มีมี่ขับรถเข้ามาจอดลงตรงบริเวณหน้าบ้านของอิงฟ้า หลังจากจอดรถเสร็จหล่อนก็หันมามองหน้านับหนึ่งแล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
" พร้อมชัวร์มั้ย "
" ค่ะ "
นับหนึ่งพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่ง จากนั้นทั้งสองก็หันไปเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในบ้านของอิงฟ้า
ธำรงกับรานีกำลังนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น ทันทีที่เหลือบไปเห็นนับหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน พวกเขาต่างจ้องนับหนึ่งด้วยแววตาตะลึงอึ้ง
" นับหนึ่ง เป็นนับหนึ่งจริงๆด้วย "
ธำรงพึมพำออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้เจอลูกสาวคนเล็กอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินออกมาหาลูกสาวโดยไม่สนใจภรรยาที่นั่งข้างๆอีก ทำให้รานีต้องลุกตามออกมาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองอย่างไม่สบอารมณ์
" นับหนึ่งลูกกลับมาแล้ว ลูกรู้ได้ยังไงว่าพ่อย้ายมาอยู่ที่นี่ "
เขาถามออกมาด้วยสีหน้ายิ้มอ่อนอย่างตื้นตันใจนับหนึ่งมองหน้าธำรงที่แทนตัวเองว่าพ่อด้วยแววตาเย็นชา
สำหรับเธอแล้วธำรงไม่สมควรที่จะเป็นพ่อของเธออีกต่อไปและเธอก็ไม่ได้มองว่าเขาเป็นพ่อตั้งแต่วันที่เขาส่งเธอไปขายให้กับชายสวมหน้ากากเพื่อตำแหน่งแล้ว
เธอยืนจ้องหน้าเขาด้วยแววตานิ่งๆแล้วเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างเย่อหยิ่งเยือกเย็น
" ใครเป็นลูกของคุณไม่ทราบ "
พอได้ยินนับหนึ่งเอ่ยถามออกมาแบบนั้นสีหน้าธำรงก็ถอดสีจนแววตาดูเศร้าหมอง เจ็บปวดจี๊ดราวกับถูกสายฟ้าฟาดผ่าลงมากลางตัว
เอ่ยจบเธอก็ยิ้มเย็นออกมาที่มุมปากพร้อมกับมองหน้าธำรงกับรานีด้วยแววตาเย็นชาแล้วเอ่ยต่อเสียงเย็นอย่างไม่รักษาน้ำใจแม้แต่น้อย
" นับหนึ่งที่เคยเป็นคนใช้บ้านคุณ เธอได้ตายไปนานแล้วค่ะ เธอตายไปตั้งแต่วันที่คุณส่งเธอไปขายให้กับชายชั่วย่ำยีแล้ว
ส่วนฉันไม่เคยมีพ่อที่เห็นแก่เงินแบบคุณค่ะ ดังนั้นอย่าเรียกฉันว่าลูกอีก ฉันรังเกียจ อ่อ แล้วในชีวิตฉัน ก็มีแค่แม่คนเดียวเท่านั้น "
เธอเอ่ยออกมาด้วยความเคียดแค้นใจอย่างไม่ไว้หน้า ธำรงได้ยินนับหนึ่งประกาศเสียงแข็งดังนั้น ความดีใจของแกที่ได้เจอหน้าลูกสาว ก็ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดเสียใจแววตาดูเศร้าหมองไปในทันที
รานีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโมโหแทนสามี จึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแสร้งทำเป็นตักเตือนคล้ายหวังดีแต่แฝงไปด้วยเจตนาร้ายที่ชัดเจน
" นับหนึ่ง หนูจะลืมกำพืดของตัวเองไม่ได้นะคะ หนูรู้บ้างมั้ยว่าพูดกับพ่อแบบนั้นมันไม่ดี "
นับหนึ่งไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่ากำลังถูกรานีหลอกด่าอยู่ เธอจึงย้ายสายตาไปมองหน้าแกแล้วเอ่ยตอบโต้พร้อมกับเลิกคิ้วถาม
" เหรอคะ งั้นคนที่แย่งสามีคนอื่นอย่างคุณก็ควรจะสำเหนียกและสำนึกในกำพืดของความเป็นเมียน้อยบ้างสินะ "
รานีได้ยินดังนั้นก็โกรธจัดจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว แกจ้องหน้านับหนึ่งด้วยแววตาดุดันอย่างแข็งกร้าว แกนึกเสียใจที่ไม่กำจัดนับหนึ่งตั้งแต่เด็ก
ส่วนนับหนึ่งก็จ้องหน้าแกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวหรือยอมเลยแม้แต่น้อย
อิงฟ้ากำลังเดินลงบันไดมา เห็นนับหนึ่งยืนประจานหน้ากับพ่อแม่ของเธออยู่ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจพร้อมกับรีบก้าวลงมาอย่างไว
" นับหนึ่ง เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ "
นับหนึ่งละสายตาจากรานีแล้วหันหน้าไปมองอิงฟ้าที่กำลังตรงมาที่เธอ
" ต่อให้พวกเธอหลบอยู่ในซอกในหลืบฉันก็ต้องหาพวกคุณจนกว่าจะเจอ
เพราะเรื่องบางเรื่องมันยังไม่ได้สะสาง จะให้พวกคุณอยู่ลับสายตาจนหาไม่เจอได้ยังไง "
เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ด้วยถ้อยคำที่มีเลศนัย ก่อนจะย้ายสายตาหันกลับมามองหน้ารานีแล้วเลิกคิ้วถามผ่านสายตา
" จริงมั้ยคะ....แม่....เลี้ยง "
คำพูดของนับหนึ่ง ทำเอารานีถึงกับสะดุ้งในใจขนลุกขนชันด้วยความหวั่นเกรงราวกับถูกความเย็นเข้าทิ่มแทงกลางขั้วหัวใจจนหน้าถอดสี
อิงฟ้าเห็นสีหน้าแม่ของตัวเองดูไม่ค่อยดี เธอจึงเอ่ยถามขึ้นเสียงกร้าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
" นับหนึ่ง เธอพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง "
นับหนึ่งยิ้มเย็นขึ้นที่มุมปากแล้วหันมาเอ่ยตอบอิงฟ้าด้วยแววตาเยือกเย็นอย่างคนที่เหนือกว่าแบบไม่มีท่าทีเกรงกลัวใดๆ
" หึ คุณอิงฟ้าช่างเสแสร้งแกล้งโง่เก่งจริงๆเลยนะคะ ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าที่ฉันพูดมันหมายความว่ายังไง แต่ก็ยังทำเนียนแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่เข้าใจ
หึ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ช้าไม่นาน ฉันจะช่วยฟื้นความจำให้คุณกับแม่ของคุณเอง รับรองว่าพวกคุณจะไม่มีวันลืมเรื่องที่เคยทำไว้อีกแน่นอนค่ะ "
อิงฟ้ากับรานีต่างรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่นับหนึ่งเอ่ยถึงนั้นคือเรื่องอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก