ฟังคำยุแหย่ของลั่วอิน หนานซ่งก็ได้แต่ถลึงตามองเธออย่างไม่สบอารมณ์
เธอเดินเข้าไปใกล้ลั่วอิน จากนั้นก็บ่นออกมาเบา ๆ : "อายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะทำมาเป็นฟ้อง......"
"มายุ่งอะไรกับอายุฉัน"
อายุคือคำต้องห้ามสำหรับลั่วอิน ดังนั้นเธอก็เลยมีสีหน้าดุดันขึ้นมาในทันที เธอตะโกนออกมาเสียงดัง: "ดูแกที่ขี้เกียจตัวเป็นขน ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแกห้ามฉันไว้ ฉันก็คงจะจัดการแกไปตั้งนานแล้ว ดูทำตัวเข้า! พอแล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ รีบไปวิ่งเดี๋ยวนี้ ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าสมรรถภาพทางร่างกายของแกจะได้คะแนนเท่าไหร่"
หนานซ่งถอนหายใจออกมายาว ๆ รู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้น อย่างนั้นก็คงทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับ
ที่ด้านหลังสวนกุหลาบจะมีที่ออกกำลังกายทั้งแบบภายในแล้วก็ภายนอก และทั้งสองแห่งนั้นต่างก็กว้างใหญ่พอ ๆ กัน และอุปกรณ์ที่ติดตั้งเอาไว้ก็ล้วนแต่เป็นแบบเดียวกันกับที่นักกีฬาทีมชาติใช้ แต่ก่อนเป็นสถานที่ที่ลั่วอินเอาไว้ใช้ออกกำลังกาย และหลายปีมานี้อุปกรณ์ก็ถูกปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด แต่ความถี่ในการใช้กลับน้อยลง ๆ ทุกที หลังจากที่โตขึ้นทุกคนต่างก็มีงานเป็นของตัวเอง งานที่ทำก็ต่างกันไป
โดยเฉพาะช่วงสามปีนี้ที่ลั่วอินกับหนานหนิงซงไม่อยู่ ที่นี่นั้นเรียกได้ว่าโดนปิดก็ยังได้ ใครจะได้ทดสอบสมรรถภาพกันเล่า
แม้แต่ตัวหนานซ่งเองยังสงสัย ว่าตอนนี้สมรรถภาพทางร่างกายของเธอนั้นอยู่ระดับไหน
แถมระดับพวกนี้ยังเป็นลั่วอินกับนายเคเป็นคนกำหนดเองอีกด้วย เอาคะแนนของทุกด่านมาวัดกับมาตรฐานที่มี
คะแนนสมรรถภาพทางร่างกายของหนานซ่งอยู่ในระดับต้น ๆ ภายในบรรดาพี่น้องเสมอ เป็นรองแค่พี่ใหญ่และพี่สองเท่านั้น และมักจะสูงกว่า8คะแนนด้วย ส่วนพี่สามนั้นค่อนข้างมั่นคง มักจะอยู่7.5คะแนน ส่วนพี่สี่และพี่เล็กนั้นเป็นไก่อ่อนอยู่ด้วยกันสองคน ทุกครั้งจะต้องวนอยู่ที่เส้นยาแดง
ควรจะเรียกพวกพี่ ๆ มาทดสอบด้วยกันสิ......
หนานซ่งแอบบ่นในใจ: ทดสอบแค่เธอคนเดียวแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?
ระหว่างที่เธอคิดแบบนี้ และในตอนที่กำลังวิ่งกลับมาถึงจุดเริ่มต้น ก็เห็นเงาคนสามคนกำลังเรียงกันอยู่ เป็นพี่สอง พี่สามและพี่เล็ก
พวกเขาสวมชุดออกกำลังกาย
"เอ๊ะ พวกพี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" หนานซ่งไปวิ่งมารอบแรก ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่อง ยังไม่ทันจะได้ออกแรงเท่าไหร่ ดังนั้นหน้าก็เลยยังไม่แดง ใจก็ยังไม่เต้นแรง
มีแค่เฮ่อเซินเท่านั้นที่มีสีหน้าปรกติ เฉวียนเยี่ยเชียนกับไป๋ลู่ยวี๋นั้นมีสีหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาขม
ไป๋ลู่ยวี๋นั้นดูอัดอั้นที่สุดแล้ว "อยู่ดี ๆ ทำไมถึงจะให้มาทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายกันนะ? นี่ไม่ได้ทดสอบกันมาตั้งกี่ปีแล้ว......ตอนนี้ผมโตแล้วนะ ทำไมถึงได้มานั่งทดสอบเหมือนเราเป็นเด็ก ๆ ไปได้? ผมเป็นพวกใช้แรงงานสมอง ไม่ได้เหมือนกับพี่สองที่ใช้สมองคิดอะไรง่าย ๆ แล้วใช้แรงกายมากกว่า......."
เขาเพิ่งจะพูดจบ ก็โดนเฉวียนเยี่ยเชียนตบกบาลเข้าให้ "ไอ้หนู แกว่าใครใช้สมองน้อยนะ?"
ไป๋ลู่ยวี๋ลูบศีรษะของตัวเองเบา ๆ แต่ก็ยังคงมีสีหน้าเหมือนกินยาขมเข้าไปอยู่ดี มือนั้นเข้าไปจับแขนของลั่วอินเอาไว้ "แม่ ไม่ทดสอบได้ไหม?"
"ไม่ได้"
ลั่วอินในตอนนี้ไม่ได้มีท่าทางเหมือนมารดาผู้ใจบุญอีกต่อไป แต่เธอดูคล้ายกับ "แม่เลี้ยงใจร้าย" มากกว่า "นี่เป็นคำสั่งมาจากพี่ใหญ่ของพวกแก ใครก็หนีไม่ได้ทั้งนั้น"
ไป๋ลู่ยวี๋เห็นว่ายังไงก็หนีไม่พ้น ดังนั้นก็เลยรีบดึงจี้อวิ๋นให้มาเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายด้วยกัน "อย่างนั้นพี่สี่ละครับ ทำไมเขาถึงยังไม่กลับมา?"
"สองวันนี้เจ้าสี่มันมีผ่าตัด"
ลั่วอินหรี่ตามองเขาเล็กน้อย "แต่ฉันบอกมันไปแล้ว หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จก็ให้รีบกลับมารับการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายเสีย เสี่ยวเฉิงจะเป็นคนพากลับมาเอง"
มุมปากของไป๋ลู่ยวี๋กระตุก
"พี่สอง" หนานซ่งหันไปมองเฉวียนเยี่ยเชียน คิ้วเรียวก็เลิกขึ้นไปด้านบน "ร่างกายพี่ยังพอไหวไหม?"
พี่ใหญ่ไม่อยู่ พี่สองก็เลยเป็นคู่แข่งของเธอ
ในอดีตเวลาที่เธอกับเฉวียนเยี่ยเชียนแข่งกันทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย หนานซ่งมักจะได้คะแนนน้อยกว่าเขาไม่0.1คะแนนก็0.2คะแนน
เธอยอมไม่ได้
แต่วันนี้......
บนใบหน้าเย็นชาของเฉวียนเยี่ยเชียนยากนักที่จะแสดงความไม่มั่นใจออกมา "ฉันไม่รู้จริง ๆ ครั้งก่อนที่ทดสอบอยู่ที่8.4คะแนน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...