกาสในการทำงานให้ แต่ถ้าคิดจะพึ่งพาให้โอเอ กรุ๊ปเลี้ยงดูเหมือนเมื่อก่อนน่ะ นั่นเป็นไปไม่ได้แล้ว
ไม่ต้องไปบอกเขาว่าโอเอ กรุ๊ปเป็นของทุกคนในตระกูลของโอเอ กรุ๊ปหรอก ตอนที่ไซม่อนรับช่วงโอเอ กรุ๊ปมา โอเอ กรุ๊ปไม่ได้มีอาณาเขตที่ยิ่งใหญ่อย่างตอนนี้ อีกอย่างโอเอ กรุ๊ปเป็นกิจการของทายาทสายตรงอย่างพวกเขามาโดยตลอด เพียงแต่บรรพบุรุษคิดถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องในวงศ์ตระกูล ถึงได้มีกฎระเบียบของวงศ์ตระกูลขึ้นมา ถึงได้เลี้ยงดูสมาชิกไว้มากมายขนาดนั้น
ตอนนี้ ไซม่อนเพียงแค่เรียกกรรมสิทธิ์ของบรรพบุรุษตนเองกลับคืนมา ไม่อยากหาเลี้ยงพวกคนว่างงานก็เท่านั้น
ถ้าคนในวงศ์ตระกูลไม่พอใจ จะไปฟ้องบรรพบุรุษก็ได้ ไซม่อนไม่กลัวบรรพบุรุษปีนขึ้นมาสั่งสอนเขาจากในยมโลกตอนดึกดื่นหรอก
เขาคิดว่า ถ้าบรรพบุรุษรู้ว่าจะมีสถานการณ์อย่างในวันนี้ คงเสียใจแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน