พอเข้ามาในห้องแล้ว ธีร์ก็ดึงนับหนึ่งเข้ามาสวมกอดทันทีด้วยความรักและคิดถึงสุดหัวใจ
" นับหนึ่ง คุณรู้มั้ยว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน ผมเฝ้ารอวันที่จะได้เจอคุณทุกวันเลย
อยากจะไปหา ก็กลัวคุณจะไม่ว่าง กลัวจะรบกวนเวลางาน เวลาพักผ่อนของคุณ เลยได้แต่รอคุณกลับมาหา
แล้วคุณรู้มั้ยว่าผมก็นอยด์เป็นนะ ที่คุณบอกว่าคิดถึงผมเท่าคนอื่น
คุณก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ คุณช่วยคิดถึงผมในแบบที่พิเศษกว่าคนอื่นหน่อยได้มั้ย "
เขาเอ่ยขอเธออย่างไม่สนใจศักดิ์ศรีหรือนึกอายอีกต่อไป
ตอนนี้เขาปิดบังความรู้สึกและอดทนใจเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว
เพราะมีคู่แข่งคนสำคัญอย่างกวินเข้ามาแสดงตัวอย่างเปิดเผย เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวจนเขากลัวจะเสียนับหนึ่งไปตลอดชีวิต
ถึงแม้ว่ากวินจะเลวแค่ไหน หากกลายเป็นคนที่ถูกใจนับหนึ่ง
ต่อให้เขาเป็นคนดีที่แสนอ่อนโยนเต็มใจรออย่างใจเย็นแค่ไหน ก็คงแพ้คนที่นับหนึ่งถูกใจอยู่ดี
ดังนั้น ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะเดินหน้าจีบนับหนึ่งอย่างเปิดเผยโดยที่ไม่ต้องอดทนรออย่างใจเย็นอีกต่อไป
พอนับหนึ่งได้ยินดังนั้น ก็ยืนนิ่งอึ้งอย่างตกใจ ใช่ เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ธีร์มีต่อเธอและรู้ว่าเขากลัวจะเสียเธอไป เธอเข้าใจความรู้สึกเขาดี
ขนาดตัวเธอเองแม้จะมีสามัญสำนึกในบุญคุณคน แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าเธอไม่รู้สึกดีกับชายอื่น อย่างกวิน เพราะตอนนี้ลึกๆในใจเธอมองกวินเปลี่ยนไปแล้ว และในส่วนลึกสุดของใจก็แอบรู้สึกชอบเขาอยู่ด้วย
แต่อีกใจ เธอก็รู้สึกผิดต่อธีร์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและคอยซัพพอร์ตเธอมาตลอดเช่นกัน
เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเธอจึงโอบกอดเขาแล้วพยักหน้าเบาๆ
" ค่ะ ต่อไปฉันจะคิดถึงคุณในแบบที่พิเศษกว่าคนอื่น ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณนอยด์ "
เพราะเขาคือผู้มีพระคุณ คือคนที่เธอไม่ควรทำให้รู้สึกแย่หรือรู้สึกเสียใจเพราะเธอและเป็นคนที่เธอควรจะตอบแทนบุญคุณ หากไม่ได้เขา เธอก็คงจะไม่มีวันนี้ หรือถ้ามีวันนี้ได้ ก็อาจจะผ่านมาได้อย่างยากลำบากกว่าที่ผ่านมาหลายพันเท่า
พอธีร์ได้ยินนับหนึ่งเอ่ยตอบแบบนั้น เขาดีใจมากที่เธอไม่ขัดใจเขาและไม่มีท่าทีที่จะปฏิเสธใดๆจึงโอบกอดเธอแน่นขึ้นด้วยรักสุดหัวใจ
" ขอบคุณนะนับหนึ่ง ขอบคุณมากจริงๆ "
นับหนึ่งเองก็กอดเขาแน่นแล้วเอ่ย
" เป็นฉันที่ต้องขอบคุณคุณมากกว่าค่ะ หากไม่มีคุณเข้ามาในชีวิต ฉันอาจจะไม่มีวันนี้เลยก็ได้ ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามาในชีวิตฉันและคอยช่วยเหลือฉันมาตลอดค่ะ "
ถ้อยคำของนับหนึ่งทำให้ความรู้สึกดีใจที่มีในใจของธีร์ลดน้อยลง ใจที่พองฟูฝ่อลงเล็กน้อย
เพราะรู้สึกว่า ที่นับหนึ่งไม่ปฏิเสธเขานั้น เป็นเพราะเขามีบุญคุณต่อเธอเท่านั้น ไม่ใช่มีความรู้สึกพิเศษแบบชายหญิงเลย ทำให้เขาแอบเสียใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา ยอมหลอกตัวเองต่อ เพื่อมีเธอข้างกายดังเดิม
ไม่ว่าจะอยู่ในใจเธอด้วยสถานะไหน ขอแค่เธอไม่จากไปไหน เขาก็ยอมเป็นผู้มีพระคุณที่ได้อยู่กับเธอตลอดไป
จากนั้นเขาก็ลอบพึมพำในใจอย่างเงียบๆด้วยความรู้สึกรักหมดหัวใจพร้อมกับหอมศีรษะเธอเบาๆ
[ หากวันหนึ่ง เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน บางที คุณอาจจะมีใจให้ผมขึ้นมาบ้างก็ได้ ผมจะรอวันนั้น รอวันที่คุณมีใจให้ผมเต็มหัวใจ แม้ต้องรอนานแค่ไหน ผมก็จะรอ ]
เขาพึมพำในใจด้วยความรักที่ไม่อาจเสียนับหนึ่งไปได้แล้ว เพราะเธอคือรักแรกและรักเดียวของเขา ต่อให้มีใครที่สวยกว่ารวยกว่า นอกจากนับหนึ่งแล้วเขาก็ไม่เอาใครทั้งนั้น
ด้านหน้าร้านครีมกำลังติดป้ายแจ้งลูกค้า พอติดเสร็จเธอก็กลับเข้ามาในร้านแล้วเอ่ยถามขึ้น เมื่อไม่เห็นนับหนึ่งกับบอส
" บอสกับน้องนับหนึ่งไปไหนแล้วล่ะ "
" ไปคุยความในใจค่ะ "
เจนเอ่ยตอบพลางยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดี ครีมพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินผ่านเจนกับมีมี่ไปนั่งรอบอสในเคาน์เตอร์โดยไม่เอ่ยอะไรอีก
มีมี่มองหน้าเจนที่ยิ้มหน้าบานโดยไม่สนใจอะไรด้วยแววตาครุ่นคิด หล่อนรู้สึกว่าครีมนิ่งผิดปกติไปเมื่อได้ยินเจนเอ่ยแบบนั้น
[ ทำไมเราถึงรู้สึกว่าพี่ครีมเปลี่ยนไปล่ะ หรือว่าเราคิดไปเอง แต่ปกติ เธอควรจะยิ้มยินดีกับน้องกับบอสสิ แล้วทำไมจะต้องทำหน้านิ่งเฉยอย่างไม่ยินดียินร้ายแบบนั้นล่ะ ]
หล่อนรู้สึกสงสัยในตัวครีมขึ้นมา แม้ครีมจะเป็นคนนิ่งๆเรียบร้อยสุขุมเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เซนต์ของหล่อนมันบอกว่าครีมเปลี่ยนไป
เจนเห็นเพื่อนสาวยืนครุ่นคิดจึงเอ่ยถามขึ้น
" เธอยืนคิดอะไรอ่ะ ไป เราไปนั่งรอบอสกับน้องในเคาน์เตอร์กัน "
เธอเอ่ยชวนมีมี่ที่ยืนครุ่นคิดเงียบๆไปนั่งพร้อมกับจับแขนหล่อนลากเข้าไปในเคาน์เตอร์โดยไม่รอหล่อนตอบ
มีมี่เข้าไปนั่งลงข้างๆครีมแล้ววางศอกลงบนโต๊ะเอามือซ้ายเท้าคางหันไปทางครีมแล้วลอบสังเกตไปอย่างเงียบๆ
โดยมีเจนนั่งไขว่ห้าง เอามือกอดอกอยู่ข้างหล่อนรอเวลาที่ลูกค้าออกจากร้าน
กวินนั่งในห้องทำงานอันเรียบหรูบนตึกสูงอย่างเงียบๆ พอทำงานเสร็จก็วางมือจากงานแล้วลุกออกจากเก้าอี้
เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาเพื่อพักผ่อน
จากนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาปัดหน้าจอจิ้มไปยังแอปติดตามตัวรถบนจอโทรศัพท์ เพื่อดูว่าตอนนี้นับหนึ่งอยู่ที่ไหน
แต่พอตัวติดตามรถแจ้งตำแหน่งที่นับหนึ่งอยู่ เขาถึงกับขมวดคิ้วมุ่น หรี่ตาเพ่งมองตำแหน่งบนจอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จากนั้นก็โทรไปยังเบอร์โทรของกฤต พอกฤตรับสายเขาก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบอย่างสุขุมเยือกเย็น
" ไปร้านนั่งชิลล์ "
" ครับ "
กฤตตอบรับคำอย่างสุขุม
น้ำเสียงและจังหวะการพูดแบบนั้นของเจ้านายทำให้เขาเดาออกทันที ว่าเจ้านายกำลังไม่สบอารมณ์อย่างมาก
สิ่งที่ทำให้เจ้านายของเขาอยากไปร้านนั่งชิลล์ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น มีเพียงสาเหตุเดียว คือ คุณธีร์กับนับหนึ่งคงจะอยู่ที่นั่นด้วยกัน
หลังจากที่เจ้านายวางสายไป กรที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆกฤตจึงเอ่ยขึ้น
" คุณนับหนึ่งอยู่ที่ร้านนั่งชิลล์ใช่มั้ย "
กฤตหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้านิ่งแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
" นายกลายเป็นคนสอดรู้เรื่องคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ "
" นายเปิดเสียงโทรศัพท์ดังเองนะ ฉันนั่งใกล้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้ว "
กฤตมองเพื่อนด้วยแววตานิ่งเฉยแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน
กวินกำลังเปิดประตูออกมาจากห้อง เห็นลูกน้องคนสนิทกำลังออกมาพอดี เลยมองหน้าลูกน้องคนสนิทด้วยแววตาเย็นชาแวบเดียวแล้วเดินนำไปยังประตูลิฟต์ ส่วนกฤตก็เดินตามเจ้านายไปอย่างเงียบๆ
พอประตูลิฟต์เปิดออก พวกเขาก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปุ่มลงไปชั้นล่าง
สองหนุ่มยืนในลิฟต์กันอย่างเงียบๆ เมื่อลงมาถึงชั้นล่างประตูลิฟต์ก็เปิดออกอีกครั้ง สองหนุ่มก้าวออกมาจากลิฟต์แล้วไปขึ้นรถในลานจอดรถส่วนตัว
พอเข้ามานั่งในรถกันเรียบร้อยแล้ว กฤตก็ขับออกไปจากบริษัท มุ่งหน้าไปยังถนนเส้นที่ไปร้านนั่งชิลล์
ระหว่างทาง กวินก็กดโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ของนับหนึ่ง แต่เธอกลับไม่รับสายเขาเลยสักครั้ง มีเพียงเสียงรอสายดัง ตู๊ด ตู๊ด ทำให้หงุดหงิดใจอย่างมากถึงกับบ่นพึมพำออกมาเสียงต่ำอย่างอารมณ์เสีย
" นับหนึ่ง อย่าให้รู้นะว่าคุณแอบทำอะไรนอกลู่นอกทางกับไอ้ธีร์นั่น ไม่งั้น ผมจะไม่มีวัน ให้อภัยพวกคุณสองคนเลย "
ในถ้อยคำและน้ำเสียงของเจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมเยือกเย็นนั้น เต็มไปด้วยความหึงหวง
แถมยังคิดเองเออเอง โดยลืมไปว่านับหนึ่งกับเขาไม่ได้มีสถานะพิเศษใดๆต่อกันเลย
เมื่อความเผด็จการที่มีในตัวของกวินก็เผยออกมา ทำให้กฤตรู้สึกเป็นห่วงนับหนึ่งขึ้นมา จึงเอ่ยเตือนสติเจ้านายด้วยความหวังดีอย่างจริงใจ
" เอ่อ...ตอนนี้สถานะของท่านประธานกับคุณนับหนึ่งเป็นแค่คนรู้จัก หากท่านประธานชอบคุณนับหนึ่งจริงๆ ผมว่า ควรจะสารภาพกับเธออย่างเป็นทางการจะดีกว่าครับ แล้วท่านประธานจะมีสิทธิ์ในตัวคุณนับหนึ่งมากขึ้น "
แม้เขาจะรู้สึกปวดจี๊ดในใจ เมื่อพูดแบบนั้นออกไป แต่เขายอมเจ็บได้และยินดีช่วยเสมอ ถ้าเจ้านายชอบนับหนึ่งอย่างจริงใจ
เพราะยังไงเขาก็รู้ตัว ว่ามีสิทธิ์แค่เป็นคนที่แอบชอบนับหนึ่งข้างเดียว ไม่มีโอกาสหวังเหมือนคุณธีร์
กวินได้ยินลูกน้องคนสนิทเอ่ยดังนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่มีสิทธิ์โมโหหึงในตัวนับหนึ่ง จึงเอ่ยกับกฤตว่า
" ขอบใจที่เตือน ฉันจะเก็บข้อเสนอของคุณกลับไปพิจารณานะ "
" ครับ "
กฤตตอบรับคำเพียงสั้นๆอย่างสุภาพ
เอ่ยจบกวินก็นั่งเงียบด้วยสีหน้าสุขุมนิ่งเฉยพร้อมกับครุ่นคิดไปอย่างเงียบๆ
ตอนนี้เขารู้แล้ว ว่าควรจะชิงสารภาพรักกับนับหนึ่ง เพื่อที่จะได้มีสิทธิ์ในตัวเธอเหมือนที่กฤตบอก
หากสถานะเป็นแฟนกัน เขาสามารถควบคุมเธอหรือทำเรื่องชายหญิงกับเธอได้ตามใจ
นั่นยิ่งทำให้เธอมีโอกาสท้องทายาทให้เขาเร็วมากขึ้น
เมื่อคิดได้แล้ว จึงตัดสินใจ ว่าจะรีบสารภาพรักเธอและขอเธอเป็นแฟนให้เร็วที่สุด หากถูกเธอปฏิเสธก็เตรียมใช้แผนสองต่อทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก