ริษยาร้ายซ่อนรัก นิยาย บท 96

มีมี่ขับรถเข้ามาจอดลงตรงบริเวณหน้าบ้านของอิงฟ้า หลังจากจอดรถเสร็จหล่อนก็หันมามองหน้านับหนึ่งแล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

" พร้อมชัวร์มั้ย "

" ค่ะ "

นับหนึ่งพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่ง จากนั้นทั้งสองก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในบ้านของอิงฟ้า

ธำรงกับรานีกำลังนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น ทันทีที่เหลือบไปเห็นนับหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน พวกเขาต่างจ้องนับหนึ่งด้วยแววตาตะลึงอึ้ง

" นับหนึ่ง เป็นนับหนึ่งจริงๆด้วย "

ธำรงพึมพำออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้เจอลูกสาวคนเล็กอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินออกมาหาลูกสาวโดยไม่สนใจภรรยาที่นั่งข้างๆอีก ทำให้รานีต้องลุกตามออกมาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองอย่างไม่สบอารมณ์

" นับหนึ่งลูกกลับมาแล้ว ลูกรู้ได้ยังไงว่าพ่อย้ายมาอยู่ที่นี่ "

เขาถามออกมาด้วยสีหน้ายิ้มอ่อนอย่างตื้นตันใจนับหนึ่งมองหน้าธำรงที่แทนตัวเองว่าพ่อด้วยแววตาเย็นชา

สำหรับเธอแล้วธำรงไม่สมควรที่จะเป็นพ่อของเธออีกต่อไปและเธอก็ไม่ได้มองว่าเขาเป็นพ่อตั้งแต่วันที่เขาส่งเธอไปขายให้กับชายสวมหน้ากากเพื่อตำแหน่งแล้ว

เธอยืนจ้องหน้าเขาด้วยแววตานิ่งๆแล้วเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างเย่อหยิ่งเยือกเย็น

" ใครเป็นลูกของคุณไม่ทราบ "

พอได้ยินนับหนึ่งเอ่ยถามออกมาแบบนั้นสีหน้าธำรงก็ถอดสีจนแววตาดูเศร้าหมอง เจ็บปวดจี๊ดราวกับถูกสายฟ้าฟาดผ่าลงมากลางตัว

เอ่ยจบเธอก็ยิ้มเย็นออกมาที่มุมปากพร้อมกับมองหน้าธำรงกับรานีด้วยแววตาเย็นชาแล้วเอ่ยต่อเสียงเย็นอย่างไม่รักษาน้ำใจแม้แต่น้อย

" นับหนึ่งที่เคยเป็นคนใช้บ้านคุณ เธอได้ตายไปนานแล้วค่ะ เธอตายไปตั้งแต่วันที่คุณส่งเธอไปขายให้กับชายชั่วย่ำยีแล้ว

ส่วนฉันไม่เคยมีพ่อที่เห็นแก่เงินแบบคุณค่ะ ดังนั้นอย่าเรียกฉันว่าลูกอีก ฉันรังเกียจ อ่อ แล้วในชีวิตฉัน ก็มีแค่แม่คนเดียวเท่านั้น "

เธอเอ่ยออกมาด้วยความเคียดแค้นใจอย่างไม่ไว้หน้า ธำรงได้ยินนับหนึ่งประกาศเสียงแข็งดังนั้น ความดีใจของแกที่ได้เจอหน้าลูกสาว ก็ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดเสียใจแววตาดูเศร้าหมองไปในทันที

รานีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโมโหแทนสามี จึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแสร้งทำเป็นตักเตือนคล้ายหวังดีแต่แฝงไปด้วยเจตนาร้ายที่ชัดเจน

" นับหนึ่ง หนูจะลืมกำพืดของตัวเองไม่ได้นะคะ หนูรู้บ้างมั้ยว่าพูดกับพ่อแบบนั้นมันไม่ดี "

นับหนึ่งไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่ากำลังถูกรานีหลอกด่าอยู่ เธอจึงย้ายสายตาไปมองหน้าแกแล้วเอ่ยตอบโต้พร้อมกับเลิกคิ้วถาม

" เหรอคะ งั้นคนที่แย่งสามีคนอื่นอย่างคุณก็ควรจะสำเหนียกและสำนึกในกำพืดของความเป็นเมียน้อยบ้างสินะ "

รานีได้ยินดังนั้นก็โกรธจัดจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว แกจ้องหน้านับหนึ่งด้วยแววตาดุดันอย่างแข็งกร้าว แกนึกเสียใจที่ไม่กำจัดนับหนึ่งตั้งแต่เด็ก

ส่วนนับหนึ่งก็จ้องหน้าแกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวหรือยอมเลยแม้แต่น้อย

อิงฟ้ากำลังเดินลงบันไดมา เห็นนับหนึ่งยืนประจานหน้ากับพ่อแม่ของเธออยู่ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจพร้อมกับรีบก้าวลงมาอย่างไว

" นับหนึ่ง เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ "

นับหนึ่งละสายตาจากรานีแล้วหันหน้าไปมองอิงฟ้าที่กำลังตรงมาที่เธอ

" ต่อให้พวกเธอหลบอยู่ในซอกในหลืบฉันก็ต้องหาพวกคุณจนกว่าจะเจอ

เพราะเรื่องบางเรื่องมันยังไม่ได้สะสาง จะให้พวกคุณอยู่ลับสายตาจนหาไม่เจอได้ยังไง "

เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ด้วยถ้อยคำที่มีเลศนัย ก่อนจะย้ายสายตาหันกลับมามองหน้ารานีแล้วเลิกคิ้วถามผ่านสายตา

" จริงมั้ยคะ....แม่....เลี้ยง "

คำพูดของนับหนึ่ง ทำเอารานีถึงกับสะดุ้งในใจขนลุกขนชันด้วยความหวั่นเกรงราวกับถูกความเย็นเข้าทิ่มแทงกลางขั้วหัวใจจนหน้าถอดสี

อิงฟ้าเห็นสีหน้าแม่ของตัวเองดูไม่ค่อยดี เธอจึงเอ่ยถามขึ้นเสียงกร้าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ

" นับหนึ่ง เธอพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง "

นับหนึ่งยิ้มเย็นขึ้นที่มุมปากแล้วหันมาเอ่ยตอบอิงฟ้าด้วยแววตาเยือกเย็นอย่างคนที่เหนือกว่าแบบไม่มีท่าทีเกรงกลัวใดๆ

" หึ คุณอิงฟ้าช่างเสแสร้งแกล้งโง่เก่งจริงๆเลยนะคะ ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าที่ฉันพูดมันหมายความว่ายังไง แต่ก็ยังทำเนียนแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่เข้าใจ

หึ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ช้าไม่นาน ฉันจะช่วยฟื้นความจำให้คุณกับแม่ของคุณเอง รับรองว่าพวกคุณจะไม่มีวันลืมเรื่องที่เคยทำไว้อีกแน่นอนค่ะ "

อิงฟ้ากับรานีต่างรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่นับหนึ่งเอ่ยถึงนั้นคือเรื่องอะไร

มีเพียงธำรงเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าลูกสาวคนเล็กกำลังพูดเรื่องอะไร ได้แต่รอดูสถานการณ์อย่างเงียบๆด้วยความสงสัย

ส่วนอิงฟ้าก็ได้แต่ยืนโกรธจนเผลอกำมือแน่นจ้องหน้านับหนึ่งด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ เพื่อไม่ให้ตัวเองโกรธจนสติหลุด

นับหนึ่งเองก็รู้ว่าสองแม่ลูกไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก หากเอ่ยมีแต่จะเสียเปรียบเธอ

ตอนนี้เธออยู่เหนือกว่าพวกเขาในทุกด้านทั้งหน้าที่การงานและวุฒิภาวะ จึงไม่มีความเกรงกลัวสองแม่ลูกแม้แต่น้อย

มีมี่ที่ยืนข้างนับหนึ่งจึงส่งเสียงเอ่ยขึ้น

" อ้อ แล้วกรุณาเอาทะเบียนบ้านมาให้น้องนับหนึ่งเดี๋ยวนี้เลยด้วยค่ะ พวกเรารีบ "

ธำรงได้ยินดังนั้นจึงย่นคิ้วถามเสียงอ่อนด้วยความแปลกใจ

" ลูกจะเอาทะเบียนบ้านไปทำอะไรเหรอ "

ก่อนหน้านี้ลูกสาวคนโตของเขาก็เพิ่งจะขอทะเบียนบ้านไป ยังไม่ทันข้ามวันนับหนึ่งก็บุกมาขอต่อ

ทำให้เขารู้สึกสงสัยอย่างมากว่าลูกๆของพวกเขาจะเอาทะเบียนบ้านไปทำอะไร

นับหนึ่งไม่ได้เอ่ยตอบในสิ่งที่ธำรงถาม แต่กลับสวนด้วยถ้อยคำบาดลึกลงกลางใจผู้ที่ได้ชื่อว่าพ่อ

" ใครเป็นลูกคุณ ลูกคุณคือคุณอิงฟ้าไม่ใช่ฉัน ต่อไปอย่าให้ฉันได้ยินว่าคุณเรียกฉันว่าลูกต่อหน้าคนอื่นอีก ไม่งั้น ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน "

นับหนึ่งเอ่ยเสียงเย็นด้วยแววตาแข็งกร้าว สีหน้าของธำรงดูหม่นหมองไปอย่างรู้สึกสำนึกผิด

" พ่อขอโทษนะ ที่เคยทำไม่ดีต่อลูก "

นับหนึ่งยกมุมปากขึ้นแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเหยียดๆ

" หึ ขอโทษงั้นเหรอ ขอโทษตอนนี้แล้วมันได้อะไร มันลบล้างสิ่งที่ฉันเคยเผชิญกับการกระทำของภรรยากับลูกสาวของคุณได้มั้ย "

" นังนับหนึ่ง! มันจะมากเกินไปแล้วนะ "

อิงฟ้าตะคอกออกมาเสียงกร้าวด้วยความคับแค้นใจอย่างหมดความอดทน ราวกับอยากจะเฉือนนับหนึ่งเป็นชิ้นๆ ด้วยความกลัวนับหนึ่งจะแฉในสิ่งที่เธอกับแม่ทำในอดีต

มีมี่เองก็ใช่ว่าจะยอมให้ใครรังแกน้องง่ายๆ ได้ยินเสียงตะคอกแบบนั้นหล่อนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที จึงยืดอกเชิดหน้าขึ้นแล้วเอ่ยเสียงแข็ง

" มากเกินไปแล้วยังไง ถ้าทนฟังไม่ไหวก็รีบเอาทะเบียนบ้านมาสิ "

อิงฟ้ามองนับหนึ่งด้วยแววตาแข็งกร้าว จากนั้นก็เอ่ยสั่งแม่บ้านเสียงกร้าวด้วยความโกรธจัดอย่างทำอะไรไม่ได้ว่า

" ขึ้นไปเอาทะเบียนบ้านในห้องฉันแล้วเอามาให้พวกเขาซะ "

" ค่ะ "

แม่บ้านตอบรับคำแล้วรีบหมุนตัวเดินขึ้นไปข้างบน มีมี่ยิ้มเย้ยอย่างลำพองใจ

สักพักแม่บ้านก็เดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับทะเบียนบ้านเล่มเล็กในมือ ยื่นให้อิงฟ้า

อิงฟ้ารับมาแล้วยื่นไปให้นับหนึ่งต่อพร้อมกับเอ่ยเสียงแข็งอย่างผลักไสไล่ส่งด้วยความเกลียดชัง

" ในเมื่อได้ของที่ต้องการมาแล้วก็รีบออกไปจากบ้านฉันซะแล้วอย่าให้ฉันเห็นเธอมาที่นี่อีก "

นับหนึ่งรับทะเบียนบ้านมาแล้วเอ่ยตอบโต้เสียงแข็ง

" จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากมาบ้านเธอหรอก แต่มันจำเป็นและฉันก็อยากจะมาเห็นกับตาตัวเอง ว่าพวกเธอใช้ชีวิตกันมีความสุขดีหรือเปล่าก็เท่านั้น "

เอ่ยจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไป แต่เพิ่งจะเดินออกไปได้แค่ก้าวสองก้าว เธอก็หยุดชะงัก หันกลับมามองอิงฟ้ากับพ่อแม่ของหล่อนแล้วเอ่ยทิ้งท้ายเสียงเย็น

" อ้อ ฉันลืมบอกไป ว่า รีบเสวยสุขให้หนำใจเลยนะ ก่อนที่พวกคุณจะไม่มีโอกาสได้เสวยสุขบนกองเงินกองทองอย่างมีความสุขอีก "

เอ่ยจบ เธอก็เดินออกจากบ้านอิงฟ้าด้วยสีหน้าเย็นชา

การที่เธอกลับมาเผชิญหน้ากับพ่อและแม่เลี้ยง ก็เพื่อประกาศให้พวกเขารู้ล่วงหน้า ว่าเธอพร้อมที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเองกับแม่แล้ว

อิงฟ้ากับแม่ของหล่อนมองตามแผ่นหลังของนับหนึ่งกับมีมี่ที่เดินออกไปด้วยแววตาเกลียดแค้น

ส่วนธำรงก็ยืนมองแผ่นหลังเรียวบางของลูกสาวอย่างนึกเสียใจ ที่สร้างรอยร้าวในหัวใจลูก จนลูกสาวเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ในใจมีแต่แรงอาฆาตที่พร้อมจะแก้แค้นทุกคนแบบนี้

[ นับหนึ่งพ่อขอโทษ หากวันนั้นพ่อยับยั้งชั่งใจสักนิดก็คงไม่ทำให้จิตใจลูกเต็มไปด้วยความเคียดแค้นแบบนี้

ลูกคงจะเติบโตอย่างหญิงสาวทั่วไป พ่อขอโทษนะ ที่ละเลยลูกมาตลอด พ่อสำนึกผิดแล้วที่ทำหน้าที่พ่อไม่ดี พ่อขอโทษ ]

นอกจากลูกสาวคนเล็กแล้วความเสียใจที่สุดของธำรงอีกอย่างคือ

การที่เขานอกใจภรรยาจนมีอิงฟ้า ทำให้ภรรยาที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างแม่นับหนึ่งต้องเจ็บปวดเสียใจ อยู่อย่างระทมทุกข์จนตรอมใจตายในเวลาต่อมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก