ผู้เป็นพ่อที่กำลังกลับมาจากที่ทำงานได้ยินเสียงลูกสาวร้องให้ก็รีบวิ่งขึ้นมาดูบนบ้าน
" มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนับหนึ่งถึงร้องให้ล่ะ "
รานีโกรธจัดที่ถูกเด็กที่เป็นลูกเลี้ยงด่าทอจึงเอ่ยฟ้องสามีด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
" ก็ลูกสาวคุณน่ะสิคะ ดื้อมาก ต่อปากต่อคำไม่หยุด เดี๋ยวนี้หาว่าฉันเป็นแม่ที่นิสัยไม่ดีแล้ว
ทั้งที่ฉันทำอาหารให้ทานทุกมื้อ ดูแล เอาใจใส่อย่างดีมาตลอด แต่กลับด่าฉันฉอดๆๆ แบบนี้ถ้าโตมาจะขนาดไหน "
ธำรงโอบไหล่ภรรยาแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น
" คุณ อย่าโกรธเลย เรื่องแค่นี้เอง คุณก็ค่อยๆสอนเธอไปสิ เด็กมันก็แบบนี้แหละ "
จากนั้นก็มองไปยังลูกสาวแล้วเอ่ย
" นับหนึ่ง ขอโทษคุณแม่เดี๋ยวนี้ ลูกรู้มั้ยว่าเด็กดีไม่ควรเถียงผู้ใหญ่ "
" ไม่ค่ะ คุณแม่ตัดเสื้อของหนูจนขาดรุ่ย คุณแม่ต่างหากที่ต้องขอโทษหนู
แม่หนูเคยสอนไว้ว่า ผู้ใหญ่ที่ดีทำผิดก็ต้องรู้จักยอมรับผิดถึงจะสอนเด็กให้เชื่อฟังได้ "
รานีได้ยินนับหนึ่งเอ่ยออกมาแบบนั้นแกทั้งโกรธทั้งตกใจ กลัวสามีจะโกรธจึงเอ่ยแก้ตัวอย่างลืมตาพูดคำบอด
" โอเคค่ะ คุณแม่ขอโทษ แต่ลูกจะมาพูดจาใส่ร้ายแม่แบบนี้ไม่ได้นะ
เมื่อกี้ลูกกับพี่แย่งเสื้อผ้ากันอยู่ แล้วไปเอากรรไกรมาตัดเสื้อผ้ากันเอง
การที่แม่มาห้ามลูกนั้น แม่รู้ ว่าลูกโกรธ ลูกไม่พอใจแม่เพราะแม่ไม่ใช่แม่แท้ๆ
แต่ลูกจะใส่ร้ายคนอื่นตามอารมณ์โกรธแบบนี้ไม่ได้นะคะ มันไม่ดี เข้าใจมั้ย "
รานีแสร้งทำเป็นเอ่ยสั่งสอนด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ แต่นับหนึ่งไม่ใช่เด็กโง่ที่จะมองไม่ออกว่าใครตอแหล
" คุณโกหก คุณนั่นแหละที่ใส่ร้ายคนอื่น คุณนิสัยไม่ดี! "
นับหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงแข็งทั้งน้ำตา
อิงฟ้าได้ยินแม่พูดดังนั้นเธอก็ลอบยิ้มร้ายให้นับหนึ่ง แล้วหันมามองพ่อ พร้อมกับเอ่ยยอมรับผิดแทนแม่แสร้งทำเป็นสำนึกผิด
" คุณพ่อขา จริงๆแล้วหนูเป็นคนเอากรรไกรตัดชุดน้องเองค่ะ หนูแค่อยากได้ชุดน้องแต่น้องไม่ยอมให้ แล้วน้องก็ใช้มือผลักหนูจนล้ม หนูโกรธเลยไปเอากรรไกรมาตัดชุดน้องทิ้งค่ะ "
อิงฟ้าเอ่ยอธิบายกับผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าใสซื่อน่าสงสาร จากนั้นก็หันมาทางนับหนึ่งแล้วเอ่ย
" พี่ขอโทษนะนับหนึ่ง ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้แล้ว "
เธอยกมือไหว้แล้วแสร้งเอ่ยอย่างสำนึกผิด ทำให้ผู้เป็นพ่อเห็นแล้วใจรู้สึกรักและเอ็นดูมากยิ่งขึ้น
จากนั้นผู้เป็นพ่อก็ย้ายสายตาไปทางนับหนึ่งพร้อมกับเอ่ยตำหนิ
" เห็นมั้ยพี่เขายอมรับผิด ยกมือไหว้ขอโทษหนูแล้ว ทำไมหนูถึงไม่ยอมขอโทษคุณแม่สักที เป็นเด็กทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ "
เมื่อถูกตำหนิจากผู้เป็นพ่อทำให้นับหนึ่งรู้สึกน้อยใจและเสียใจอย่างมาก เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกที่ถูกสามคนพ่อแม่ลูกรุมรังแกเลย
" เขาไม่ใช่แม่หนู หนูไม่ผิด หนูไม่ขอโทษ คุณพ่อลำเอียง คุณพ่อไม่เคยรักหนูเลย คุณพ่อไม่ยุติธรรม หนูเกลียดคุณพ่อ หนูเกลียดทุกคนเลย ออกไป ออกไปให้พ้น ฮือๆๆๆ "
นับหนึ่งรู้สึกจนตรอกอย่างไร้ทางออกจนเกิดความเครียดเลยตะคอกออกมาเสียงกร้าวทั้งน้ำตา
" นับหนึ่ง! "
ผู้เป็นพ่อตะคอกออกมาเสียงดัง เพราะท่าทางก้าวร้าวของนับหนึ่งทำให้ผู้เป็นพ่อโกรธมาก
" ได้ ในเมื่อไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมขอโทษ งั้นก็อยู่สำนึกผิดแต่ในห้อง ไม่ต้องออกไปกินข้าว จนกว่าจะสำนึกได้ "
เอ่ยจบธำรงก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องของลูกสาวด้วยสีหน้าขมึงทึง
ส่วนอิงฟ้าก็แย่งทุกอย่างที่เป็นของเธอไปจนหมดรวมถึงห้องนอนส่วนตัวของเธอ
ในทุกๆวันแม่เลี้ยงก็ให้เธอกินแต่ผักจนร่างกายเธอผอมแห้งเหมือนเด็กขาดสารอาหาร
เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อของเธอแม่เลี้ยงก็จะอ้างเรื่องสุขภาพ อ้างเรื่องลำไส้ของเธอเพื่อไม่ให้เธอได้กินอาหารดีๆ
แต่ด้วยความเป็นเด็กไร้ที่พึ่งจึงต้องก้มหน้าเออออตามทุกอย่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะการเออออและยอมถูกข่มเหงคือวิธีเดียวที่เธอจะสามารถอยู่ในบ้านของตัวเองได้
เธอค่อนข้างผอมแห้งและดูโทรมกว่าเด็กคนอื่น แต่โชคดีที่เธอมีใบหน้าสวย ดวงตากลมโต แม้จะดูดุๆแต่ก็ดุแบบน่ารักๆ เธอเป็นเด็กที่หน้าสวยมากคนหนึ่ง
5 ปีต่อมา เธอเริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม
เด็กนักเรียนคนอื่นได้ใส่ชุดนักเรียนใหม่ไปเรียนในช่วงเปิดเทอม
แต่เธอกลับได้ใส่เพียงชุดนักเรียนเก่าๆต่อจากอิงฟ้า ซึ่งเธอต้องไปเลาะชื่ออิงฟ้าออกแล้วนั่งปักชื่อของตัวเองทับรอยชื่ออิงฟ้า
เธอนั่งปักไปร้องให้ไปพร้อมกับบ่นพึมพำกับตัวเองในใจอย่างเงียบๆ
( สักวันฉันจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเธอและจะกลับมาทวงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฉันให้ได้ )
ชีวิตหลังจากไม่มีแม่ นับหนึ่งก็ไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ๆ หรืออาหารดีๆกินอีกเลย
( คุณแม่ขา หนูคิดถึงคุณแม่เหลือเกินค่ะ หนูสัญญาว่าจะอดทนตั้งใจเรียนให้จบ เพื่อคุณแม่นะคะ )
เธอพึมพำในใจไปพร้อมกับร้องให้ด้วยความสงสารตัวเอง
การพึมพำคุยกับในใจก็เหมือนได้ระบายสิ่งที่มันอัดอั้นในใจให้แม่ฟัง
เพราะมีเพียงพึมพำคุยกับแม่ในใจเท่านั้นที่จะไม่ทำให้เธอเดือดร้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก