ตอน ตอนที่ 94 นับว่าทำการบ้านมาได้ดีทีเดียว จาก ริษยาร้ายซ่อนรัก – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 94 นับว่าทำการบ้านมาได้ดีทีเดียว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ริษยาร้ายซ่อนรัก ที่เขียนโดย Paizay เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เช้าวันต่อมามีมี่กับนับหนึ่งก็เดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน เพื่อไปดูที่ดินทางเหนือ ตามที่วางแผนกันไว้ว่าจะปลูกบ้านพักตากอากาศ
จริงๆแล้วนับหนึ่งเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิดส่วนพ่อของเธอเป็นคนลำพูน
ดังนั้นในบั้นปลายชีวิตเธอก็อยากจะมาหลบอยู่ในที่สงบๆ อากาศดีๆ วิวสวยๆอย่างบ้านเกิดเธอ
พอไปถึงสนามบินทั้งสองก็เข้าเช็คอินแล้วไปขึ้นเครื่อง สักพักเครื่องบินก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกแล้วทะยานบินขึ้นไปเหนือท้องฟ้า
เพียงชั่วโมงกว่าเครื่องบินก็ร่อนลงจอดในท่าอากาศยานเชียงใหม่
หลังจากที่เครื่องบินจอดสนิทผู้โดยสารก็ทยอยปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วลุกออกจากเก้าอี้ หยิบกระเป๋าสัมภาระออกมาจากช่องเก็บของที่อยู่เหนือศีรษะ พอประตูเปิดผู้โดยสารก็ทยอยกันเดินออกไป
อีกด้านหนึ่งกลางเมืองใหญ่ของประเทศ ในย่านธุรกิจซึ่งเป็นแหล่งคนรวย เป็นแหล่งที่อยู่ของนักลงทุน
บนตึกกระจกสูงหลายสิบชั้นตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางตึกต่างๆอย่างโดดเด่น
เจ้าของตึกสูงนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยท่าทางสง่าอย่างองอาจ น่าเกรงขาม
ใบหน้าหล่อเหลาดูสุขุมเยือกเย็น กำลังนั่งมองรูปหญิงสาวบนจอแล็ปท็อปที่ถืออยู่ในมืออย่างเงียบๆ แล้วลอบพึมพำกับตัวเองในใจด้วยความสับสน
[ ทำไมเราถึงรู้สึกอยากจะเจอผู้หญิงคนนี้นะ แล้วตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ ยังถ่ายละครอยู่มั้ย หายเงียบไปไม่ติดต่อมาเลย ]
จากนั้นเขาก็ลุกจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่เดินออกไปจากห้องเพื่อทำตามความปรารถนาของใจ
พอออกมาจากห้องแล้ว ก็มองเข้าไปในห้องของลูกน้องคนสนิทแล้วยื่นมือออกไปผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานของลูกน้องทั้งสอง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าสุขุม
" กฤษ กร "
" ครับ / ครับ "
กฤษกับกรลุกขึ้นยืนพร้อมกับขานรับอย่างสุขุม
" ไปข้างนอก "
เขาเอ่ยเพียงสั้นๆอย่างสุขุมแล้วกรก็เอ่ยถามขึ้น
" ท่านประธานจะไปไหนครับ "
" ไปหานับหนึ่ง "
เขาเอ่ยตอบเสียงเรียบก่อนจะปิดประตูเดินออกไป กรมองหน้ากฤษแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา
" นายได้ยินเต็มสองหูแล้วใช่มั้ย ทีนี้นายจะตัดใจจากคุณนับหนึ่งได้หรือยัง "
กฤษเหลือบมองคู่หูคนสนิทด้วยหางตาแล้วเอ่ยเสียงเย็น
" อย่างที่บอก หากท่านประธานจริงใจและจริงจังกับนับหนึ่ง ฉันก็พร้อมจะสนับสนุน แต่ถ้าไม่ฉันก็พร้อมจะปกป้องนับหนึ่งด้วยชีวิตเช่นกัน "
กรได้ยินคู่หูคนสนิทเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างสุขุมจริงจังแบบนั้น ก็รู้สึกโมโห
" นายมันโง่เขลา "
กรด่าทิ้งท้ายอย่างเย็นชาแล้วเดินตามเจ้านายออกไป กฤษมองตามหลังคู่หูแล้วก้าวตามออกไปอย่างเงียบๆ
เขารู้ว่าการกระทำของตัวเองมันโง่ แต่เขาก็ยอมโง่เพื่อผู้หญิงที่ชอบเพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดี
พอเข้ามาในลิฟต์กวินจึงเอ่ยสั่งขึ้นอย่างสุขุม
" กร เดี๋ยวคุณโทรไปหาคุณเคธี่แล้วขอตารางงานของนับหนึ่งมา "
" ครับ "
" ส่วนกฤษคุณก็ติดต่อคุณมีมี่ ถามเขาว่าตอนนี้ นับหนึ่งอยู่ที่ไหน "
" ครับ "
กรกับกฤษรับคำสั่งจากเจ้านายแล้วเอ่ยตอบรับคำเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่งๆ
พอลิฟต์ลงมาถึงลานจอดรถส่วนตัว ประตูลิฟต์ก็เปิดออก สามหนุ่มก้าวออกมาจากลิฟต์อย่างสง่าผ่าเผย
กวินก้าวเท้ายาวตรงมาที่รถแล้วเข้ามานั่งในรถหรูโดยมีกรยืนเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม
หลังจากที่เจ้านายเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว กรก็ปิดประตูให้แล้วหันไปเปิดประตูหน้า เข้าไปนั่งข้างคนขับ
จากนั้นกฤษก็ขับรถออกไปจากบริษัทมุ่งหน้าไปยังบ้านของนับหนึ่ง
ระหว่างทางเขากดโทรไปหามีมี่แต่มีมี่กลับไม่รับสาย ส่วนกรก็โทรไปหาเคธี่ตามคำสั่งนายเช่นกัน และได้ตารางงานของนับหนึ่งมาเรียบร้อย จากนั้นเขาก็กดส่งเข้าไปยังอีเมลของเจ้านายที่นั่งข้างหลังทันที
กวินเปิดดูข้อความที่ลูกน้องส่งมาแล้วเปิดไฟล์ภาพที่แนบมาดูอย่างเงียบๆ
กฤษติดต่อมีมี่ไม่ได้จึงเอ่ยรายงานเจ้านายเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่งๆ
" ท่านประธาน ผมติดต่อคุณมีมี่ไม่ได้ครับ "
" ช่างเถอะ ไม่ต้องติดต่อแล้วตรงไปที่บ้านเลย "
" ครับ "
เคธี่นั่งในห้องนั่งเล่นของตัวเองแล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
" หึ ประธานกวินคุณประเมินเคธี่ต่ำไปนะคะ คิดจะจีบเด็กของเคธี่ ก็ต้องรับมือกับอุปสรรคให้ได้ก่อนค่ะ น้องนับหนึ่งของเคธี่ไม่ใช่ของเล่นพวกไฮโซ อย่าคิดว่าจะจับไปกินได้ง่ายๆเชียวค่ะ "
หลังจากที่แกให้ตารางงานของนับหนึ่งกับกรไปแล้ว แกก็ส่งตารางงานไปให้ธีร์เช่นกันพร้อมกับระบุข้อความว่า
ธีร์เปิดประตูลงมาจากรถแล้วจ้องหน้ากวินอย่างเย็นชา จากนั้นก็ย้ายสายตามามองป้าดวงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ
" ผมมาหาคุณนับหนึ่งครับ "
ป้าดวงยิ้มเจื่อนแล้วเหลือบมองหน้ากวินแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบออกไปว่า
" คุณนับหนึ่งไม่อยู่ค่ะ เอ่อ คุณธีร์เข้ามานั่งดื่มน้ำข้างในก่อนมั้ยคะ "
เมื่อรู้ว่านับหนึ่งไม่อยู่ ธีร์ก็เริ่มเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของเคธี่ เขารู้ว่าตัวเองถูกใช้เป็นเครื่องมือเข้าแล้ว
แต่ก็เต็มใจที่จะเป็นเครื่องมือให้เคธี่ใช้เป็นไม้กันกวินออกจากนับหนึ่ง
ส่วนกวิน เขาก็รู้แล้วว่าเคธี่จงใจไม่บอกเรื่องที่นับหนึ่งไม่อยู่บ้าน เพื่อให้เขามาเจอกับธีร์
เขาอารมณ์เสียอย่างมากที่เคธี่เปิดตัวคู่แข่งคนสำคัญที่เขารู้จักดีคนนี้ให้เขาได้ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการ จากนั้นเขาก็ลอบพึมพำในใจอย่างสุขุม
[ นับว่าทำการบ้านมาได้ดีทีเดียว ]
การที่เคธี่ทำแบบนี้ กวินรู้ดีว่าแกต้องการบอกเป็นนัยๆ ให้เขารู้ ว่านับหนึ่งไม่ได้มีแค่ตัวเลือกเดียว
เป็นการยกระดับคุณค่าในตัวนับหนึ่งไม่ให้ใครมองว่าเป็นเพียงของเล่นคนรวย เขายิ้มเย็นออกมาเล็กน้อยพร้อมกับจ้องหน้าธีร์อย่างเงียบๆ
ธีร์ไม่ได้สนใจเขาแต่กลับยิ้มให้ป้าดวงแล้วเอ่ยปฏิเสธคำชวนของแกด้วยความสุภาพอย่างให้เกียรติ
" ไม่ล่ะครับ ไว้วันหลังผมค่อยมาหาคุณนับหนึ่งใหม่ ขอตัวนะครับ "
" ค่ะ "
ธีร์ค้อมตัวให้ป้าดวงเล็กน้อยแล้วหมุนตัวพร้อมกับยื่นมือออกไปเปิดประตูรถ
กวินยืนมองธีร์ที่กำลังจะเข้าไปในรถ แล้วเขาก็ก้าวลงบันไดหน้าบ้านพร้อมกับยกมุมปากขึ้นมาเอ่ยหาเรื่องด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
" มันจะไม่มีวันหน้าหรือวันหลังสำหรับคุณอีก "
เอ่ยจบเขาก็เดินไปขึ้นรถที่ในลานจอดรถ ส่วนกฤษกับกรก็เดินตามเจ้านายออกไป
ตอนนี้กวินพร้อมที่จะเปิดศึกกับธีร์อย่างเปิดเผยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใดๆอีก
ธีร์ได้ยินดังนั้นก็ยืนนิ่งมองตามหลังกวินด้วยแววตาสุขุมเยือกเย็น จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในรถแล้วขับออกไป
ป้าดวงได้แต่ยืนมองสองหนุ่มอย่างแอบลุ้นด้วยหัวใจที่สั่นแรง พอสองหนุ่มออกไปแกก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
" ฮู่...อกป้าจะแตก เกิดมาเคยแต่ได้ยินคนเขาพูดกันว่ารถไฟชนกัน วันนี้ได้เห็นกับตา ใจป้าไม่ดีเลย คุณนับหนึ่งเสน่ห์แรงเกินไปแล้ว แบบนี้คุณกวินของเราจะแพ้คุณธีร์ผู้สุภาพ อ่อนโยนคนนี้มั้ย "
เอ่ยจบแกก็หมุนตัวเดินเข้ามาในบ้าน ส่วนรถของสองหนุ่มก็ขับรถตามกันออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก