สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 152

สรุปบท บทที่ 152 ความลับอีกอย่างกระจ่าง: สอนรักอดีตภรรยา

บทที่ 152 ความลับอีกอย่างกระจ่าง – ตอนที่ต้องอ่านของ สอนรักอดีตภรรยา

ตอนนี้ของ สอนรักอดีตภรรยา โดย ลู่เสี่ยวเช่อ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 152 ความลับอีกอย่างกระจ่าง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

คืนที่หนานหนิงไป่เอวหัก หนานหยาจึงบุกเข้าไปในสวนกุหลาบอย่างโมโห

ทีแรกเธออยากบุกไปที่บริษัทตระกูลหนาน แต่โดนยามหน้าประตูขวางไว้ บอกว่าเธอเป็นคนนอก แม้แต่ประตูก็เข้าไปไม่ได้ แล้วขาเกือบพลิกอีก เธอจึงหัวร้อนมาก

เข้าไปในบริษัทไม่ได้ เธอจึงต้องไปรอที่สวนกุหลาบ

หนานหยาขับรถไม่ค่อยคล่อง จึงใช้ถนนใหญ่ ไม่คิดเลยว่าระหว่างทางฝนจะตก แล้วรถก็ติดมากด้วย แถมเธอยังขับรถเปิดประทุนอีก จึงเปียกปอนตั้งตัว

แค่ฝนตกยังไม่เป็นไร แต่คอนแทคเลนส์ของเธอหลุดอีก จึงมองเห็นทางไม่ชัด แล้วเกือบจะชนหลังรถคันอื่น เกือบจะโดนลากลงไปตบ

แต่เพราะหน้าตาเธอสวย แล้วใช้ไม้ตายขอร้องอ้อนวอน คนขับรถผู้ชายพวกนั้นจึงยอมปล่อยเธอไป

ระหว่างทางขรุขระมาก หนานหยาเหมือนฝ่าฟันด่านยากต่างๆ กว่าจะมาถึงสวนกุหลาบ ทั้งเนื้อทั้งตัวทุลักทุเล ความมั่นใจหายไปทันที

ตอนที่เดินเข้าไปในห้องโถง หนานซ่งกับหนานหลินนั่งกินข้าวอยู่ที่ห้องอาหาร กู้เหิงก็อยู่ คว้าโอกาสทุกอย่างที่จะได้อยู่กับหนานหลิน

พ่อบ้านจ้าวเห็นหนานหยา จึงสะดุ้งตกใจ "คุณหนูสอง คุณเจอผีข้างทางเหรอครับ ทำไมถึงทุลักทุเลขนาดนี้?"

พอได้ยินเสียง ทั้งสามคนจึงหันมองมา แล้วเกือบจำหนานหยาไม่ได้

หนานหยาคงไม่ถูกกับสภาพอากาศของเมืองหนาน ทุกครั้งที่ฝนตกเธอก็จะเจอเรื่องซวย แล้วทำให้ตัวเองทุลักทุเล

หนานซ่งมองเธอจากที่ไกลๆ แล้วเอ่ย "เธอโดนหมาโลเชนเข้าสิงเหรอ?"

กู้เหิงกับหนานหลินมองหน้ากัน แล้วพยักหน้า

พวกเขากำลังคิดว่าสภาพหนานหยาแบบนี้คุ้นๆมาก แต่คิดไม่ออกว่าเหมือนอะไร แต่พอหนานซ่งพูดแบบนี้ จึงรู้สึกว่า……เปรียบเทียบได้เหมือนมาก!

หนานหยาเพิ่งย้อมผมสีบลอนด์ทอง ตากฝนผมจึงลีบแบน แล้วแนบติดกับใบหน้า เหมือนหมาโลเชนมากจริงๆ

"หนานซ่ง! เพราะเรื่องดีๆที่แกทำ!"

หนานหยารวบรวมความมั่นใจกลับมา แล้วเดินตรงไปทางหนานซ่ง

เมื่อกี้อยู่ไกลจึงเห็นไม่ชัด พอเดินใกล้เข้ามา สภาพดูไม่ได้เลย

หนานซ่งรู้สึกว่าภาพเหตุการณ์สวยเกินไปจนเธอไม่กล้ามอง จึงเอ่ยพูดว่า "สภาพเธอตอนนี้ เหมือนซุปไข่มะเขือเทศบนโต๊ะมาก"

ฝีเท้าหนานหยาหยุดชะงัก แล้วก้มดูตัวเอง ค่อยเห็นว่าสีผมที่เธอเพิ่งย้อมตากฝนจนเปียก น้ำยังหยดอยู่เลย แล้วสีผมสีเหลืองก็ไหลลงมา แล้ววันนี้เธอใส่ชุดกระโปรงแดงด้วย คราบสีเหลืองเป็นจุดๆ เหมือนไข่ไก่เลย

ครั้งนี้กู้เหิงกับหนานหลินกลั้นขำไม่อยู่จริงๆ

สภาพหนานหยาจะพูดว่าแค่เหมือนซุปไข่มะเขือเทศไม่ได้ ต้องพูดว่าเหมือนเป๊ะเลยล่ะ

ใบหน้าที่มีคราบสีเหลืองของหนานหยาแฝงไปด้วยความโกรธเคือง

วันนี้ที่เธอมาก็เพราะจะมาคิดบัญชีกับหนานซ่ง แต่พอเข้ามาแล้วยังไม่ได้คิดบัญชี แต่กลับโดนเยาะเย้ยแทน

"หัวเราะบ้าอะไร! ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้เหรอ?"

หนานหยาเก็บกดมาก แล้วชี้หน้าหนานซ่ง "หนานซ่ง! แกมีสิทธิ์อะไรมาให้คนอื่นทำร้ายพ่อฉัน? เขาเป็นอาสองของแก แกกล้าล่วงเกินแบบนี้ แกไม่กลัวโดนฟ้าผ่าเหรอ?!"

สีหน้าหนานซ่งนิ่งเฉย แล้วพูดอย่างไม่แคร์

"ถ้าฟ้ามีตาจริงๆ ก็น่าจะผ่าพวกคนทรยศอย่างพวกเธอไปแล้ว แต่พวกเธอก็ยังมีชีวิตดีอยู่ไม่ใช่เหรอ? ยังไม่ถึงตาย มาโวยวายทำไม"

"แกกล้าสาปแช่งพวกเรางั้นเหรอ?"

หนานหยาโกรธมาก "แก แกเป็นคนจิตใจอำมหิต!"

หนานหลินทนฟังไม่ไหว "พี่สอง ทั้งๆที่พี่เป็นคนสาปแช่งพี่ใหญ่ก่อน ทำไมถึงสองมาตรฐานขนาดนี้?"

"แกหุบปากไปเลย! ที่นี่แกมีสิทธิ์พูดเหรอ?" หนานหยาระบายอารมณ์กับหนานหลิน

กู้เหิงขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ "คุณหญิงฉินยังมีสิทธิ์มาพูดที่นี่ หลินหลินเป็นคุณหนูสามตระกูลหนาน ทำไมจะไม่มีล่ะครับ?

คุณหญิงฉิน อยู่ในบ้านคนอื่น พูดจาเกรงใจหน่อยก็ดีนะครับ ถ้าโดนลากตัวออกไปคงไม่ค่อยดี"

ทำงานกับหนานซ่งมาตั้งนาน อะไรที่เรียกว่า"ไม่ต้องโมโหก็น่าเกรงขาม" "พูดขู่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน" กู้เหิงก็เรียนมาไม่น้อยแล้ว

หนานหยาอึ้งเล็กน้อย อยู่ๆเธอก็รู้สึกว่าเธอไม่มีความสำคัญในบ้านเลย ตอนนี้แม้แต่หนานหลินก็ยังรังแกไม่ได้

นักสะสมให้เขารอสักครู่ แล้วไปที่ห้องหนังสือ

ไม่นาน เขาก็ถือถาดออกมาอย่างระมัดระวัง ในถาดมีของสองชิ้น แล้วยังมีผ้าคลุมไว้ด้วย ดูออกเลยว่าเขาให้ความสำคัญผลงานนี้มากแค่ไหน

บรรยากาศที่จริงจังแบบนี้ ดึงดูดความสนใจยวี่จิ้นเหวินกับเหอจ้าวมาก แล้วตั้งตารอ

นักสะสมเปิดผ้าคลุมทีละอัน ถาดใหญ่มาก แต่ผลงานกลับเล็กนิดเดียว

ผลงานชิ้นฝั่งซ้าย เป็นผลงานแกะสลักจากหยกขาว ชื่อว่า"มู่หลาน" เป็นแม่ทัพสตรีที่ชื่อว่าฮวามู่หลาน

คนที่แกะสลักมู่หลานเยอะมาก แต่จุดเด่นของผลงานชิ้นนี้ คือมีสองด้าน ด้านหนึ่งคือตอนที่มู่หลานยังอยู่ในเรือน อีกด้านเป็นตอนที่มู่หลานอยู่ในกองทัพ ความไร้เดียงสาตอนอยู่ในเรือนกับความเท่ตอนรบ เห็นความแตกต่างได้ชัดเจน แต่ก็กลมกลืนเป็นรูปลักษณ์ของคนคนเดียวกัน

ฝีมือการเขียนกับการแกะสลักสมจริงมาก ยวี่จิ้นเหวินแค่มอง ก็มีบทกลอนมู่หลานลอยเข้ามาในหัวแล้ว

เขาจ้องมองคนแกะสลักที่สมจริง แล้วไม่กะพริบตาเลย

"เป็นยังไงครับ?" นักสะสมสำรวจสีหน้ายวี่จิ้นเหวิน แล้วยิ้มเอ่ย "ตกตะลึงกับฝีมือของปรมาจารย์หยกเลยใช่ไหมครับ?"

"ครับ" ยวี่จิ้นเหวินพยักหน้าอย่างจริงจัง "ไม่รู้ทำไม มู่หลานบนงานเขียน รูปลักษณ์คุ้นชินมาก เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรู้จัก"

"เหรอครับ?" นักสะสมพูดหยอก "คงไม่ใช่หญิงในดวงใจคุณใช่ไหมครับ?"

ยวี่จิ้นเหวินอึ้งเล็กน้อย แล้วยิ้มไม่ตอบ

เขาแอบถอนหายใจในใจ : เขาต้องมนต์สะกดเหรอ ทำไมดูใครก็รู้สึกเหมือนหนานซ่ง

หยิบหยกแกะสลักขึ้นมา ข้างล่างแกะสลักบทกลอนไว้สองแถว "ล้วนทราบบนเขามีไม้บนไม้มีใบ แต่ชายในใจไม่ทราบว่ามีใจด้วย"

อักษรโดดเด่นมาก แกะสลักเป็นอักษรเหว่ย

ยวี่จิ้นเหวินจ้องมองตัวอักษรสองประโยคนั้น รู้สึกว่าคุ้นมาก อยู่ๆในหัวก็มีบางอย่างแว็บเข้ามา เขาคลำหาทั้งตัว แล้วเอาตราประทับดอกกุหลาบที่พกติดตัวออกมา

นำหยกแกะสลักกับตราประทับวางไว้ด้วยกัน ตัวอักษรเหมือนกันเป๊ะ ต้องมาจากมือคนคนเดียวกันแน่นอน!

ยวี่จิ้นเหวินตกตะลึง : ใช่เธอจริงๆด้วย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา