เช้าวันต่อมามีมี่กับนับหนึ่งก็เดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน เพื่อไปดูที่ดินทางเหนือ ตามที่วางแผนกันไว้ว่าจะปลูกบ้านพักตากอากาศ
จริงๆแล้วนับหนึ่งเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิดส่วนพ่อของเธอเป็นคนลำพูน
ดังนั้นในบั้นปลายชีวิตเธอก็อยากจะมาหลบอยู่ในที่สงบๆ อากาศดีๆ วิวสวยๆอย่างบ้านเกิดเธอ
พอไปถึงสนามบินทั้งสองก็เข้าเช็คอินแล้วไปขึ้นเครื่อง สักพักเครื่องบินก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกแล้วทะยานบินขึ้นไปเหนือท้องฟ้า
เพียงชั่วโมงกว่าเครื่องบินก็ร่อนลงจอดในท่าอากาศยานเชียงใหม่
หลังจากที่เครื่องบินจอดสนิทผู้โดยสารก็ทยอยปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วลุกออกจากเก้าอี้ หยิบกระเป๋าสัมภาระออกมาจากช่องเก็บของที่อยู่เหนือศีรษะ พอประตูเปิดผู้โดยสารก็ทยอยกันเดินออกไป
อีกด้านหนึ่งกลางเมืองใหญ่ของประเทศ ในย่านธุรกิจซึ่งเป็นแหล่งคนรวย เป็นแหล่งที่อยู่ของนักลงทุน
บนตึกกระจกสูงหลายสิบชั้นตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางตึกต่างๆอย่างโดดเด่น
เจ้าของตึกสูงนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยท่าทางสง่าอย่างองอาจ น่าเกรงขาม
ใบหน้าหล่อเหลาดูสุขุมเยือกเย็น กำลังนั่งมองรูปหญิงสาวบนจอแล็ปท็อปที่ถืออยู่ในมืออย่างเงียบๆ แล้วลอบพึมพำกับตัวเองในใจด้วยความสับสน
[ ทำไมเราถึงรู้สึกอยากจะเจอผู้หญิงคนนี้นะ แล้วตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ ยังถ่ายละครอยู่มั้ย หายเงียบไปไม่ติดต่อมาเลย ]
จากนั้นเขาก็ลุกจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่เดินออกไปจากห้องเพื่อทำตามความปรารถนาของใจ
พอออกมาจากห้องแล้ว ก็มองเข้าไปในห้องของลูกน้องคนสนิทแล้วยื่นมือออกไปผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานของลูกน้องทั้งสอง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าสุขุม
" กฤษ กร "
" ครับ / ครับ "
กฤษกับกรลุกขึ้นยืนพร้อมกับขานรับอย่างสุขุม
" ไปข้างนอก "
เขาเอ่ยเพียงสั้นๆอย่างสุขุมแล้วกรก็เอ่ยถามขึ้น
" ท่านประธานจะไปไหนครับ "
" ไปหานับหนึ่ง "
เขาเอ่ยตอบเสียงเรียบก่อนจะปิดประตูเดินออกไป กรมองหน้ากฤษแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา
" นายได้ยินเต็มสองหูแล้วใช่มั้ย ทีนี้นายจะตัดใจจากคุณนับหนึ่งได้หรือยัง "
กฤษเหลือบมองคู่หูคนสนิทด้วยหางตาแล้วเอ่ยเสียงเย็น
" อย่างที่บอก หากท่านประธานจริงใจและจริงจังกับนับหนึ่ง ฉันก็พร้อมจะสนับสนุน แต่ถ้าไม่ฉันก็พร้อมจะปกป้องนับหนึ่งด้วยชีวิตเช่นกัน "
กรได้ยินคู่หูคนสนิทเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างสุขุมจริงจังแบบนั้น ก็รู้สึกโมโห
" นายมันโง่เขลา "
กรด่าทิ้งท้ายอย่างเย็นชาแล้วเดินตามเจ้านายออกไป กฤษมองตามหลังคู่หูแล้วก้าวตามออกไปอย่างเงียบๆ
เขารู้ว่าการกระทำของตัวเองมันโง่ แต่เขาก็ยอมโง่เพื่อผู้หญิงที่ชอบเพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดี
พอเข้ามาในลิฟต์กวินจึงเอ่ยสั่งขึ้นอย่างสุขุม
" กร เดี๋ยวคุณโทรไปหาคุณเคธี่แล้วขอตารางงานของนับหนึ่งมา "
" ครับ "
" ส่วนกฤษคุณก็ติดต่อคุณมีมี่ ถามเขาว่าตอนนี้ นับหนึ่งอยู่ที่ไหน "
" ครับ "
กรกับกฤษรับคำสั่งจากเจ้านายแล้วเอ่ยตอบรับคำเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่งๆ
พอลิฟต์ลงมาถึงลานจอดรถส่วนตัว ประตูลิฟต์ก็เปิดออก สามหนุ่มก้าวออกมาจากลิฟต์อย่างสง่าผ่าเผย
กวินก้าวเท้ายาวตรงมาที่รถแล้วเข้ามานั่งในรถหรูโดยมีกรยืนเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม
หลังจากที่เจ้านายเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว กรก็ปิดประตูให้แล้วหันไปเปิดประตูหน้า เข้าไปนั่งข้างคนขับ
จากนั้นกฤษก็ขับรถออกไปจากบริษัทมุ่งหน้าไปยังบ้านของนับหนึ่ง
ระหว่างทางเขากดโทรไปหามีมี่แต่มีมี่กลับไม่รับสาย ส่วนกรก็โทรไปหาเคธี่ตามคำสั่งนายเช่นกัน และได้ตารางงานของนับหนึ่งมาเรียบร้อย จากนั้นเขาก็กดส่งเข้าไปยังอีเมลของเจ้านายที่นั่งข้างหลังทันที
กวินเปิดดูข้อความที่ลูกน้องส่งมาแล้วเปิดไฟล์ภาพที่แนบมาดูอย่างเงียบๆ
กฤษติดต่อมีมี่ไม่ได้จึงเอ่ยรายงานเจ้านายเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่งๆ
" ท่านประธาน ผมติดต่อคุณมีมี่ไม่ได้ครับ "
" ช่างเถอะ ไม่ต้องติดต่อแล้วตรงไปที่บ้านเลย "
" ครับ "
เคธี่นั่งในห้องนั่งเล่นของตัวเองแล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
" หึ ประธานกวินคุณประเมินเคธี่ต่ำไปนะคะ คิดจะจีบเด็กของเคธี่ ก็ต้องรับมือกับอุปสรรคให้ได้ก่อนค่ะ น้องนับหนึ่งของเคธี่ไม่ใช่ของเล่นพวกไฮโซ อย่าคิดว่าจะจับไปกินได้ง่ายๆเชียวค่ะ "
หลังจากที่แกให้ตารางงานของนับหนึ่งกับกรไปแล้ว แกก็ส่งตารางงานไปให้ธีร์เช่นกันพร้อมกับระบุข้อความว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก