หลังจากสิ้นสุดการรับมือกับชายสวมหน้ากากแล้ว ธีร์ก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
แล้วมองไปยังนับหนึ่งที่นั่งหลับรอบนโซฟาด้วยความรู้สึกเอ็นดู
" ผมทำงานเสร็จแล้ว ขอโทษนะนับหนึ่ง ที่ทำให้คุณรอนานเลย "
น้ำเสียงทุ้มที่เจือไปด้วยความนุ่มนวลดังขึ้น นับหนึ่งจึงลืมตาขึ้นมาแล้วมองมาทางเจ้าของเสียงที่บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
เธอเม้มปากยิ้มออกมาอย่างขัดเขินที่เผลอหลับไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อน
" ไม่เป็นไรเลยค่ะ "
" คุณคงจะเหนื่อยมากเลยสินะ งั้นวันนี้เราสั่งข้าวมาทานที่ห้องดีมั้ย ทานเสร็จแล้วคุณจะได้นอนหลับพักผ่อนเลย "
เขารู้ว่าเธอเหนื่อย แต่แค่ไม่พูดออกมาให้เขารู้สึกเกรงใจจนไม่กล้าชวนไปไหน
ได้ยินเขาถามแบบนั้นแล้วนับหนึ่งก็ยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้า
" ไม่ได้เหนื่อยค่ะ แค่นั่งรอคุณเฉยๆแล้วมันรู้สึกง่วงนิดหน่อย เลยหลับตารอแค่นั้นเองค่ะ ไม่ได้เผลอหลับเลย
อีกอย่างแรงฉันยังเหลือเฟือ หากคุณอยากจะไปทานข้าวข้างนอกก็ไปได้ค่ะ ฉันสบายมาก คุณไม่ต้องกังวลเลย ฉันไม่ลางานแน่นอนค่ะ "
ธีร์ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมานั่งลงข้างๆเธอ สบตากับดวงตาหงส์คู่งามอย่างลึกซึ้งแล้วเอ่ยขึ้นเสียงอ่อน
" ผมไม่ได้กลัวคุณจะลางานหรอก คนเราทำงานมันก็ต้องมีลาพักบ้างเป็นธรรมดา
อีกอย่างร่างกายคุณ ไม่ใช่เครื่องจักรสักหน่อย คุณไม่ต้องเข้มแข็งตลอดก็ได้
คุณเป็นผู้หญิง อ่อนแอให้คนอื่นเขาได้ทะนุถนอมบ้าง มันไม่เสียฟอร์มหรอก
แล้วก็ ไม่คิดถึงใจคนอื่นจนลืมคิดถึงใจตัวเอง ถ้าเหนื่อยก็พัก ไม่ต้องเกรงใจผม เข้าใจมั้ย "
คนอื่นในที่นี้เขาหมายถึงตัวเอง เขาอยากจะพูดออกมาตรงๆว่า
อยากจะดูแลทะนุถนอมเธอ แต่ก็ไม่กล้า กลัวพูดออกไปแล้วมันจะทำให้เธอจะอึดอัดจนไม่อยากอยู่ใกล้เขาอีก
ฟังเขาเอ่ยแบบนั้นแล้วนับหนึ่งหลบตาแล้วยิ้มเจื่อนออกมาอย่างทำตัวไม่ถูกพร้อมกับขยับห่างออกมาเล็กน้อยแล้วเอ่ย
" ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้เหนื่อยเลยจริงๆ ไม่จำเป็นต้องมีใคร มาทะนุถนอมหรอกค่ะ
ฉันจัดการตัวเองได้ ตอนเหนื่อยฉันก็นั่งพักจนหายเหนื่อยไปแล้ว ตอนนี้สบายมาก ไม่ได้ฝืนเลย "
เธอเป็นลูกจ้าง แม้เจ้านายจะใจดี มีเมตตามากแค่ไหน แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าควรวางตัวให้อยู่ในระดับไหน
แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แค่ได้เงินดีเธอก็ยินดีเหนื่อยเพื่อที่จะได้ใช้เงินตัวเองด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ
ดีกว่าใช้เงินคนอื่นด้วยความไม่สบายใจ เหมือนที่เคยใช้เงินของชายสวมหน้ากาก
มันเป็นเงินที่เธอรู้สึกรังเกียจเพราะเป็นเงินที่แลกมาด้วยความอัปยศอดสู แต่ก็จำเป็นต้องใช้มันอย่างไร้ทางเลือก ด้วยความไม่สบายใจ
ตั้งแต่นั้นมาเธอสาบานกับตัวเองเลยว่าจะหาเงินด้วยหนึ่งสมองสองมือและสองเท้าของตัวเอง
แล้วปล่อยให้ทุกอย่างในอดีตเป็นเพียงความฝันอันเลวร้ายที่สุดในช่วงชีวิตหนึ่ง
ยังไง คนทุกคนก็ล้วนมีอดีตที่แตกต่างกันออกไป เธอจะไม่ให้เรื่องในอดีต มาทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ในปัจจุบันอีกเด็ดขาด จะไม่ให้เป็นปมที่มันฝังใจอีกต่อไป
ธีร์เห็นเธอขยับห่างออกไปแล้วฟังที่เธอเอ่ยแบบนั้นแล้ว เลยเอ่ยขึ้นว่า
" อื้อ วันนี้มันก็ดึกมากแล้ว ผมเองก็ขี้เกียจจะขับรถออกไปแล้ว ก็สั่งมาทานนี่แล้วกัน "
" ได้ค่ะ "
จากนั้นทั้งสองก็นั่งเลือกเมนูที่ตัวเองชอบผ่านแอป ไม่นานพนักงานส่งอาหารก็นำอาหารมาส่ง
แล้วทั้งสองก็นำอาหารไปที่โต๊ะทานข้าว ช่วยกันจัดใส่จานแล้วนั่งทานด้วยกันจนอิ่ม
จากนั้นก็ช่วยกันล้างถ้วยล้างจาน เสร็จแล้วนับหนึ่งก็ไปเช็ดโต๊ะต่อ
หลังจากเช็ดโต๊ะทานข้าวเสร็จแล้ว นับหนึ่งก็เดินลงไปส่งธีร์ไปขึ้นรถ
" กลับขึ้นไปถึงห้องแล้วส่งข้อความมาบอกผมด้วย "
" โอเคค่ะ "
นับหนึ่งเอ่ยตอบแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในร้าน พอเล็อกประตูเสร็จก็เดินขึ้นข้างบนไป
ธีร์นั่งอยู่ในรถ รอข้อความจากเธออย่างเงียบๆ พอเธอขึ้นไปถึงบนห้อง ก็ส่งข้อความมาให้ธีร์ทางแชท
( ถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้วค่ะบอส )
ธีร์ที่อยู่ปลายสายขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
" คุณรู้จักนับหนึ่งได้ยังไง "
กฤตเลยเอ่ยตอบทันทีว่า
" ผมรู้จักนับหนึ่งได้ยังไง มันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือคุณต้องรีบซ่อนตัวนับหนึ่ง
อย่าให้เธอทำงานในร้านคุณอีก เพราะเจ้านายผมชอบไปนั่งชิลล์ในร้านของคุณเป็นประจำ
กฤตเอ่ยเสียงเรียบอย่างเยือกเย็นด้วยความเป็นห่วงที่มีต่อนับหนึ่ง นั่นยิ่งทำให้ธีร์อยากรู้ว่าเขากับนับหนึ่งเป็นอะไรกัน
แล้วนึกย้อนไปในวันที่ทานอาหารในภัตคาร เขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า
เหมือนนับหนึ่งกับคนชื่อกฤตจะแอบจ้องหน้ากันด้วยแววตาที่ดูตกใจ
[ จะเป็นอะไรกันก็ช่าง ตอนนี้ความปลอดภัยของนับหนึ่งต้องมาก่อน อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเขาหวังดีต่อนับหนึ่ง ]
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างสุขุมเย็นชา และแอบแสดงความเป็นเจ้าของเล็กน้อยเพื่อดับฝันชายคนอื่น
" ผมไม่รู้หรอกนะว่าที่ผ่านมาคุณกับเจ้านายคุณมีความเกี่ยวข้องอะไรกันกับนับหนึ่ง
แต่ตอนนี้ นับหนึ่งเป็นพนักงานผม ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรพนักงานผมแน่นอน
สำหรับวันนี้ก็ขอบคุณทีุ่ตส่าห์มาบอกข่าว แล้วก็ขอบคุณในความหวังดีแทนนับหนึ่งด้วย
ต่อไป คงไม่ต้องรบกวนคุณมาเป็นห่วงแล้ว เพราะผมดูแลพนักงานของตัวเองได้ "
กฤตที่อยู่ในสายยิ้มออกมาที่มุมปากแล้วเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเฉยเย็นชาดังเดิม
" ดูแลได้ก็ดีครับ "
เอ่ยจบเขาก็กดวางสายไปอย่างเย็นชา สำหรับกฤตแล้วคนที่เขาไม่กล้าวางสายใส่มีเพียงเจ้านายเขาเท่านั้น คนอื่นเขาไม่สนใจ
หลังจากนั้นธีร์รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถแล้วขับออกไปอย่างเร็วด้วยความเป็นห่งนับหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก