“อืม ผมไม่ล้อเล่น” ถังเจวี๋ยกอดเธอไว้ เชิดหน้าขึ้น “งั้นก็บอกผมมาซะดีๆ ว่าเมื่อกี้จ้องเย่เซียวตลอด คิดอะไรอยู่?”
“…” หญิงสาวเงียบเสียง
“อยู่ข้างผม แต่จ้องผู้ชายคนอื่น ฉี้ฉี้ คุณกล้าดีจริงๆ” เส้นเสียงถังเจวี๋ยเอื่อยเฉื่อยไร้พิษสง นอกหน้าต่างมีภาพทิวทัศน์ที่หรูหราที่สุดในเมือง แสงไฟหลากสีตกกระทบใบหน้าหล่อเหลาของเขา เขาสง่าสูงส่งมาดดีและดูท่าทางได้รับการอบรมมาอย่างดี แต่ดวงตาเย็นยะเยือกเข้ากระดูกคู่นั้นยังคงทำให้ฉี้ฉี้รู้สึกได้ถึงระยะห่างระหว่างพวกเขา
เขาถังเจวี๋ย เป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่อยู่เหนือกว่าคนนั้นเสมอ
เวลามีความสุขอาจจะมีความอดทนไว้หยอกล้อคุณบ้าง ส่วนตอนไม่พอใจ…
ไม่ว่าใครก็เป็นเพียงของเล่นในกำมือเขา
อย่างเช่น เธอ
“ฉันไม่ได้จ้องแค่เขา แต่เป็นเขากับภรรยาของเขา” ฉี้ฉี้มองเขาแวบหนึ่งถึงพูดต่อ “ฉันอิจฉาพวกเขามาก”
“อิจฉาอะไร?” เขาพูดปนขำ
ฉี้ฉี้ไม่ตอบ
เขากลับพูดขึ้นอีก
“อิจฉาพวกเขาสองสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ต่างพึ่งพากันและกัน” อารมณ์ถังเจวี๋ยบทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน น้ำเสียงได้แฝงความเย้ยหยันและประชดประชัน “คุณกับโม่ซวิ๋นทำไม่ได้เลยอิจฉาขนาดนี้เหรอ? แล้วมองผู้ชายคนอื่นขณะที่คิดถึงโม่ซวิ๋นของคุณ?”
‘โม่ซวิ๋น’ เป็นหนามยอกหัวใจเขามาโดยตลอด
ฉี้ฉี้ที่คอยฟังอยู่เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นตาม “ถังเจวี๋ย เรากลับกันเถอะ”
ถังเจวี๋ยเงียบ
เธอลงจากหน้าตักเขาคว้ากระเป๋าใบเล็กของตัวเองหมายจะเดินไป เหนือคาดที่เขาไม่ได้ห้ามเธอไว้ ใจเธอกลับยิ่งไม่ไว้วางใจขึ้นมา ตุ้มตุ้มต่อมต่อม
“ฉี้ฉี้ กลับมานะ” เสียงดังขึ้นจากข้างหลัง อ่อนโยนแต่ฉี้ฉี้รู้ว่าถังเจวี๋ยผู้อ่อนโยนอันตรายกว่าเขาในตอนคุกรุ่นเสียอีก มือของเธอที่จับกระเป๋าอยู่กำแน่น
“เด็กดี เชื่อฟังนะ ไม่อย่างนั้นผมเกรงว่าถ้าผมโกรธขึ้นมาจะสั่งสอนคุณเสียตรงนี้เลย…” นิ้วยาวของถังเจวี๋ยเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะ ก่อนจะหยุด “หรือว่าคุณเองก็อยากลอง?”
คำที่อันตรายขนาดนี้ในที่สาธารณะเช่นนี้ ทุกพยางค์ที่เขาพ่นออกมากลับไม่แตกต่างจากน้ำเสียงตอนหยอกเย้าสักนิด เคล้าด้วยเสียงแหบพร่าที่ฟังดูคลุมเครือปนความยั่วยุของกามอารมณ์
แม้แต่บริกรชายที่เดินผ่านไปยังหน้าแดง
ถังเจวี๋ยน่ะ เย้ายวนงดงามสำหรับทั้งชายและหญิง
——————
ภายหลัง
เย่เซียวกับไป๋ซู่เย่ย้ายออกมาจากคฤหาสน์ไฟ ทีแรกไฟเรนเซ่ไม่อนุญาตให้พวกเขาย้ายออกมาแต่เย่เซียวยืนยันที่จะย้ายออกมาเพื่อต้องการใช้เวลาสองต่อสองที่เหลือเพียงไม่กี่เดือนให้หนำใจ หลังลูกคลอดคงยากถ้าอยากใช้เวลากันสองต่อสองแบบสงบ
สุดท้ายไฟเรนเซ่จำต้องล้มเลิกความคิดที่จะหยุดพวกเขาอย่างห้ามไม่ได้ แต่เงื่อนไขคือพวกเขาต้องกลับไปทานอาหารกับเขาและคุณแม่เย่ทุกสัปดาห์
เมื่อได้ข้อสรุปพวกเขาได้ย้ายมาพักในบ้านหลังเล็กๆ ภายในบ้านมีคุณป้าทำอาหารกับคนรับใช้ เย่เซียวไม่ไว้วางใจเลยติดตั้งกล้องวงจรปิดในบ้านทุกหัวมุม!
ไป๋ซู่เย่ค่อนข้างคิดหนักกับเรื่องกล้องวงจรปิด
อยากจะแอบดื่มน้ำเย็นสักหน่อย เพิ่งยัดหลอดเข้าปากก็มีสายตรงเข้ามาทันที เสียงที่ดังขึ้นไม่ใช่โทรศัพท์เธอแต่เป็นโทรศัพท์บ้าน หลังคนรับใช้รับสายก็รีบเดินมาแย่งแก้วน้ำเย็นจากมือเธอไปทันที
“คุณนาย นายท่านบอกว่าถ้าคุณนายแอบดื่มน้ำเย็นอีก พรุ่งนี้จะยกตู้เย็นในบ้านออกไป”
“…”
ไป๋ซู่เย่นึกครึ้มในใจ โอดครวญผ่านกล้องวงจรปิด ถลึงตาจ้องเขา ใจร้าย!ใจร้ายมากๆ!
ไม่ใช่แค่ห้ามดื่มน้ำเย็น เดินเท้าเปล่าบนพื้นสองก้าวก็จะมีคนรับใช้เอารองเท้าแตะมาให้ทันที“คุณนาย ความเย็นส่งผ่านฝ่าเท้า นายท่านให้คุณนายใส่รองเท้าแตะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!