สรุปตอน บทที่ 117 คันมือหรือ – จากเรื่อง ภพนี้ตราบภิรมย์รัก โดย ท้อเยาเยา
ตอน บทที่ 117 คันมือหรือ ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ภพนี้ตราบภิรมย์รัก โดยนักเขียน ท้อเยาเยา เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ในดวงตาของฉู่โม่หยวนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาประสานมือกับหลินเมิ่งหวันและมองนางอย่างนึกเคือง จากนั้นจึงยกมือเล็กๆ ขึ้นมาจุมพิตอย่างแผ่วเบา
“แผลของหลี่จิ่นซูนั่น ฝีมือเจ้าหรือ” เมื่อครู่นี้ตอนที่หลี่จิ่นซูเข้ามา ฉู่โม่หยวนสังเกตเห็นรอยแผลที่คอของเขา
หลินเมิ่งหวันพยักหน้าอย่างแรง “ถูกต้องเพคะ เขาไม่มีทางได้อะไรดีๆ จากหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เหมือนจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันไม่เคยอ่อนโยนกับคนที่ไม่ชอบ”
หลินเมิ่งหวันเหลือบมองฉู่โม่หยวนอย่างมีความหมายและเอ่ยอย่างหึงหวง
“เหมือนจะมีคนหึง” ฉู่โม่หยวนยิ้มพลางบีบมือเล็กๆ ของหลินเมิ่งหวัน “หนานมู่ชิงเป็นบุตรสาวของไท่ฟู่ ดังนั้นข้าจึงต้องให้เกียรตินางบ้าง ถ้านางคับข้องใจ เสด็จพ่อก็จะพระพักตร์หม่นหมอง ต่อไปข้าจะรักษาระยะห่างจากนาง เจ้าอย่าได้โกรธไปเลย”
หลินเมิ่งหวันส่งเสียงฮึอย่างไม่พอใจ แต่นางก็เข้าใจว่าสิ่งที่ฉู่โม่หยวนพูดนั้นมีเหตุผล
หนานไท่ฟู่คือราชครูของฮ่องเต้และราชครูของไท่จื่อองค์ปัจจุบัน ถ้าแม้แต่ลูกของตัวเองยังสอนให้ดีไม่ได้ เขาจะสอนฮ่องเต้กับไท่จื่อได้อย่างไร
ถ้าเกิดกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เกรงว่าแม้แต่ความประพฤติของฮ่องเต้กับไท่จื่อก็คงจะถูกซักถาม ถึงตอนนั้นย่อมไม่เกิดประโยชน์กับนางแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลินเมิ่งหวันจะเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่นางก็ไม่มีความสุขเลยจริงๆ เมื่อได้ยินฉู่โม่หยวนช่วยพูดแทนหนานมู่ชิง
ฉู่โม่หยวนมองดูสีหน้าที่ไม่พอใจของนางและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเจ้าเข้าใจอะไรง่ายๆ เช่นนี้ ข้าก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า”
“ของขวัญชิ้นใหญ่อะไรหรือเพคะ” หลินเมิ่งหวันสนใจขึ้นมาทันควัน แต่ฉู่โม่หยวนกลับยิ้มอย่างอมพะนำและดึงมือเล็กๆ ของนางให้นางลุกขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้นฉู่โม่หยวนก็พาหลินเมิ่งหวันไปถึงถนนที่คึกคักมีสีสัน
แคว้นตงเยว่ไม่มีคำสั่งไม่ให้ออกนอกเคหสถานในยามค่ำ ดังนั้นเวลานี้โคมไฟจึงถูกจุดสว่างไสว ความมืดกำลังจืดจาง แต่ผู้คนบนถนนกลับพลุกพล่าน
หลินเมิ่งหวันเปิดม่านบนรถม้ามองออกไปข้างนอก จากนั้นจึงเห็นตัวอักษรตัวใหญ่ที่เขียนอย่างงดงามว่า ‘ชามสมบัติ’ ปรากฏแก่สายตา
หลินเมิ่งหวันกะพริบตาอย่างสงสัยใคร่รู้ จากนั้นจึงหันกลับมามองฉู่โม่หยวนที่อยู่ในรถม้า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะพาหม่อมฉันไปบ่อนพนันหรือเพคะ”
แม้ว่าชื่อชามสมบัติจะดูเป็นศิลปะ แต่ที่นี่กลับเป็นบ่อนพนันที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ในชาติก่อนตอนที่หลินเมิ่งหวันกำลังหนี นางก็มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่อยู่สองสามวัน
นอกจากนั้นฝีมือการทอยลูกเต๋าของนางยังค่อนข้างดี แต่มีน้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้
ฉู่โม่หยวนพยักหน้าและสั่งให้คนบังคับรถม้าเปลี่ยนทิศทาง มุ่งหน้าเข้าไปทางประตูหลังของชามสมบัติ
ทันทีที่ลงจากรถม้า หลินเมิ่งหวันก็เห็นสตรีที่งดงามสดใสผู้หนึ่งตรงเข้ามาทำความเคารพพวกนาง
“คารวะจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย คารวะคุณหนูหลิน” น้ำเสียงของนางนุ่มนวลราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของบุปผา ทั้งอบอุ่นทั้งอ่อนหวาน
หลินเมิ่งหวันประหลาดใจ “ชูยียี เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่”
สตรีที่อยู่ตรงหน้าสวมผ้าแพรต่วนที่เบาบางเรียบง่าย เส้นผมสีดำถูกมวยสูง นัยน์ตากลมรีสดใสแวววาว เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
สายลมยามค่ำพัดโชยมาจนชายกระโปรงของนางพลิ้วไหวเล็กน้อย ให้ความรู้สึกว่ามีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
ชูยียียิ้มและกล่าวว่า “เป็นความกรุณายิ่งนักที่คุณหนูหลี่และจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยมีเมตตา ยียีออกมาจากหอจุ้ยหงแล้ว ตอนนี้เป็นเถ้าแก่ของชามสมบัติเจ้าค่ะ”
หลินเมิ่งหวันมองฉู่โม่หยวนอย่างประหลาดใจ “พระองค์เป็นคนจัดการหรือเพคะ”
ฉู่โม่หยวนพยักหน้า “บ่อนพนันเหมาะสำหรับการเสาะหาข่าวมากกว่าหอจุ้ยหง นอกจากนี้ชูยียียังมีฝีมือและเข้าใจเรื่องการพนันทุกอย่าง การให้นางมาทำงานที่บ่อนพนันจึงเหมาะสมกว่าปล่อยให้อยู่ที่หอจุ้ยหง”
ยังมีเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ การปล่อยให้ชูยียีอยู่ที่หอนางโลมจะเป็นการสะดุดตามากเกินไป หลินเมิ่งหวันที่ไปติดต่อคบหากับนางบ่อยๆ ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย
แม้ว่าบ่อนพนันจะไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก แต่ฉู่โม่หยวนก็ได้ชำระล้างให้ชูยียีมาอยู่ในด้านที่สว่างแล้ว ต่อไปต่อให้หลินเมิ่งหวันมาพบเจอกับชูยียีเป็นการส่วนตัว ชื่อเสียงของนางก็จะไม่เสียหาย
ฉู่โม่หยวนยกมือขึ้นและดีดนิ้วจนเกิดเสียง จากนั้นผู้ชายในชุดทะมัดทะแมงกว่าสิบคนจึงก้าวเข้ามาและคำนับหลินเมิ่งหวันด้วยความเคารพ
“คารวะคุณหนูหลิน”
“ฮ่ะๆ จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย หม่อมฉัน...”
หลินเมิ่งหวันแอบด่าตัวเองในใจ ว่าทำไมถึงเผลอพูดความจริงออกไปโดยไม่ทันระวัง
แต่ทันใดนั้น หลินเมิ่งหวันก็ตระหนักถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
เหตุใดฉู่โม่หยวนจึงถามว่านางคันมือหรือเปล่า
หรือฉู่โม่หยวนจะรู้ว่านางเล่นพนันเป็น
หลินเมิ่งหวันรู้สึกวุ่นวายไปหมด แต่ฉู่โม่หยวนกลับกุมมือเล็กๆ ของนางไว้และปิดหน้าต่างทันที
เสียงรบกวนถูกปิดกัน ฉู่โม่หยวนมองหลินเมิ่งหวันอย่างขบขันและเอ่ยตามตรงว่า “ต่อไปเจ้าจะกลายเป็นเจ้าของบ่อนพนันแห่งนี้ เมื่อเล่นพนันเจ้าไม่จำเป็นต้องแบ่งกำไรให้ชามสมบัติ แล้วก็ไม่ต้องแอบมาด้วย”
หลินเมิ่งหวันหายใจติดขัดและมองฉู่โม่หยวนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
เขารู้ได้อย่างไรว่านางแอบมาเล่นการพนัน!
ในเมืองหลวงมีคนร่ำรวยอยู่มากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงชอบหาเรื่องสนุกโดยธรรมชาติ
อย่างเช่นในเทศกาลบุปผาหรือการสอบขุนนางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะมีคนจำนวนหนึ่งเปิดพนันเดาว่าใครจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย
สำหรับหลินเมิ่งหวันที่เก่งในด้านการค้นพบ ‘โอกาสทางธุรกิจ’ ทุกประเภท นางจึงเปิดบ่อนพนันมาแล้วนานาชนิดๆ
ด้วยเหตุนี้นางจึงยังได้รับความร่วมมือที่เป็นมิตรจากชามสมบัติ!
เพียงแต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากเจินจูกับเฝ่ยชุ่ย แล้วฉู่โม่หยวนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!
ฉู่โม่หยวนยิ้มน้อยๆ เขากุมมือเล็กๆ ของหลินเมิ่งหวันและขยับไปกระซิบที่ข้างหูนางว่า...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก