กับความตกตะลึงของยวี่จิ้นเหวิน หนานซ่งแค่เอ่ยอย่างนิ่งเฉย "คุณชายยวี่ เรื่องแบบนี้ ในเมื่อมองออกแล้ว ก็อย่าพูดเปิดโปงดีกว่าค่ะ"
เธอเป็นคนวาดเองจริงๆ!
เธอยังมีความสามารถอะไรอีกที่เขายังไม่รู้?
แต่สายตาที่นิ่งเฉยของหนานซ่ง ยวี่จิ้นเหวินทำได้แค่กลืนความตกใจกับความสงสัยกลับไป ผู้หญิงคนนี้ปิดบังทุกอย่างได้ลึกลับมาก ถ้ายังตื่นตกใจอีก จะทำให้ตัวเองดูเหมือนคนที่ไม่เคยเข้าสังคม แล้วจะโดนเธอดูถูก
ถ้าแค่วาดรูปธรรมดา ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้ แต่การลอกเลียนแบบ เป็นความสามารถที่ห้ามพูด ยิ่งถ่อมตัวยิ่งดี
เห็นเขามีอะไรมากมายอยากถาม แล้วเอาแต่จ้องภาพวาดนั้น เหมือนกลัวจับแล้วจะเสียหายย่างนั้น ความระมัดระวังแบบนั้นทำให้คนเห็นแล้วอยากขำ
หนานซ่งเป็นฝ่ายบอกเขาเอง "ภาพวาดนี้เป็นงานเขียนตอนเด็กของฉัน ก็ไม่ใช่ว่าเด็กมาก อายุประมาณสิบสี่สิบห้า ฉันไปที่งานนิทรรศการภาพวาดกับคุณพ่อ เลยเห็นงานเขียนนี้ ตอนนั้นชอบบทกลอนของซูตงโพมาก รู้สึกว่าชีวิตอิสระมาก ไม่ว่าจะเจออุปสรรคขนาดไหนก็ไม่กลัว ถึงฝนจะสาดกระหน่ำลงเสื้อฟางชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป"
"อายุสิบสี่สิบห้า ช่วงเวลาหลังจากที่เธอโดนลักพาตัว?"
ยวี่จิ้นเหวินพูดรับได้อย่างธรรมชาติ แล้วเพิ่งรู้ว่า เขากับหนานซ่งเห็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของซึ่งกันและกัน
พรหมลิขิตนี้ บางครั้งก็อธิบายไม่ได้
"อื้อ" หนานซ่งหยักหน้า
ยวี่จิ้นเหวินก้มหน้าดูภาพวาด ท่าทางก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อ "เธอแค่เคยไปดูครั้งเดียว กลับมาก็วาดได้ขนาดนี้เลยเหรอ?"
"ไม่ใช่ นายคิดว่าฉันเป็นพระเจ้าเหรอ?"
หนานซ่งหมดคำพูด ถึงแม้เธอจะเคยมีความสามารถที่เห็นแค่ครั้งเดียวก็จำได้แล้ว แต่คงจำรายละเอียดทุกอย่างในภาพวาดไม่ได้ "คุณพอฉันชอบภาพวาดนี้มาก ทีแรกอยากจะซื้อ แต่ภัณฑารักษ์ไม่ยอมขาย ต่อมาพ่อฉันก็ไปเจรจา จึงยอมตกลงยืมให้พ่อฉันสามวัน ฉันเห็นว่าคุณพ่อชอบมาก เลยจะวาดให้ท่าน……ตอนนั้น ฝีมือไม่ค่อยดี อายุยังน้อยเกินไป แล้วไม่รู้ว่าบทกลอนจะสื่อถึงอะไร จึงแค่วาดเลียนแบบเล่นๆ แต่คุณพ่อชอบมาก เลยแขวนไว้ที่ห้องทำงาน จนกระทั่งถึงตอนนี้"
ยวี่จิ้นเหวินฟังเธอเล่าเรื่อง เหมือนกำลังพูดถึงภาพวาดที่วาดทั่วไป อยู่ๆก็เข้าใจคำว่า"อวดอวย"หมายความว่าอะไร
"แค่วาดเลียนแบบเล่นๆยังวาดได้ดีขนาดนี้ เธอถ่อมตัวมากเกินไป"
หนานซ่งส่ายหน้า "นี่แสดงว่านายเป็นคนนอกวงการ คนนอกแค่ชื่นชม แต่คนในดูสำนัก ถ้าอาจารย์ฉันเห็นภาพวาดนี้ คงด่าฉันว่าทำลายชื่อเสียงสำนัก แต่ลูกศิษย์ไม่รักดีอย่างฉัน มือพิการไปแล้ว อยากทำลายชื่อเสียงก็คงทำไม่ได้แล้ว"
ยวี่จิ้นเหวินขมวดคิ้ว "เธอหมายถึง ผิวหนังด้านที่มือเหรอ?"
หนานซ่งนิ่งเงียบ
การลอกเลียนแบบ ไม่ใช่แค่การวาดตาม แต่ต้องมีมือที่ละเอียดอ่อน จึงจะสัมผัสรู้สึกได้ แต่นิ้วมือของเธอด้านไปหมด ไม่มีทางสัมผัสอะไรออกแล้ว ของที่วาดขึ้นอีก จะเหมือนของจริงได้ยังไง?
พอรู้ตัวตนที่แท้จริงของหนานซ่งแล้ว ยวี่จิ้นเหวินก็สงสัยมาโดยตลอดว่าทำไมนิ้วเธอถึงด้านขนาดนี้
เป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลหนาน ถึงแม้จะไม่โดนตามใจ แต่ก็ไม่ให้ไปทำนาทำสวนเหมือนลูกคนจน แล้วความด้านที่มือมาจากไหนล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...
น่าจะตอบโต้ด้วยการขุดประวัติมาประจานนังโจ๋นะ...