ริษยาร้ายซ่อนรัก นิยาย บท 88

วันนี้ทางกองถ่ายใช้โรงเรียนเป็นสถานที่ถ่ายทำทั้งวัน พอเที่ยงนับหนึ่งก็นั่งทานข้าวตามที่ทางกองจัดไว้ให้

ส่วนกวินก็นั่งรอในรถโดยไม่ยอมสั่งอาหารมาทาน

เขาไม่ได้ทานข้าวเช้าและไม่ยอมทานข้าวเที่ยงเพราะต้องการที่จะทำให้นับหนึ่งเห็นใจโดยการทำให้ตัวเองปวดท้อง

เพื่อให้เธอสงสารจนยอมอยู่ดูแลเขา ที่รอเธอทั้งวัน โดยไม่ได้ทานข้าว จนทำให้โรคกระเพาะกำเริบ

ตอนนี้ทางกองถ่ายกำลังถ่ายทำในอาคารเรียนเป็นฉากที่อิงฟ้าแย่งกระเป๋านับหนึ่งแล้วให้เพื่อนฉีกสมุดกับหนังสือเรียนของนับหนึ่ง

" หยุดนะ! อย่าฉีกสมุดฉัน หยุด ฉันบอกให้หยุด! "

อิงฟ้าเดินเข้ามาบีบคางนับหนึ่งโดยมีเพื่อนของเธอยืนประกบข้างคอยจับแขนนับหนึ่งไว้

" หึ ให้หยุดงั้นเหรอ งั้นเธอก็คุกเข่ากราบขอร้องฉันสิ เผื่อฉันจะเมตตา ไม่ทำลายสมุดหนังสือเธอจนเกลี้ยง "

" ได้ ฉันจะกราบขอร้องเธอ งั้นเธอก็บอกให้เพื่อนของเธอหยุดสิ "

" เธอก็คุกเข่าแล้วกราบขอโทษฉันแล้วขอร้องฉันเร็วๆสิ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจแล้วสมุดกับหนังสือเธอจะไม่มีเหลือให้อ่านเขียนอีก "

นับหนึ่งจ้องหน้าอิงฟ้าด้วยความโกรธแค้นอย่างไม่มีทางเลือก

แต่อิงฟ้ากลับยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาที่มุมปากพร้อมกับจ้องตาเธออย่างร้ายกาจ

จากนั้นเธอก็คุกเข่าลงอย่างจำใจพร้อมกับก้มลงกราบเท้าอิงฟ้าด้วยความเคียดแค้นทั้งน้ำตาแล้วเอ่ย

" ฉันขอโทษที่เหยียบเท้าเธอ ขอโทษที่ทำให้เสื้อผ้าเธอเปื้อน ขอร้องล่ะ อย่าทำลายหนังสือฉันเลยนะ ฉันขอโทษ "

อิงฟ้าหลุบตามองลงมาบนตัวนับหนึ่งที่ก้มกราบเท้าเธอ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างวางอำนาจ

" พวกเธอคืนสมุดหนังสือให้มัน "

ได้ยินดังนั้นเพื่อนๆของอิงฟ้าก็โยนกระเป๋ากับสมุดหนังสือใส่ตัวนับหนึ่งด้วยสีหน้าเยาะเย้ยอย่างรังเกียจ

" นับหนึ่งครั้งนี้ ถือว่าฉันปรานีเธอแล้วนะ แล้วจำใส่หัวเธอไว้ ทีหลังอย่าบังอาจมาทำอวดดีกับฉันอีก ไม่งั้น เธอเจอหนักกว่านี้แน่ เข้าใจมั้ย "

นับหนึ่งก้มหน้าผงกหัวเบาๆ แล้วอิงฟ้ากับกลุ่มเพื่อนก็เดินผ่านตัวนับหนึ่งไป

นับหนึ่งคุกเข่าอยู่อย่างนั้นแล้วเอ่ยพึมพำออกมาด้วยความเคียดแค้น

" อิงฟ้า สักวันฉันจะคืนให้เธอ "

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่นับหนึ่งด้วยความรู้สึกอินไปกับบทที่เธอเล่น จนบรรยากาศโดยรอบเงียบกริบ ผู้กำกับเองก็รู้สึกอินไม่แพ้คนอื่น จากนั้นเขาก็สั่งคัตขึ้นเสียงดัง

" คัต! "

ได้ยินดังนั้น นับหนึ่งจึงออกจากบทแล้วลุกขึ้นยืน หันมามองหน้าผู้กำกับ ผู้กำกับจึงเอ่ยชมออกมาว่า

" ทำได้ดีมาก ไม่ผิดหวังเลยที่เลือกน้องเป็นนางเอก นี่ขนาดเพิ่งจะเล่นละครเรื่องแรกนะ ยังเล่นได้ดีขนาดนี้ ถ้ามีประสบการณ์มากขึ้น รับรองว่าได้ผ่านทุกเทส ไม่มีพลาดแน่นอน "

นับหนึ่งระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งอกแล้วเอ่ยตามมารยาทว่า

" ขอบคุณค่ะ "

" วันนี้ถ่ายเสร็จหมดทุกตอนแล้ว ทุกคนเก็บอุปกรณ์ได้ พรุ่งนี้ค่อยมาถ่ายต่อตอนนางเอกเข้าเรียนมัธยมปลายต่อ ขอบคุณทุกคนมากๆครับ "

" ค่ะ / ครับ "

เอ่ยจบ ผู้กำกับก็นั่งลงมองจอทีวีต่อ ส่วนนักแสดงก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุด ตัวประกอบก็ไปต่อแถวรับเงินค่าจ้าง

พอถ่ายฉากสุดท้ายผ่านแล้ว นับหนึ่งก็เดินออกมานั่งพักข้างๆพี่มีมี่พร้อมกับหยิบน้ำขวดมาดื่ม

ส่วนอิงฟ้าก็หมุนตัวออกไปเปลี่ยนชุดด้วยสีหน้าบูดบึ้งอย่างเย็นชา เธอไม่พอใจมากที่ผู้กำกับเอ่ยชื่นชมแต่นับหนึ่งคนเดียว

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้องแต่งตัวที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้

ทรายเห็นเธอหน้าบึ้งและมีแววตาเย็นชาแบบนั้นจึงเอ่ยเตือนขึ้นด้วยความหวังดี

" คุณอิงฟ้า หากคุณยังแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าอยู่แบบนี้ อย่าหวัง ว่าจะชนะคุณนับหนึ่งได้เลย คุณดูเธอสิ วางตัวสุขุม หน้านิ่ง โดยที่ไม่มีใครรู้เลย ว่าเธอมีอารมณ์ความรู้สึกยังไง ถึงเวลายิ้ม เธอก็ยิ้มอย่างสดใสร่าเริง พี่ทรายว่าแค่การวางตัวคุณก็สู้เธอไม่ได้แล้วค่ะ "

" คุณพี่ทราย คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอคะ ว่าผู้กำกับลำเอียงขนาดไหน ทั้งวันเอาแต่ชื่นชมอีนับหนึ่ง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉัน ไม่พอใจได้ยังไง "

เมื่อเห็นว่าอิงฟ้าโกรธมากทรายจึงเอ่ยอธิบายว่า

" ก็คุณเป็นนักแสดงที่มากประสบการณ์ ผ่านการแสดงมาแล้วหลายเรื่อง การที่คุณแสดงดี มันก็ถูกแล้ว

ส่วนคุณนับหนึ่ง เธอเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ทำออกมาได้ดี จำบทได้แม่นยำ

เล่นออกมาได้ดีอย่างเป็นธรรมชาติ ก็ถือว่าทำการบ้านมาดี ได้รับคำชื่นชมมันก็สมควรแล้วเช่นกันค่ะ "

ทรายพยายามวางตัวเป็นกลางเพราะนับหนึ่งคือคนสำคัญของเจ้านายแก เป็นคนที่แกจะต้องให้ความเคารพยำเกรงอยู่หลายส่วน

ได้ยินดังนั้นอิงฟ้าก็จ้องหน้าทรายด้วยแววตาโกรธเคืองแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจด้วยความอิจฉาริษยา

" นี่คุณก็ชื่นชมมันเหรอ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่ามันคือคนที่ทำให้ฉันเกือบจะไม่มีที่ยืนในสังคม

แล้วตอนนี้มันกำลังจะแย่งคุณกวินไปจากฉันอีก ฉันเกลียดมัน เกลียดจนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว "

" เพราะพี่ทรายรู้ไง พี่ถึงได้บอกว่า หากคุณน้องไม่รู้จักเก็บอารมณ์ทางสีหน้า ไม่สุขุมมากพอ อย่าหวังว่าจะชนะเธอได้ค่ะ "

ในขณะที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกันหน้าห้อง นับหนึ่งกับมีมี่ก็เดินตรงเข้ามาทางพวกเขา

แล้วนับหนึ่งก็เมินหน้าเชิดใส่อิงฟ้า ทำราวกับเธอเป็นเพียงธาตุอากาศที่มองไม่เห็น

อิงฟ้าจ้องมองท่าทีเย็นชาของนับหนึ่งด้วยแววตาหมั่นไส้ ในใจเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังจนไม่อยากหายใจร่วมโลก

[ อีนับหนึ่ง แกทำหยิ่งยะโสไปก่อนเถอะ สักวันฉันจะทำให้แกหายไปจากโลกนี้ ]

จากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินออกไปจากหน้าห้องแต่งตัว ทรายมองตามแผ่นหลังของอิงฟ้าแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจเบาๆก่อนจะเดินตามเธอออกไป

นับหนึ่งกับมีมี่อยู่ในห้องก็พูดคุยกันตามประสาคนสนิท

" นับหนึ่ง วันนี้พี่เห็นคุณกวินรอน้องอยู่ในรถทั้งวันเลย น้องอย่าใจอ่อนเชียวนะ

คนอย่างเขา ถ้าไม่มีแผนการในใจ ไม่มีทางยอมรอใครแบบนี้หรอก เชื่อพี่ "

นับหนึ่งยิ้มออกมาเบาๆแล้วเอ่ยตอบพี่มีมี่ของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

" ค่ะ พี่ก็รู้ว่าน้องไม่ใช่คนใจง่ายที่จะลุ่มหลงในรูปร่างหน้าตา ที่เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของผู้ชายนี่คะ

เรื่องนี้พี่หายห่วงได้เลย ความหล่อของเขาไม่มีผลกับใจน้องแน่นอนค่ะ

แม้ว่าในครั้งแรกที่เจอ แวบแรกที่เห็นเขาอาจจะรู้สึกชอบในหน้าตาของเขาเล็กน้อย

แต่พอเขาอ้าปากพูด น้องก็ขอบายแล้วค่ะ นิสัยแย่เกิน ไม่ใช่สเปกค่ะ "

" ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีค่ะ แต่พี่ก็ยังห่วงอยู่ดี เพราะน้องสาวพี่ชอบแพ้คนดีไม่ใช่เหรอ พี่กลัวว่าหากเขาดีมากๆน้องจะใจอ่อนเข้าน่ะสิ "

" เหอะ คนอย่างเขาไม่มีวันเป็นคนดีได้หรอกค่ะ สิ่งที่เขาเป็นล้วนเป็นสิ่งที่น้องเกลียด เขาไม่มีวันเลิกเผด็จการกับมั่วผู้หญิงได้แน่นอน

ดังนั้นพี่ไม่ต้องห่วงค่ะ แม้วันนี้เขาจะปรับเปลี่ยนนิสัยเพื่อแผนการอันแยบยล แต่สักวัน นิสัยเดิมๆของเขาก็จะเผยออกมาเองค่ะ "

" แต่พี่กลัวน้องจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของเขาซะก่อนน่ะสิ ยังไงก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน อย่าเผลอหวั่นไหวให้เขาแล้วกัน "

" ค่ะ น้องจะระวังตัว ไม่ใจอ่อนและไม่หวั่นไหวแน่นอนค่ะ "

" จ้ะ งั้นเราออกไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่จะแวะซื้อของเข้าบ้านอยู่ อาจจะถึงบ้านช้าหน่อยนะ "

" ค่ะ "

จากนั้นทั้งสองก็เปิดประตูเดินออกมา แล้วเดินไปที่รถ พอถึงที่จอดรถ สองสาวก็โบกมือลากัน

มีมี่ก็เดินไปเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งข้างใน จากนั้นก็ลดกระจกลงพร้อมกับส่งยิ้มให้นับหนึ่งก่อนจะขับรถออกไป

นับหนึ่งยิ้มอ่อนแล้วหันมาเปิดประตูรถ จากนั้นก็ก้าวเข้ามานั่งข้างใน นั่งลงข้างคนขับด้วยสีหน้านิ่งโดยไม่เหลียวมองเจ้าของรถ

เธอนั่งหน้านิ่งมองตรงไปข้างหน้า พอนั่งได้สักพัก คนข้างๆก็ยังคงนิ่ง ไม่ยอมออกรถสักที จึงหันไปมองเขาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

" ทำไมคุณไม่สตาร์ทรถสักทีคะ "

แต่แล้วแววตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อคนที่เธอคุยด้วย กำลังนั่งหน้าซีด จับท้องของตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด ริมฝีปากซีด คิ้วเรียวหนาขมวดเข้าหากันเป็นปมบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่เกินกว่าร่างกายจะทนไหว

" คุณกวิน คุณปวดท้องเหรอ "

กวินเอ่ยตอบไม่ไหว ได้แต่ส่ายหน้า บนใบหน้าหล่อเหลามีเหงื่อเล็กๆผุดออกมาชุ่มไปตามผิวหนัง ทำให้นับหนึ่งอกสั่น ทำอะไรไม่ถูก รถก็ขับไม่เป็น เธอจึงเอ่ยขึ้นเสียงสั่นอย่างร้อนใจ

" คุณอดทนไว้นะคะ ฉันจะไปตามคนอื่นมาขับรถให้คุณค่ะ "

เอ่ยจบ เธอก็หันหน้าไปพร้อมกับยื่นมือออกไปเปิดประตู แต่กวินกลับคว้าแขนเธอไว้ นับหนึ่งหันมามองหน้าเขาแล้วเขาเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาด้วยสีหน้าเจ็บปวด

" ไม่ ไม่ต้อง ผมมียา ขอน้ำอย่างเดียว ก็...พอแล้ว "

" ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาให้ รอก่อนนะ "

เอ่ยจบเธอก็รีบเปิดประตูลงจากรถ แล้ววิ่งเข้าไปในกองถ่าย ตรงไปยังตู้แช่เครื่องดื่มแล้วหยิบเอาน้ำดื่มออกมาถือในมือ จากนั้นก็วิ่งกลับมาหากวินที่รถอย่างรวดเร็ว

พอเข้ามานั่งในรถแล้ว เธอก็เปิดขวดน้ำให้เขาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น

" แล้วยาคุณอยู่ไหนคะ "

กวินไม่ตอบแต่ชี้นิ้วไปยังช่องที่เก็บยา นับหนึ่งเปิดช่องเก็บของแล้วหยิบยาออกมายื่นให้เขา

กวินรับยามากินพร้อมกับยกน้ำขึ้นมาดื่มตาม

จากนั้นก็นั่งหลับตาลงอย่างเงียบๆ หัวคิ้วยังคงขมวด ชิดเข้าหากันเป็นปม แล้วค่อยๆหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

ส่วนนับหนึ่งก็นั่งรอดูอาการอยู่ข้างๆ นั่งจ้องหน้าเขาด้วยความเป็นห่วง

แม้จะปฏิเสธว่าไม่ชอบนิสัยเขา แต่พอเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้ว มันทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงเขามาก

เธอขยับเข้าไปปรับเบาะให้เขานอนแล้วเอ่ยเสียงอ่อนอย่างลืมตัว

" คุณนอนพักผ่อนก่อนนะ ฉันจะนั่งรอคุณตรงนี้จนกว่าอาการคุณจะดีขึ้นค่ะ "

เอ่ยจบเธอก็กลับมานั่งลงที่เดิม กวินจึงฉวยโอกาสนี้จับมือเธอมากุมไว้พร้อมกับเอ่ยเสียงแผ่วพร้อมกับสบตาเธอ

" ผมขอจับมือคุณไว้ได้มั้ย "

" ค่ะ "

นับหนึ่งพยักหน้ายอมให้เขาจับมือ แต่ทันทีที่มือเธอสัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจเขา หัวใจเธอก็เต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

[ ทำไมหัวใจเราเต้นแรงแบบนี้เนี่ย หรือว่าเมื่อกี้นี้ เราวิ่งเร็วเกินไป บวกกับตื่นเต้นตกใจเลยทำให้หัวใจสูบฉีดแรงงั้นเหรอ ต้องใช่แน่ๆ ตามหลักวิทยาศาตร์แล้วมันเป็นแบบนี้ ]

เธอพึมพำกับตัวเองในใจอย่างเงียบๆแต่แล้วก็ตอบตัวเองในใจตามความเข้าใจของเธอ

กวินหลับตาลงอย่างสบายใจพร้อมกับกุมมือนับหนึ่งเอาไว้กลางอก จงใจให้นับหนึ่งสัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจเขา สักพักเขาก็หลับไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก