สวนกุหลาบเกือบจะแตกออกหลังการต่อสู้ระหว่างพ่อและลูกสาว
หนานซานไฉนั่งไขว่ห้างบนโซฟามองไปที่ซูยินที่มีใบหน้าแดงด้วยความโกรธ ซูรุ่ยซึ่งหน้ามืดลงจนถึงก้นหม้อดูเขาไม่มีความสุข
ใช้เวลานานกว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และเขากวักมือเรียกซูยินให้นั่งลงข้างเขา “สาวน้อย เธอชอบฟู่ยวี่ใช่ไหม ตาถึงจริงๆ”
“ใช่ไหมคะ คุณปู่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คุณปู่ตาดีจริงๆ!”
ในที่สุดซูยินก็พบคนที่อยู่ข้างเดียวกับเธอจับมือหนานซานไฉด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้าที่เพิ่งถูกปกคลุมไปด้วยเมฆที่สว่างไสว
ซูรุ่ย พ่นลมด้วยความรังเกียจ
แม้ว่า หนานซานไฉและฟู่ยวี่จะพบกันเพียงครั้งเดียว ก็ยังประทับใจในตัวเขา “ชายหนุ่มค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมา ตลกขบขัน และเป็นกันเอง เขาดีกว่าผู้ชายที่แซ่ยวี่ที่มีใบหน้าเย็นชาคนนั้น."
ซูยินเห็นด้วยเป็นอย่างมาก “ใช่!”
หนานซ่งส่ายหัวอย่างพูดไม่ออก
“ เสแสร้งจริงๆ คุณดูออกได้อย่างไร?”
หนานซานไฉจ้องมองหนานซ่ง "เธออย่าเพิ่มพูดแทนยวี่จิ้นเหวิน ตอนนนี้เรากำลังพูดถึง ฟู่ยวี่"
หนานซ่ง : "..."
เธอพูดแทนยวี่จิ้นเหวินเมื่อไหร่???
หนานหลินฟังแล้วยิ้ม บ้านไหนมีชายชราคนบ้านนั้นมีสมบัติล่ำค่า
“ใช่แล้ว คุณปู่ เรามาพูดถึง ฟู่ยวี่กันดีกว่า คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างช่วยบอกเล่าให้หนูฟังหน่อย...” ซูยินนั่งไขว่ห้างบนโซฟา พร้อมเตรียมคุยกับนายท่านหนานทั้งวัน
ซูรุ่ยและหนานซ่งมองหน้ากันและพูดอะไรไม่ออก
เดิมคิดว่าซูยินจะสร้างปัญหา แต่อยู่ดีๆ เรื่องก็ผ่านไป
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิด เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้น่ากลัวกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก ไม่คิดว่าเธอจะหนีออกจากบ้านไปจริงๆ!
บอดี้การ์ดจำนวนมากที่หน้าประตูสวนกุหลาบทำให้ตกตะลึง
ซูรุ่ยอารมณ์เสียกลางดึก รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก “รีบตรวจสอบ ตำแหน่งโทรศัพท์ของเธอ! รอบนี้ใครห้ามหยุดฉัน เมื่อจับเธอกลับมาได้ฉันจะตีให้เธอจนหลังหักไปเลย!”
ก็ต้องจับให้ได้ก่อน
ซูยินฉลาดมาก โดยรู้ว่าจิ้งจอกเฒ่าของเธอได้ติดตั้งระบบตำแหน่งในโทรศัพท์มือถือของเธอไว้เธอเลยไม่ได้พบโทรศัพท์ไป
หนานซ่งปวดหัวเป็นอย่างมาก เธอให้คนไปที่สนามบินและสถานีรถไฟไล่สกัดตามเธอ แต่ก็หาไม่เจอจนกระทั่งรุ่งเช้า ไป๋ลู่ยวี๋เข้ามาในสวนกุหลาบพร้อมกับเสียงหัวเราะ.
เขาหัวเราะผิดปกติกว่าคนทั่วไป และมันไม่ใช่ยิ้มที่มีความสุข เขาหัวเราะน่าเกลียดกว่าร้องไห้จริงๆ
หนานซ่ง, ซูรุ่ยและคนอื่นๆ ไม่ได้นอนมาทั้งคืน เงยหน้าขึ้นมองไป๋ลู่ยวี๋ด้วยม่านตาหดตัว
หนานหลินไม่ได้นอนเช่นกัน หัวเธอดูวุ่นวาย เธอก็ตื่นขึ้นด้วยเสียงหัวเราะของไป๋ลู่ยวี๋"พี่เจ็ด คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือ... หัวเราะอะไรขนาดนั้น"
“ฮ่าฮ่าฮ่า...อย่าพูดถึงมันเลย…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เด็กสาวซูยินคนนั้น…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เอาถั่วพิสตาชิโอหนึ่งซองให้…ฮ่าฮ่าฮ่า จากนั้นฉันเลยเป็นแบบนี้…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า รีบช่วยฉันด้วย!"
ไป๋ชีหัวเราะมาทั้งคืนและร่างกายเหมือนกำลังจะพังทลาย
หนานซ่งและ ซูรุ่ยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทันทีที่พวกเขาเห็นสถานการณ์ พวกเขารีบนำยาไปให้ ไป๋ลู่ยวี๋กลืนเข้าไป ไป๋ลู่ยวี๋หัวเราะอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดและฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“ในถั่วพิสตาชิโอนี่มันใส่อะไรลงไปกันเนี่ย ฉันหัวเราะทั้งคืนจนหน้าตึงไปหมดแล้ว”
ไป๋ลู่ยวี๋ถูใบหน้าเป็นเวลานานด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
หนานซ่งกล่าวเบา ๆ : "กระบี่เย้ยยุทธจักร"
ไป๋ชี: "อะไรนะ???"
“พูดตรงๆ มันคือยาชนิดหนึ่ง มันจะไปกระตุ้นเส้นประสาทสมองของคุณในระยะเวลาอันสั้นและทำให้คุณหัวเราะเหมือนเป็นโรคประสาท มันเคยถูกเรียกว่า 'กระจายหัวเราะจนโง่' แต่ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็น'กระบี่เย้ยยุทธจักร'”
หนานซ่ง อธิบายให้ ไป๋ลู่ยวี๋
ไป๋ลู่ยวี๋โกรธจนเบิกตากว้าง “ใครมันเป็นบ้าทำยาแบบนี้ออกมาได้!?”
ซูรุ่ยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ฉัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...