เดิมทีไป๋ซู่เย่ยังแกล้งหลับ พอได้ยินว่าจะติดตั้งกล้องใหม่รีบกระเด้งตัวจากโซฟาทันที
“เย่เซียว ไม่ต้องมีกล้องวจรปิดหรอก ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้จะทำตามกฎ ได้มั้ย?”
“คิดว่าผมควรเชื่อคนท้องที่เพิ่งปีนบันไดบอกผมว่าจะทำตามกฎ?” แค่เย่เซียวนึกถึงเธอเพิ่งปีนบันไดมาเมื่อครู่ก็แทบระงับไฟโทสะไม่อยู่
ไป๋ซู่เย่นึกน้อยใจ ได้ยินเขาว่าเช่นนี้ก็ยิ่งอัดอั้น “ต้องใช้วิธีนี้มาควบคุมฉันให้ได้เลยเหรอ?”
“คุณคิดว่านี่คือการ ‘คุม’เหรอ?”
“ถ้าคุณคิดว่านี่คือความห่วงใย โอเค ฉันยอมรับว่าใช่ แต่อย่างน้อยคุณน่าจะคิดบ้างว่าฉันต้องการความห่วงใยนี้มั้ย จะแบกรับความห่วงใยนี้ไหวหรือเปล่า”
“คุณไม่ได้รู้ตั้งแต่วันแรกแล้วหรือว่าผมเย่เซียวเป็นคนยังไง วิธีที่ผมแสดงความเป็นห่วง คุณไม่ได้เพิ่งได้รับเป็นครั้งแรก เมื่อก่อนได้ ทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงไม่ได้ล่ะ?”
“…เย่เซียว ตอนนี้คุณกำลังงี่เง่ากับฉันนะ”
“ผมงี่เง่า หรือคุณงี่เง่ากันแน่?”
ทุกคนที่อยู่ข้างๆ คอยมองพวกเขาตอบโต้กันไปมาต่างตกใจกันถ้วนหน้า นายท่านกับคุณนายอยู่ด้วยกันแต่งงานกันใกล้ครบปีไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน ปกติพวกเขาให้อภัยกันและกัน ไม่แม้แต่จะถกเถียงด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะทะเลาะกันอย่างวันนี้เลย
แม้แต่คำว่างี่เง่ายังพูดออกมาได้
ทุกคนยืนคอยอยู่ข้างๆ ไม่กล้าหายใจเสียงดัง
เย่เซียวระงับไฟที่สุมในใจ เบี่ยงหน้าหันหนีพบว่าช่างยังไม่ขยับเลยตวาดไปทีด้วยใบหน้าเย็นชา “มัวยืนนิ่งเฉยทำไม?”
อีกฝ่ายรีบวางบันไดปีนขึ้นไปไม่กล้าชักช้าสักวินาทีเดียว
ไป๋ซู่เย่เห็นเขาคิดจะติดตั้งกล้องวงจรปิดจริงๆ เลยไม่คุยกับเขาอีก หมุนตัวเดินขึ้นไปชั้นบนไม่สนใจเขาแล้ว
。
ความจริงใช่ว่าเธอจะโกรธเรื่องที่เขาจับตามองตัวเองผ่านกล้องวงจรปิด และรู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอ แต่แอบนึกโกรธกับท่าทีของเขาเมื่อครู่อยู่ไม่มากก็น้อย
อีกอย่าง…
แต่งงานกันมานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ทะเลาะกับเย่เซียว เป็นครั้งแรกของทั้งคู่จริงๆ ที่ปั้นหน้าตึงคุยกัน
รู้สึกแย่มาก
ไม่ว่าผิดที่ใครก่อน แค่ทะเลาะก็รู้สึกแย่แล้ว
————
คืนนั้นเย่เซียวไม่กลับมาทานข้าวที่บ้าน
ขณะที่เขาโทรบอกเธอว่าจะกลับค่ำเล็กน้อย น้ำเสียงตอนพูดไม่ถือว่าดีมากออกจะแข็งทื่ออยู่บ้าง ไป๋ซู่เย่เลยตอบกลับแค่ ‘อืม’ แล้ววางสายไป
สุดท้ายทั้งคู่เริ่มต้นสู่สงครามเย็นอย่างน่าแปลก
ทั้งที่เป็นแค่เรื่องเล็กเรื่องเดียวในทีแรก พริบตาเดียวกลับกลายเป็นยิ่งอยู่ยิ่งแย่
ไป๋ซู่เย่อารมณ์ไม่ดีมีเรื่องให้คิดมาก ดีที่ตอนนี้ท้องอยู่เลยขี้เซา ฉะนั้นถึงได้ผล็อยหลับไปบนเตียงแต่หัวค่ำ
สุดท้าย…
วันรุ่งขึ้นตื่นมาอีกทีบนเตียงกลับไม่มีคน เธอไม่อยากจะเชื่อเลยลุกขึ้นมอง ตำแหน่งข้างกายเรียบเห็นได้ชัดว่าไม่มีคนมานอนเลยทั้งคืน
หรือว่าเมื่อคืนเย่เซียวไม่กลับบ้าน?
หากกลางคืนไม่กลับมาเพราะทะเลาะกับเธอไม่กี่ประโยค ถ้าอย่างนั้นเธอคงต้องโกรธแล้วจริงๆ
ไป๋ซู่เย่สวมเสื้ออยู่บ้านลวกๆ เดินออกจากห้องถามคนรับใช้ “เมื่อคืนนายท่านกลับมามั้ย?”
“กลับสิคะคุณนาย”
“กลับเหรอ?”
“ค่ะ เมื่อกี้ฉันเข้าไปทำความสะอาดห้องหนังสือ นายท่านอยู่ห้องหนังสือพอดีค่ะ กำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ”
เขาฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ?
ไป๋ซู่เย่แค่ได้ยินก็รู้สึกปวดใจแล้ว มีเตียงดีๆ ไม่นอนกลับยอมไปฟุบหลับที่โต๊ะ เห็นทีคงโกรธเธอมากจริงๆ สินะ?
หรืออาจจะคิดว่าเธอไม่ต้องการความห่วงใยจากเขา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!