ริษยาร้ายซ่อนรัก นิยาย บท 102

พอเข้ามาในห้องแล้ว ธีร์ก็ดึงนับหนึ่งเข้ามาสวมกอดทันทีด้วยความรักและคิดถึงสุดหัวใจ

" นับหนึ่ง คุณรู้มั้ยว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน ผมเฝ้ารอวันที่จะได้เจอคุณทุกวันเลย

อยากจะไปหา ก็กลัวคุณจะไม่ว่าง กลัวจะรบกวนเวลางาน เวลาพักผ่อนของคุณ เลยได้แต่รอคุณกลับมาหา

แล้วคุณรู้มั้ยว่าผมก็นอยด์เป็นนะ ที่คุณบอกว่าคิดถึงผมเท่าคนอื่น

คุณก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ คุณช่วยคิดถึงผมในแบบที่พิเศษกว่าคนอื่นหน่อยได้มั้ย "

เขาเอ่ยขอเธออย่างไม่สนใจศักดิ์ศรีหรือนึกอายอีกต่อไป

ตอนนี้เขาปิดบังความรู้สึกและอดทนใจเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว

เพราะมีคู่แข่งคนสำคัญอย่างกวินเข้ามาแสดงตัวอย่างเปิดเผย เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวจนเขากลัวจะเสียนับหนึ่งไปตลอดชีวิต

ถึงแม้ว่ากวินจะเลวแค่ไหน หากกลายเป็นคนที่ถูกใจนับหนึ่ง

ต่อให้เขาเป็นคนดีที่แสนอ่อนโยนเต็มใจรออย่างใจเย็นแค่ไหน ก็คงแพ้คนที่นับหนึ่งถูกใจอยู่ดี

ดังนั้น ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะเดินหน้าจีบนับหนึ่งอย่างเปิดเผยโดยที่ไม่ต้องอดทนรออย่างใจเย็นอีกต่อไป

พอนับหนึ่งได้ยินดังนั้น ก็ยืนนิ่งอึ้งอย่างตกใจ ใช่ เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ธีร์มีต่อเธอและรู้ว่าเขากลัวจะเสียเธอไป เธอเข้าใจความรู้สึกเขาดี

ขนาดตัวเธอเองแม้จะมีสามัญสำนึกในบุญคุณคน แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าเธอไม่รู้สึกดีกับชายอื่น อย่างกวิน เพราะตอนนี้ลึกๆในใจเธอมองกวินเปลี่ยนไปแล้ว และในส่วนลึกสุดของใจก็แอบรู้สึกชอบเขาอยู่ด้วย

แต่อีกใจ เธอก็รู้สึกผิดต่อธีร์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและคอยซัพพอร์ตเธอมาตลอดเช่นกัน

เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเธอจึงโอบกอดเขาแล้วพยักหน้าเบาๆ

" ค่ะ ต่อไปฉันจะคิดถึงคุณในแบบที่พิเศษกว่าคนอื่น ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณนอยด์ "

เพราะเขาคือผู้มีพระคุณ คือคนที่เธอไม่ควรทำให้รู้สึกแย่หรือรู้สึกเสียใจเพราะเธอและเป็นคนที่เธอควรจะตอบแทนบุญคุณ หากไม่ได้เขา เธอก็คงจะไม่มีวันนี้ หรือถ้ามีวันนี้ได้ ก็อาจจะผ่านมาได้อย่างยากลำบากกว่าที่ผ่านมาหลายพันเท่า

พอธีร์ได้ยินนับหนึ่งเอ่ยตอบแบบนั้น เขาดีใจมากที่เธอไม่ขัดใจเขาและไม่มีท่าทีที่จะปฏิเสธใดๆจึงโอบกอดเธอแน่นขึ้นด้วยรักสุดหัวใจ

" ขอบคุณนะนับหนึ่ง ขอบคุณมากจริงๆ "

นับหนึ่งเองก็กอดเขาแน่นแล้วเอ่ย

" เป็นฉันที่ต้องขอบคุณคุณมากกว่าค่ะ หากไม่มีคุณเข้ามาในชีวิต ฉันอาจจะไม่มีวันนี้เลยก็ได้ ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามาในชีวิตฉันและคอยช่วยเหลือฉันมาตลอดค่ะ "

ถ้อยคำของนับหนึ่งทำให้ความรู้สึกดีใจที่มีในใจของธีร์ลดน้อยลง ใจที่พองฟูฝ่อลงเล็กน้อย

เพราะรู้สึกว่า ที่นับหนึ่งไม่ปฏิเสธเขานั้น เป็นเพราะเขามีบุญคุณต่อเธอเท่านั้น ไม่ใช่มีความรู้สึกพิเศษแบบชายหญิงเลย ทำให้เขาแอบเสียใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา ยอมหลอกตัวเองต่อ เพื่อมีเธอข้างกายดังเดิม

ไม่ว่าจะอยู่ในใจเธอด้วยสถานะไหน ขอแค่เธอไม่จากไปไหน เขาก็ยอมเป็นผู้มีพระคุณที่ได้อยู่กับเธอตลอดไป

จากนั้นเขาก็ลอบพึมพำในใจอย่างเงียบๆด้วยความรู้สึกรักหมดหัวใจพร้อมกับหอมศีรษะเธอเบาๆ

[ หากวันหนึ่ง เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน บางที คุณอาจจะมีใจให้ผมขึ้นมาบ้างก็ได้ ผมจะรอวันนั้น รอวันที่คุณมีใจให้ผมเต็มหัวใจ แม้ต้องรอนานแค่ไหน ผมก็จะรอ ]

เขาพึมพำในใจด้วยความรักที่ไม่อาจเสียนับหนึ่งไปได้แล้ว เพราะเธอคือรักแรกและรักเดียวของเขา ต่อให้มีใครที่สวยกว่ารวยกว่า นอกจากนับหนึ่งแล้วเขาก็ไม่เอาใครทั้งนั้น

ด้านหน้าร้านครีมกำลังติดป้ายแจ้งลูกค้า พอติดเสร็จเธอก็กลับเข้ามาในร้านแล้วเอ่ยถามขึ้น เมื่อไม่เห็นนับหนึ่งกับบอส

" บอสกับน้องนับหนึ่งไปไหนแล้วล่ะ "

" ไปคุยความในใจค่ะ "

เจนเอ่ยตอบพลางยิ้มแฉ่งอย่างอารมณ์ดี ครีมพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินผ่านเจนกับมีมี่ไปนั่งรอบอสในเคาน์เตอร์โดยไม่เอ่ยอะไรอีก

มีมี่มองหน้าเจนที่ยิ้มหน้าบานโดยไม่สนใจอะไรด้วยแววตาครุ่นคิด หล่อนรู้สึกว่าครีมนิ่งผิดปกติไปเมื่อได้ยินเจนเอ่ยแบบนั้น

[ ทำไมเราถึงรู้สึกว่าพี่ครีมเปลี่ยนไปล่ะ หรือว่าเราคิดไปเอง แต่ปกติ เธอควรจะยิ้มยินดีกับน้องกับบอสสิ แล้วทำไมจะต้องทำหน้านิ่งเฉยอย่างไม่ยินดียินร้ายแบบนั้นล่ะ ]

หล่อนรู้สึกสงสัยในตัวครีมขึ้นมา แม้ครีมจะเป็นคนนิ่งๆเรียบร้อยสุขุมเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เซนต์ของหล่อนมันบอกว่าครีมเปลี่ยนไป

เจนเห็นเพื่อนสาวยืนครุ่นคิดจึงเอ่ยถามขึ้น

" เธอยืนคิดอะไรอ่ะ ไป เราไปนั่งรอบอสกับน้องในเคาน์เตอร์กัน "

เธอเอ่ยชวนมีมี่ที่ยืนครุ่นคิดเงียบๆไปนั่งพร้อมกับจับแขนหล่อนลากเข้าไปในเคาน์เตอร์โดยไม่รอหล่อนตอบ

มีมี่เข้าไปนั่งลงข้างๆครีมแล้ววางศอกลงบนโต๊ะเอามือซ้ายเท้าคางหันไปทางครีมแล้วลอบสังเกตไปอย่างเงียบๆ

โดยมีเจนนั่งไขว่ห้าง เอามือกอดอกอยู่ข้างหล่อนรอเวลาที่ลูกค้าออกจากร้าน

กวินนั่งในห้องทำงานอันเรียบหรูบนตึกสูงอย่างเงียบๆ พอทำงานเสร็จก็วางมือจากงานแล้วลุกออกจากเก้าอี้

เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาเพื่อพักผ่อน

จากนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาปัดหน้าจอจิ้มไปยังแอปติดตามตัวรถบนจอโทรศัพท์ เพื่อดูว่าตอนนี้นับหนึ่งอยู่ที่ไหน

แต่พอตัวติดตามรถแจ้งตำแหน่งที่นับหนึ่งอยู่ เขาถึงกับขมวดคิ้วมุ่น หรี่ตาเพ่งมองตำแหน่งบนจอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

จากนั้นก็โทรไปยังเบอร์โทรของกฤต พอกฤตรับสายเขาก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบอย่างสุขุมเยือกเย็น

" ไปร้านนั่งชิลล์ "

" ครับ "

กฤตตอบรับคำอย่างสุขุม

น้ำเสียงและจังหวะการพูดแบบนั้นของเจ้านายทำให้เขาเดาออกทันที ว่าเจ้านายกำลังไม่สบอารมณ์อย่างมาก

สิ่งที่ทำให้เจ้านายของเขาอยากไปร้านนั่งชิลล์ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น มีเพียงสาเหตุเดียว คือ คุณธีร์กับนับหนึ่งคงจะอยู่ที่นั่นด้วยกัน

หลังจากที่เจ้านายวางสายไป กรที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆกฤตจึงเอ่ยขึ้น

" คุณนับหนึ่งอยู่ที่ร้านนั่งชิลล์ใช่มั้ย "

กฤตหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้านิ่งแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

" นายกลายเป็นคนสอดรู้เรื่องคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ "

" นายเปิดเสียงโทรศัพท์ดังเองนะ ฉันนั่งใกล้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้ว "

กฤตมองเพื่อนด้วยแววตานิ่งเฉยแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน

กวินกำลังเปิดประตูออกมาจากห้อง เห็นลูกน้องคนสนิทกำลังออกมาพอดี เลยมองหน้าลูกน้องคนสนิทด้วยแววตาเย็นชาแวบเดียวแล้วเดินนำไปยังประตูลิฟต์ ส่วนกฤตก็เดินตามเจ้านายไปอย่างเงียบๆ

พอประตูลิฟต์เปิดออก พวกเขาก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปุ่มลงไปชั้นล่าง

สองหนุ่มยืนในลิฟต์กันอย่างเงียบๆ เมื่อลงมาถึงชั้นล่างประตูลิฟต์ก็เปิดออกอีกครั้ง สองหนุ่มก้าวออกมาจากลิฟต์แล้วไปขึ้นรถในลานจอดรถส่วนตัว

พอเข้ามานั่งในรถกันเรียบร้อยแล้ว กฤตก็ขับออกไปจากบริษัท มุ่งหน้าไปยังถนนเส้นที่ไปร้านนั่งชิลล์

ระหว่างทาง กวินก็กดโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ของนับหนึ่ง แต่เธอกลับไม่รับสายเขาเลยสักครั้ง มีเพียงเสียงรอสายดัง ตู๊ด ตู๊ด ทำให้หงุดหงิดใจอย่างมากถึงกับบ่นพึมพำออกมาเสียงต่ำอย่างอารมณ์เสีย

" นับหนึ่ง อย่าให้รู้นะว่าคุณแอบทำอะไรนอกลู่นอกทางกับไอ้ธีร์นั่น ไม่งั้น ผมจะไม่มีวัน ให้อภัยพวกคุณสองคนเลย "

ในถ้อยคำและน้ำเสียงของเจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมเยือกเย็นนั้น เต็มไปด้วยความหึงหวง

แถมยังคิดเองเออเอง โดยลืมไปว่านับหนึ่งกับเขาไม่ได้มีสถานะพิเศษใดๆต่อกันเลย

เมื่อความเผด็จการที่มีในตัวของกวินก็เผยออกมา ทำให้กฤตรู้สึกเป็นห่วงนับหนึ่งขึ้นมา จึงเอ่ยเตือนสติเจ้านายด้วยความหวังดีอย่างจริงใจ

" เอ่อ...ตอนนี้สถานะของท่านประธานกับคุณนับหนึ่งเป็นแค่คนรู้จัก หากท่านประธานชอบคุณนับหนึ่งจริงๆ ผมว่า ควรจะสารภาพกับเธออย่างเป็นทางการจะดีกว่าครับ แล้วท่านประธานจะมีสิทธิ์ในตัวคุณนับหนึ่งมากขึ้น "

แม้เขาจะรู้สึกปวดจี๊ดในใจ เมื่อพูดแบบนั้นออกไป แต่เขายอมเจ็บได้และยินดีช่วยเสมอ ถ้าเจ้านายชอบนับหนึ่งอย่างจริงใจ

เพราะยังไงเขาก็รู้ตัว ว่ามีสิทธิ์แค่เป็นคนที่แอบชอบนับหนึ่งข้างเดียว ไม่มีโอกาสหวังเหมือนคุณธีร์

กวินได้ยินลูกน้องคนสนิทเอ่ยดังนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่มีสิทธิ์โมโหหึงในตัวนับหนึ่ง จึงเอ่ยกับกฤตว่า

" ขอบใจที่เตือน ฉันจะเก็บข้อเสนอของคุณกลับไปพิจารณานะ "

" ครับ "

กฤตตอบรับคำเพียงสั้นๆอย่างสุภาพ

เอ่ยจบกวินก็นั่งเงียบด้วยสีหน้าสุขุมนิ่งเฉยพร้อมกับครุ่นคิดไปอย่างเงียบๆ

ตอนนี้เขารู้แล้ว ว่าควรจะชิงสารภาพรักกับนับหนึ่ง เพื่อที่จะได้มีสิทธิ์ในตัวเธอเหมือนที่กฤตบอก

หากสถานะเป็นแฟนกัน เขาสามารถควบคุมเธอหรือทำเรื่องชายหญิงกับเธอได้ตามใจ

นั่นยิ่งทำให้เธอมีโอกาสท้องทายาทให้เขาเร็วมากขึ้น

เมื่อคิดได้แล้ว จึงตัดสินใจ ว่าจะรีบสารภาพรักเธอและขอเธอเป็นแฟนให้เร็วที่สุด หากถูกเธอปฏิเสธก็เตรียมใช้แผนสองต่อทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก