โจ๋เซวียนถูกหนานซ่งทำให้โมโห
บางทีเป็นเพราะในตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรกหนานซ่งทิ้งความเรียบร้อยเชื่อฟังไว้จนฝังลึกเกิน ทำให้เธอรู้สึกผิดมาตลอดคิดว่าหนานซ่งเป็นลูกพลับนิ่มที่บีบกำได้ทุกเมื่อ
ไม่ต้องพูดถึงโจ๋เซวียน โจ๋เยว่ก็โมโห อดไม่ได้ที่จะด่าทอขึ้น “คุณหนูใหญ่ตระกูลหนานอะไร ไม่มีคนสั่งสอน! ไม่แปลกที่จิ้นเหวินจะหย่ากับเธอ ไม่เอาเธอ”
ประโยคสุดท้าย พูดให้เสิ่นหลิวซูฟัง
เสิ่นหลิวซูไม่ได้ตอบรับเธอ เพียงพูดเสียงเข้ม “ต่อไปอย่ามีเรื่องกับหนานซ่งอีก พวกเธอสู้หนานซ่งไม่ได้”
จากนั้นก็เอาแขนออกจากแขนของโจ๋เยว่ แล้วขึ้นรถไปก่อน
โจ๋เยว่จ้องมองแผ่นหลังของเสิ่นหลิวซู เหม่อลอยนิดหน่อย หงุดหงิดเล็กน้อยโดยไม่มีสาเหตุ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาดึงแขนออกจากเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองแกแล้วหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งจับผู้ชายคนนี้ไม่อยู่แล้ว...
“คุณป้าคะ คุณอาเสิ่นหมายความว่ายังไงคะ ทำไมพวกเราจะสู้หนานซ่งนั่นไม่ได้? เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่คุณป้าห้ามไว้ หนูตบเธอไปตั้งนานแล้ว!”
โจ๋เซวียนยังคงไม่พอใจ ความอ่อนโยนแค่ภายนอก อยู่ที่ต่างประเทศนานหลายปี เธอคลุกคลีอยู่กับพวกเด็กฝรั่งพวกนั้นทุกวัน ตบบ้องหูคนมาไม่น้อย จัดการกับหนานซ่งคนเดียวไม่ใช่เรื่องยาก
“พอแล้ว! เธอยังหาเรื่องให้ฉันไม่พอเหรอ?”
โจ๋เยว่ทำหน้าเคร่งขรึม สั่งสอนหลานสาว “เธอเก็บความโมโหไม่ได้แบบนี้ ต่อไปไม่ต้องตามฉัน เผื่อเธอจะลุกขึ้นเองไม่ได้ แล้วกลับพาฉันลากลงน้ำไปด้วย!”
โจ๋เซวียนไม่ยอมแพ้ คิดในใจว่าคุณป้าก็พึ่งพิงผู้ชายใช้ชีวิตไม่ใช่เหรอ จะสูงส่งกว่าฉันได้สักแค่ไหน
แต่ตอนนี้เธอไม่มีผู้พึ่งพิง พ่อแม่ก็พึ่งพิงไม่ได้ จึงทำได้เพียงพึ่งคุณป้าคนนี้
“หนูทราบแล้วค่ะคุณป้า”
โจ๋เซวียนถ่อมตัว ก้มหน้าก้มตา แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล้ำกลืน “คุณป้าคะ คุณป้าบอกว่าจะทวงความยุติธรรมให้หนู จะสั่งสอนหนานส่งไม่ใช่เหรอคะ?”
โจ๋เยว่พึมพำ “เธอรีบร้อนอะไร ตอนนี้แม้แต่รายละเอียดของศัตรู จะยิงตรงเป้าได้ยังไง จะฆ่าเธอให้ตายได้ยังไง? ตอนนี้ที่เธอต้องทำมากที่สุด คือต้องยืนหยัดในหวนย่าไถ่ให้เร็วที่สุด ดึงหัวใจของยวี่จิ้นเหวินกลับมา”
พูดถึงยวี่จิ้นเหวิน โจ๋เซวียนก้มหน้าด้วยความหงุดหงิด
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ผู้ชายที่เคยดีกับเธอขนาดนั้น แทบจะตามใจเธอทุกอย่าง แต่ทำไมเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี ไม่กี่เดือน ในสายตาก็ไม่มีเธออีกแล้ว
ทั้งหัวใจทั้งสายตา มีแต่หนานซ่งผู้หญิงคนนั้น!
เทียบกับหนานซ่งที่ทำให้ป้าหลานตระกูลโจ๋ ด้านของหนานซ่ง สำหรับความผันแปรเล็ก ๆ นี้ ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เมื่อขึ้นรถ กู้เหิงก็พูด “ตระกูลโจ๋นี้ก็เป็นตระกูลนักวิชาการ ทำไมถึงได้เลี้ยงลูกสาวที่ไร้ประโยชน์ขนาดนี้ ตระกูลผู้ดีอะไร ตระกูลไพร่ไม่ว่า เดาว่าคงเป็นชาเขียวแช่จนโต!”
หนานซ่งอุ้มโน้ตบุ๊คดูอีเมลทำงาน เห็นกู้เหิงโมโหไม่เป็นที่รู้จัก แล้วหัวเราะเสียงเบา “ไม่ใช่เมียนายสักหน่อย นายโมโหอะไร?”
“ผมเห็นแล้วก็โมโหครับ!”
กู้เหิงอยู่ข้างหนานซ่งนานแล้ว ความสามารถของการคัดกรองผู้หญิงร้ายได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แค่มองแวบเดียวก็ดูออกว่าเป็นนางมารร้ายตัวไหน
โจ๋เยว่กับโจ๋เซวียนสองคนนี้ จิ้งจอกพันปีเทียบไม่ได้ อย่างมากที่สุดก็แค่จิ้งจอกน้อยที่ฝึกฝนมาหลายร้อยปี
“ต้นตระกูลของตระกูลโจ๋คือตระกูลนักวิชาการ ได้แชมป์เหรียญทองมาแล้วมากมาย สอบบัณฑิต นักประพันธ์ แต่แค่ลูกหลานรุ่นสุดท้ายไม่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี ใจทุ่มเทให้กับราชการและธุรกิจ เอาทรัพย์สินของต้นตระกูลที่เหลืออยู่ใช้จนหมด”
หนานซ่งนวดคิ้ว พูดเรียบเฉย “ถึงรุ่นพ่อของโจ๋เซวียน ก็เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ถนัดการค้า ติดหนี้เต็มไปหมด ฝืนรักษาภาพพจน์ของตระกูลนักวิชาการ พยายามที่จะไต่เต้าเทียบกับตระกูลที่ปรองดองกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...