ทนไม่ได้เหรอ?
งั้นก็ไม่ต้องทน
ไม่ใช่ว่าหน่านซ่งไม่ต้องการ เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอหิวมาก เกรงว่าร่างกายของเธอจะทนไม่ไหว
เมื่อยวี่จิ้นเหวินจูบเธอ เธอเม้มปากและร้องขออย่างจริงใจ "งั้น พวกเรามาจัดการน่องไก่ชิ้นใหญ่กันก่อนไหม?"
"........."
จูบรสน่องไก่ยังคงรสชาติดี
เมื่อออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเอวและขาจะไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย แต่อารมณ์ของหนานซ่งก็ค่อนข้างดี ต้องขอบคุณน่องไก่ชิ้นใหญ่และเนื้อนุ่มที่ได้กินก่อนออกกำลังกาย เธอกลับมาที่เตาอีกครั้ง พระกระโดดกำแพงยังคงเคี่ยวอยู่ หนานซ่งใช้เตาอีกเตาต้มน้ำ เธอเตรียมที่จะใส่เส้นจากนั้นเธอหันไปถามยวี่จิ้นเหวินว่า "บะหมี่แห้งผัดต้นหอม?"
ยวี่จิ้นเหวินยิ้มและพยักหน้า "ได้"
ทั้งสองคนนั้นทำอาหารไปพลางกินอาหารไป เธอหนึ่งคำ ฉันหนึ่งคำ จากนั้นอาหารที่ทำออกมาแล้วก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
พระกระโดดกำแพงอาจจะต้องเป็นอาหารว่างยามดึก
หนานซ่งนำไวน์ฮวาเตียวอีกครึ่งขวดมาอุ่นร้อน จากนั้นเธอใส่ไข่ลงไปในไวน์ มันถูกทำให้ร้อนจนมีรูปร่างเหมือนไข่น้ำและไวน์ก็ส่งกลิ่นหอมอบอวน จิตใจของผู้คนก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
หนานซ่งหยิบแก้วหยกขึ้นมาสองใบ หนานซ่งยื่นแก้วที่เต็มไปด้วยไวน์ให้กับยวี่จิ้นเหวินและเอ่ย "ยินดีด้วย เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกัน"
ยวี่จิ้นเหวินรับแก้วมา จากนั้นเขาสบสายตาที่สดใสของเธอ เขายิ้มและเอ่ยคำแนะนำ "ดื่มแบบควงแขน?"
ลีลาเยอะเสียจริง
หนานซ่งอารมณ์ดีและเธอจะไม่ปฏิเสธ เธอและเขาควงแขนกันยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม
ไวน์ที่หอมหวานและกลมกล่อมได้ลิ้มรสในลำคอ รู้สึกอบอุ่นตั้งแต่ลำคอจนถึงช่องท้อง
ทั้งสองมองหน้ากัน เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเป็นนัยแล้วจุมพิตกันอีกครา
จูบนี้ผสมกับกลิ่นไวน์ที่เข้มข้นและหอมกรุ่น
หนานซ่งเปลี่ยนท่าทางของเธอ เธอเอนกายนอนลงในอ้อมแขนของยวี่จิ้นเหวิน ความรู้สึกผ่อนคลายที่ห่างหายไปเนิ่นนาน
"หลายวันนี้มารู้สึกเหมือนผ่านการทำศึกสงคราม"
หนานซ่งเอ่ย "แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะขาดทุนไปไม่น้อย แต่มันดีกว่าจุดเริ่มต้นมาก ฉันรู้สึกพอใจมากๆ"
ยวี่จิ้นเหวินเท้าแขนบนโซฟาและกอดหนานซ่ง เขาลูบผมที่อ่อนนุ่มของเธอด้วยฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาพร้อมกับเอ่ยว่า "เมื่อทำธุรกิจเธอไม่สามารถมุ่งเน้นไปที่กำไรและขาดทุน เธอต้องมองในระยะยาว การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่สวยงามจริงๆ อย่างอื่นไม่พูดถึง อย่างน้อยก็ได้ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในระยะเวลาสามปี ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ขาดทุนนะ"
"มันก็ใช่"
หนานซ่งพูดอย่างเคร่งขรึม "เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเห็นกำลังซื้อของการช็อปปิ้งออนไลน์และเกิดแนวคิดใหม่ ก่อนหน้านี้เรายังคงใช้รูปแบบการขายแบบเดิม ให้ความสำคัญและเน้นกิจกรรมกับการช็อปแบบออฟไลน์ แต่การไลฟ์ในครั้งนี้ได้สร้างความเข้าใจใหม่ๆให้กับฉันและควรกลายเป็นเทรนด์ใหม่"
"อืม ฉันก็คิดเหมือนกัน การไลฟ์สดเป็นรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว"
ยวี่จิ้นเหวินกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้มีการไลฟ์สดขายขายเสื้อผ้า สกินแคร์ เครื่องสำอาง ฯลฯ แต่ฉันนั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน แต่ครั้งนี้การขายการกุศลทำได้ดีมากแสดงให้ฉันเห็นถึงแรงซื้อของผู้บริโภคด้วย ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าอย่าประมาทกำลังซื้อของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นวัยคุณป้าหรือว่าวัยสาว"
หนานซ่งเอนตัวในอ้อมแขนและหัวเราะคิกคัก "นั่นเป็นตัวแทนระหว่างแม่ฉันและฉัน แม่คือวัยคุณป้า ส่วนฉันคือวัยสาว"
"สิ่งนี้อย่าเอามาพูดล้อเล่น"
ยวี่จิ้นเหวินสัมผัสได้ถึงความอันตราย "เรียกน้าลั่วเธอยังพอทน เรียกว่า‘คุณป้า’เธออาจจะระเบิดลงในทันที"
"นั่นไม่เสมอไป" หนานซ่งเอียงศีรษะและยิ้มให้เขา "วันหลังนายลองเรียกเธอว่าคุณป้าดูสิ"
ยวี่จิ้นเหวินส่ายหน้า "ฉันไม่กล้าหรอก"
"อย่าขี้ขลาดเลยประธานยวี่"
สำหรับหนานซ่งสิ่งที่ท้าทายไม่ใช่ปัญหาใหญ่ "นายกลัวตายเหรอ?"
"ฉันไม่กลัวความตาย" ยวี่จิ้นเหวินเอ่ยอย่างจริงจัง "ฉันกลัวว่าฉันจะแต่งงานกับภรรยาไม่ได้ แบบนั้นก็คงตายทั้งเป็น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...
น่าจะตอบโต้ด้วยการขุดประวัติมาประจานนังโจ๋นะ...