ชายร่างสูงใหญ่กับคนขับรถนั่งมองจอแล็ปท็อปผ่านกล้องวงจรปิดที่ใช้ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
แล้วอยู่ๆคนขับรถก็นึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวคนนั้นเคยบอกว่า เธอไม่มีครอบครัว เขาเลยบอกกับเจ้านายที่ยืนตรงหน้าเขาว่า
" ท่านประธานครับ ผมจำได้ว่า ตอนที่ขับรถไปส่งหญิงสาวกลับบ้าน เธอเคยบอกว่าเธอไม่มีครอบครัวแล้ว
ถ้าจำไม่ผิด เหมือนเธอจะบอกว่า พ่อแม่เธอตายไปตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็กครับ แบบนี้มันก็ตรงกับที่คุณรานีพูดนะครับ "
ชายร่างสูงใหญ่ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็นด้วยแววตาเคร่งขรึมสายตาจับจ้องคนที่อยู่ในจอ
" คุณเชื่อที่สองสามีภรรยานั่นพูดงั้นเหรอ "
คนขับรถหลุบตาลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างรู้ตัวว่าตัวเองผิดที่เชื่อคำพูดคนง่ายเกินไปและด่วนสรุปเร็วเกินไป
" เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าคำพูดของหญิงสาวคนนั้นน่าจะไม่ได้โกหกก็เท่านั้นเอง "
จากนั้นเขาก็ค้อมตัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างสำนึกผิดที่ขี้เห็นใจ เชื่อคนง่าย
หากเป็นแบบนี้ มันจะส่งผลต่องานในหน้าที่ เสี่ยงต่อการโดนหลอกจนเสียงานใหญ่ได้
" ขอโทษครับ ที่ผมด่วนสรุปเกินไป "
ชายร่างสูงใหญ่ไม่เชื่อคำพูดของสองสามีภรรยานั่นเลย จากนั้นเขาก็เอ่ยกับผู้ช่วยคนสนิทผ่านหูฟัง
" ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมพูด งั้นก็ปล่อยให้พวกเขาอยู่ติดกับต้นไม้ที่นี่ ให้อดข้าว อดน้ำสักสองสามวัน
กำชับคนของเราว่าให้จับตาดูทั้งสองไว้ อย่าให้พวกเขาได้หลับแม้แต่นิดเดียว
หากหลับตาก็เอาน้ำเย็นสาดใส่เลย หากครบสามวันแล้วยังไม่ยอมปริปากพูดความจริง
ก็ค่อยปล่อยพวกเขากลับไป ยังไงพวกเขาก็เป็นพ่อแม่ของอิงฟ้า ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ "
" รับทราบครับ "
ผู้ช่วยคนสนิทเอ่ยตอบรับคำ
จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับลูกน้องเสียงเย็นด้วยท่าทีสุขุม
" พวกนายคอยเฝ้าอยู่ห่างๆ คอยดูให้ดี ถ้าพวกเขาหลับก็เอาน้ำเย็นมาสาดใส่หน้าทันที
แล้วห้ามให้ข้าว ห้ามให้น้ำ จนกว่าพวกเขาจะยอมพูดความจริง เข้าใจมั้ย "
" ครับ "
ชายฉกรรจ์เอ่ยตอบรับคำอย่างเข้าใจ แล้วผู้ช่วยคนสนิทก็ลุกจากเก้าอี้ หมุนตัวเดินออกไป
รานีมองแผ่นหลังของคนที่เดินออกไปแล้วนึกถึงวันที่แกกับลูกสาวแยกย้ายกันออกไปซื้อตัวเพื่อนบ้านให้ช่วยปิดปาก
แกแอบชื่นชมในความฉลาดรอบคอบของลูกสาว พอรู้ว่าเจ้านายพ่อจะตามหานับหนึ่ง
ก็ไล่ขอซื้อกล้องวงจรปิดแถวบ้านไปจนถึงถนนแล้วทำลายทิ้งจนเกลี้ยง
[ แม้จะหมดเงินไปเยอะ แต่มันก็คุ้มแล้วถ้าลูกอิงฟ้าประสบความสำเร็จ ได้ในสิ่งที่ต้องการ ]
รานีพึมพำในใจ นึงถึงความสำเร็จและอนาคตที่สดใสของลูกสาว
หลังจากนั้นสองสามีภรรยาก็เริ่มถูกทรมาน ถูกสาดด้วยน้ำเย็น
หิวข้าวก็ต้องอดข้าว หิวน้ำก็ต้องอดน้ำ ง่วงก็ไม่ได้หลับ
ร่างกายถูกทรมานเป็นเวลานานติดต่อกันสามวัน จนล้มป่วย ร่างกายอ่อนล้า ซีดเซียว
แม้จะถูกทรมานด้วยวิธีใด รานีกับธำรงต่างก็ไม่ยอมให้ข้อมูลของนับหนึ่งกับคนที่จับตัวพวกเขาเลย
ทำให้ชายร่างสูงไม่สามารถตามหาตัวนับหนึ่งเจอ เพราะไม่รู้ชื่อ ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเธอเลย แม้แต่ใบหน้าก็ไม่เคยเห็นสักครั้ง
ตามกล้องวงจรในโรงแรมก็มองไม่เห็นหน้าเธอเลย เธอก้มหน้าก้มตาทุกครั้ง ตอนเดินออกจากโรงแรม ราวกับกลัวกล้องจะเห็นหน้า
พอรู้ว่าตรงไหนมีกล้องก็ปกปิดใบหน้าที่เป็นส่วนสำคัญทันที
ความฉลาดของนับหนึ่ง ทำให้เขาไม่เชื่อว่าเธอเป็นคนเร่ร่อนอย่างที่รานีพูด
และทำให้เขารู้สึกจนปัญญาที่จะตามหาเธอเจอ จนถอดใจเลิกตามหา แล้วหันมาสนใจอิงฟ้าแทน
หนึ่งปีต่อมา......
การถ่ายทำหนังของอิงฟ้าก็จบลง หนังที่เธอเล่นเริ่มโปรโมท และออกฉายทางทีวี หนังที่เธอเล่นกระแสดีเกินต้าน
จนเธอประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดัง กลายเป็นนางเอกตัวท็อปของวงการบันเทิง
ทุกครั้งที่เดินผ่านร้านไก่ทอดหอมๆ เมื่อความหอมของไก่ทอดลอยมาเตะจมูกเธอจะเตือนสติตัวเองเสมอว่า
[ ถ้าเธอกินไก่ทอดชิ้นละสามสิบห้าบาทวันนี้ เธอจะไม่มีเงินซื้อข้าวกินในมหาลัยแล้ว มันไม่คุ้มกับความอร่อยเพียงครั้งเดียวนะ ]
อร่อยปากเพียงครั้งเดียวกับอิ่มท้องครึ่งวัน คนไม่มีเงินเช่นเธอก็ต้องเลือกอิ่มท้องครึ่งวันสิ
สุดท้ายก็ได้แต่อดใจ อดกิน แล้วก็อดทนจนผ่านช่วงรับน้องและจนจบปีหนึ่งไป
[ นับหนึ่ง ถ้าเธอมีงานทำ ค่อยซื้อไก่ทอดไก่ย่างกินแล้วกันนะ ไม่ได้กินก็ไม่ได้อดตายสักหน่อยนี่นา ]
ในทุกๆครั้งที่เกิดความอยากเธอได้แต่พูดกับตัวเองอย่างน่าสงสาร
จนบางครั้งเธอถึงกับร้องให้ออกมา โดยไม่รู้ว่าที่ร้องให้นั้นเพราะท้อแท้หรือสงสารตัวเองกันแน่
แค่ไก่ทอดชิ้นเดียวเธอต้องคิดแล้วคิดอีก จนผ่านไปหนึ่งปีแล้วก็ยังไม่ได้กิน
และในอาทิตย์หน้าเธอก็ต้องย้ายออกจากหออีก เพราะเธอไม่มีเงินจ่ายค่าหอแล้ว
ช่วงนี้เธอเลยเก็บเงินที่เหลือไม่ถึงพัน ไว้ใช้เป็นค่ารถตอนไปสมัครงานพาร์ทไทม์
เธอนั่งมองเงินในมือตัวเองแล้วเอ่ยตัดพ้ออย่างน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา
" เมื่อไหร่หนูจะมีงานดีๆ มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ กินอิ่มหลับสบายเหมือนคนอื่น
ทำไมโชคชะตาถึงไม่เมตตาหนูบ้างเลย ชาติที่แล้วหนูทำบาปทำกรรมอะไรนักหนา
ชาตินี้ถึงได้เกิดมา อาภัพ มีแม่ แม่ก็จากไป มีพ่อ พ่อก็ไม่รัก
แม่เลี้ยงก็ใจร้าย เอาแต่กดขี่ ข่มเหง มาตลอด พี่คนละแม่ก็กลั่นแกล้ง รังแกจนไม่เคยได้อยู่อย่างสงบสุขเลย
แถมยังถูกขายให้คนเลวทรามต่ำช้าย่ำยีตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
หนูเหนื่อยค่ะ ให้หนูเกิดมาแล้วทำไมต้องให้เจออะไรแบบนี้ด้วย รู้มั้ย ว่าหนูรู้สึกท้อเหลือเกิน
หนูแทบจะอดทนเดินไปข้างหน้าและมีชีวิตต่อไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าชาตินี้หนูจะมีชีวิตที่ดีๆกับเขาบ้างมั้ย หนูเหนื่อยจริงๆ "
เธอร้องให้พึมพำออกมาด้วยความรู้สึกท้อแท้แล้วทิ้งตัวนอนลงไปทั้งน้ำตา จนเผลอหลับไป
** กลับมาแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ **
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก