อิงฟ้าขับรถกลับมาถึงบ้านช่วงสี่โมงเย็น เนื่องจากมหาลัยกับบ้านอยู่คนละจังหวัด
แล้วเธอก็ขับเข้ามาจอดในที่จอดรถส่วนตัว หลังจากดับเครื่องเสร็จก็เปิดประตูลงมาเดินถือกระเป๋าเข้าบ้านไป
รานีเดินออกมารับลูกสาวด้วยสีหน้ายิ้มบานอย่างอ่อนโยน
" กลับมาถึงแล้วเหรอ "
แกเอ่ยพร้อมกับเข้ามาโอบเอวลูกสาวกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกัน
" วันนี้นะ แม่ทำอาหารที่ลูกชอบไว้มากมายเลย มีแต่ขอโปรดลูกทั้งนั้นเลย "
อิงฟ้าไม่สนใจอาหารอะไรทั้งนั้น เพราะเธอรู้จักนิสัยแม่เธอดี เธอจึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
" คุณแม่ไม่ต้องมาเอาใจหนูหรอกค่ะ พูดมาเลยว่าจะให้หนูช่วยแก้ปัญหายังไง "
เธอเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาแล้วรินใส่แก้ว แล้วเดินกลับมานั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก
รานีเดินตามลูกสาวด้วยสีหน้าลำบากใจที่จะเอ่ยในใจก็แอบกลัวลูกสาวด่าเหมือนกัน
แต่ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นแกก็ต้องเอ่ยออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆพร้อมกับนั่งลงข้างๆลูกสาว
" คืองี้นะลูก แม่ แม่อยากให้ลูกไปแทนนังนับหนึ่งหน่อย แค่ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว "
อิงฟ้าได้ยินดังนั้นดวงตาเธอก็แข็งกร้าวขึ้นมาทันทีแล้ววางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ หันมาจ้องหน้าผู้เป็นแม่อย่างดุร้าย
" คุณแม่!!! "
อิงฟ้าตะคอกเสียงกร้าวใส่ผู้เป็นแม่ด้วยความโมโห
รานีกะพริบตาถี่รัวอย่างตกใจพร้อมกับรีบเอ่ยอธิบายทันที
" ลูกใจเย็นๆก่อนนะ อย่าเพิ่งด่าแม่ อย่าเพิ่งโวยวายโอเคนะคะ "
อิงฟ้าเหมือนจะฟังแม่อยู่บ้าง เธอยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มต่ออย่างอารมณ์เสียแล้วเอ่ยเสียงขุ่นโดยไม่มองหน้าแม่อีก
" คุณแม่พูดเหตุผลมา "
" คือ คือ แม่ แม่ได้ยินมาว่าเจ้านายของพ่อคนนี้ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย
ไม่ได้แก่อย่างที่เราเข้าใจ หากลูกไม่เชื่อ ลูกก็ลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเองดูเลย ดีมั้ย
แม่เองก็อยากรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง ทำตัวลึกลับอย่างกับกลัวจะเสียชื่อเสียงที่ซื้อผู้หญิงกิน
คนแบบนี้ถ้าไม่กลัวเมียรู้ ก็เป็นผู้ชายที่มีชื่อเสียงทางสังคมมาก
หากเขายังหนุ่มอยู่ ลูกจะยอมให้นังนับหนึ่งโชคดีได้ผู้ชายรวยๆ ได้ดิบได้ดีเกินหน้าเกินตาลูกเหรอ "
อิงฟ้าครุ่นคิดอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าเธอจะไม่ยอมให้นับหนึ่งได้ดีกว่าเธออยู่แล้ว
แค่รู้สึกว่านับหนึ่งหน้าตาดีกว่ามีเสน่ห์กว่า เธอก็แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว หากจะให้นับหนึ่งได้ดิบได้ดี เธอยอมไม่ได้
ที่ผ่านมาเธออิจฉานับหนึ่งมาตลอด ตอนที่ยังเด็กอิจฉาที่นับหนึ่งเป็นลูกเมียหลวง
อิจฉานับหนึ่งที่สามารถบอกใครต่อใครได้ว่าพ่อคือใคร และที่อิจฉาหนักสุดคือ
อิจฉาที่นับหนึ่งมีหน้าตาสะสวยในแบบที่เธอชอบ อยากมีดวงตาที่ดูมีพลังแบบนับหนึ่ง
รานีนั่งมองลูกสาวครุ่นคิด ลุ้นว่าลูกสาวจะตอบตกลงหรือเปล่า จากนั้นแกก็เอ่ยเสริมต่อว่า
" หากประธานคนนี้ยังหนุ่มลูกก็ฉวยโอกาสนี้ทำให้เขาหลงในตัวลูกเลย
แล้วลูกก็จะได้เป็นคุณผู้หญิงที่ร่ำรวย ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยายไง
ถ้ามันแก่ลูกก็แค่เสียตัวให้มันครั้งเดียวแลกกับความสบายทั้งชาติมันก็คุ้มแล้วไม่ใช่เหรอ
แล้วลูกก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแฉ เพราะเรื่องนี้จะไม่มีใครรู้หรอก เชื่อแม่ ทางนั้นไม่มีทางที่จะกล้าเปิดเผยเรื่องซื้อกินแน่นอน "
แกพูดหลอกล่อให้ลูกสาวคล้อยตาม ความจริงแกไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเจ้านายของสามีเลย
ที่อ้างว่าได้ยินมา ก็เพื่อกระตุ้นให้ลูกสาวเกิดความสนใจจนอยากรู้เท่านั้น
เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวแล้ว แกจำเป็นต้องส่งลูกสาวสุดที่รักไปแทนนับหนึ่ง
แม้ไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำใจส่งไป ดีกว่าผิดคำพูดแล้วไร้ที่ซุกหัวนอน
แกไม่สามารถทนเห็นลูกสาวที่กำลังมีชีวิตที่ดี มีอานาคตที่สดใสรออยู่ ต้องมาลำบากไร้อนาคตเพราะเรื่องนี้
" ได้ค่ะ คุณแม่ หนูจะไป หากว่ายังหนุ่มอยู่ต่อให้หน้าหน้าตาขี้เหร่หนูก็เอาค่ะ ขอแค่รวยมีเงินให้หนูใช้ก็พอ "
รานีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
" ลูกพูดจริงเหรอ ไม่ได้ล้อแม่เล่นใช่มั้ย "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก