ถึงวันที่สอง เพราะเรื่องงานเลี้ยงรุ่น กู้ฉางชิงไปบริษัท
เพราะเรื่องงานเลี้ยงรุ่นทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดทั้งวัน ในใจกังวลอย่างมาก
รอถึงเลิกงาน เธออืดอาดอยู่ที่บริษัทครู่หนึ่งแล้วจึงตรงไปยังสถานที่ที่นัดรวมตัวกัน
เพียงแต่เธอก็ไม่ได้เข้าไปโดยตรง แต่ไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าที่เรียบง่ายอีกชุดนึงก่อน
ถึงอย่างไรเธอก็เข้าไปในฐานะกู้ฉางชิง โดยปกติแล้วจำเป็นต้องสวมกริยามารยาทให้เหมือนแต่ก่อน
อีกทั้งสวมใส่ชุดดีเกินไป ก็กลัวว่าพวกเพื่อนๆจะถามนั่นถามนี่ ทำให้เธอหลุดปากพูด
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เธอก็เดินทางมาถึงประตูที่สามสิบสองของพระราชวังฤดูร้อน
เธอมองไปยังภัตตาคารที่ปรับปรุงใหม่ตรงหน้า บรรยากาศโดยรอบสวยงามไม่ธรรมดา ชื่อหนึ่งของศิลปวรรณคดีบนรูปแบบลักษณะประเพณีโบราณ หากไม่รู้ก็ยังคิดว่านี่คือโรงน้ำชา
เห็นแผ่นป้ายที่ประตูทางเข้าพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีทองบนพื้นหลังสีดำ——อาคารเวฬุวัน
ก้าวเท้าเข้าประตูใหญ่ ก็จะเป็นระเบียงทางเดินยาว มีสระน้ำอยู่ตรงกลาง มีดอกบัวปลูกอยู่ด้านใน มีปลาคาร์ฟสีแดงว่ายสองสามตัวว่ายไปมาในนั้น
และบริเวณรอบสระน้ำมีป่าไผ่ที่เรียงกันเป็นแถว พวกมันพลิ้วไหวตามลมเกิดเป็นเสียง'ซ่าซ่า' กลิ่นหอมสดชื่นของต้รไผ่ก็ส่งกระจายไปนากาศทุกหนทุกแห่ง ทำให้คนที่ได้สูดดมจิตใจเบิกบาน อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายลงมา
กู้ฉางชิงก็ค่อยๆปล่อยวางความไม่สงบภายในจิตใจลง ตามบริกรเดินเข้าไปยังที่นั่งพิเศษ
เห็นในที่นั่งพิเศษมีคนนั่งอยู่ไม่น้อยแล้ว
ผู้ชายสวมเสื้อสูทหนัง ผู้หญิงสวมเสื้อผ้าสีสดใส
ยกเว้นส่วนน้อยที่แต่งตัวไม่เป็นทางการ คนอื่นๆล้วนคล้ายกับว่าตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ
พวกเขาเห็นกู้ฉางชิงเข้ามา ก็หยุดประเด็นที่พูดคุยกันลงทันที แต่ละคนทักทายกันอย่างกระตือรือร้น
"ดาวโรงเรียนกู้มาแล้ว ดูเหมือนว่ายังมีหน้าหัวหน้าห้องเหมือนเดิม!"
"นั่นนะสิ ตั้งแต่หลังเรียนจบ ดาวโรงเรียนกู้ของพวกเราน้อยมากที่จะได้ออกมารวมตัวกัน"
"เฮ้ย คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะ ดาวโรงเรียนกู้ของพวกเราล้วนคือความหวังของอาจารย์มาโดยตลอด มีเวลาออกมาเที่ยวที่ไหนกัน เกรงว่าเท้าหน้าออกมาแล้ว เท้าหลังก็จะถูกอาจารย์กลับไปสอน"
"ใช่ คุณไม่พูดฉันก็เกือบลืมแล้ว ม.5ปีนั้น พวกเรายากที่จะสถาบันจะมีทัศนาจรฤดูใบไม้ผลิสักครั้งนึง ผลสุดท้ายเตรียมจะออกเดินทาง ผู้สอนประจำชั้นก็เรียกดาวโรงเรียนกู้ของพวกเรากลับไป เวลานั้นฉันยังจำได้ถึงสีหน้าที่หดหู่ของดาวโรงเรียนกู้"
เพื่อนร่วมชั้นในอดีตและกู้ฉางชิงร่วมสนทนาหยอกล้อกันอย่างเซ็งแซ่ พูดคุยเรื่องราวที่ผ่านไปในอดีต
กลุ่มคนรวมตัวพูดคุยกันเป็นกลุ่มในชั่วพริบตาเดียว บรรยากาศก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นผสมกลมกลืน
เดิมทีกู้ฉางชิงก็ยังตึงเครียดเล็กน้อย ตามสถานการณ์ประเด็นสนทนาที่ยิ่งมากขึ้น หวนรำลึกไปถึงวัยรุ่นที่ผ่านมา ก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายอย่างมาก
เธอนั่งบนเก้าอี้ ฉีกยิ้มมุมปากมองเหล่าเพื่อนพ้องที่พูดยิ้มหัวเราะอยู่ตรงหน้า
ในเวลานี้ มีน้องสาวหน้าตาหวานคนนึงเข้ามา
"ฉางชิง ในที่สุดก็ได้พบคุณ บอกอย่างตรงไปตรงมา ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ติดต่อคุณไม่ได้เลย"
กู้ฉางชิงเอียงหน้า ก็จำคนที่อยู่ตรงหน้าได้ คืออันเฉียวเพื่อนที่นั่งโต๊ะติดกันกับเธอเมื่อก่อน
เมื่อก่อนเธอติดต่อกันดีมากมาโดยตลอด เพียงแต่เพราะภายหลังสอบเข้าแยกย้ายมหาวิทยาลัยที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็ยังมีติดต่อวีแชทเหล่านี้บ้างเล็กน้อย
แต่นับตั้งแต่หลังจากที่เธอเข้าตระกูลเฟิงแล้ว การติดต่อเหล่านี้ก็ขาดหายไป
ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่เธอ ยังมีการติดต่อของคนอีกไม่น้อยที่ขาดหายไป
เธอคิดถึงตรงนี้แล้ว ก็หลบสายตายิ้มอย่างเจื่อนๆเล็กน้อย
ไม่นานเธอก็เก็บความผิดปกติภายในใจอย่างรวดเร็ว ส่งความมีชีวิตชีวาพูดคุยเรื่องในอดีตกับอันเฉียว
"ไม่เป็นอะไน คือแม่ฉันป่วย ต้องการคนดูแลและช่วยฟื้นฟู"
เธอปิดบังจุดสำคัญเล็กน้อย พูดสั้นๆเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุด
อันเฉียวเข้าใจ กล่าวอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่า: "อย่างนั้นคุณน้าไม่เป็นไรใช่ไหม?"
"ไม่เป็นไร กำลังรักษาอยู่"
กู้ฉางชิงไม่คิดที่จะพูดให้มาก ติบกลับแบบไม่เยิ่นเย้อ
อันเฉียวก็ไม่คิดมาก หันเข้าให้เธอแล้วกล่าวอย่างลับๆว่า: "ฉางชิง คุณเดาสิว่าครั้งยี้ฉันกลับมาทำอะไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา