เมื่อกู้ฉางฉิงมองดูคุณนายเฟิงที่เข้ามาพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล ในใจก็เดาออกถึงสาเหตุการมาของเธอในครั้งนี้
แน่นอนว่าเมื่อคุณนายเฟิงเห็นเธอเข้าสีหน้าก็ยิ่งแสดงออกถึงความโกรธมากยิ่งขึ้น
"กู้ฉางซิน!"
เธอกัดฟันเรียก ประกายความโกรธในแววตาของเธอบ่งบอกว่าอยากจะฉีกทึ้งกู้ฉางฉิงซะเหลือเกิน
"คุณแม่"
เมื่อกู้ฉางฉิงมองเห็นท่าทีที่โกรธเกรี้ยวของเธอ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด
"อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ตระกูลเฟิงของเราได้ทำบาปกรรมอะไรไว้หนักหนา ถึงได้สู่ขอของขาดทุนอย่างเธอเข้ามา!"
คุณนายเฟิงชี้หน้าตำหนิเธออย่างเจ็บแสบ "มีดาวอับโชคอย่างเธออยู่ ธุรกิจร้อยปีของบ้านตระกูลเฟิงก็ยังไม่พอให้เธอผลาญทำลาย"
เมื่อพูดจบ ก็นึกถึงข่าวที่กำลังแพร่กระจายอยู่ภายนอก จึงได้ตำหนิขึ้นมาอีกว่า "ไหนจะพ่อที่ละโมบโลภมากของเธออีก ช่างเป็นผีดูดเลือดกันทั้งตระกูลจริง ๆ"
กู้ฉางฉิงฟังคำตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยวของเธอด้วยสีหน้าซีดเซียวโดยไม่มีคำแก้ตัวใดใด
เพราะมันเป็นความผิดของบ้านสกุลกู้จริง ๆ อีกทั้งเธอยังมารับบทเป็นกู้ฉางซิน ไม่ว่าคุณนายเฟิงจะพูดจาได้ไม่น่าฟังเพียงไรเธอก็จำต้องอดทน
เธอเม้มปากยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้คุณนายเฟิงตำหนิ
กลับเป็นคุณนายเฟิงเสียเองที่เมื่อไม่เห็นว่ากู้ฉางฉิงจะมีปฏิกิริยาต่อต้านใดใดทั้งที่เธอก็พูดมาเสียตั้งนาน รู้สึกเหมือนกำลังปล่อยหมัดลงบนปุยฝ้ายก็ไม่ปาน ทำให้เธอยิ่งอารมณ์เสียยิ่งนัก
"ทำไม เป็นใบ้หรือไง ปกติพูดว่าเธอคำหนึ่งเถียงกลับเป็นสิบไม่ใช่หรืออย่างไร?"
เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์
กู้ฉางฉิงได้แต่เม้มปาก
"เรื่องราวครั้งนี้ถือเป็นความผิดของบ้านสกุลกู้ ที่คุณแม่สั่งสอนก็สมควรแล้วค่ะ"
เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่กลับไม่รู้เลยว่าท่าทีเช่นนี้ยิ่งทำให้คุณนายเฟิงรู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังขึ้นไปอีก
เดิมทีเธออยากจะใช้เหตุการณ์นี้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้หญิงคนนี้ ให้ผู้หญิงคนนี้มามีปัญหากับเธอ เพื่อที่เธอจะสามารถมีข้ออ้างหาเรื่องทะเลาะได้
ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ราวกับกินยาผิด ไม่เพียงแต่ไม่โต้เถียงกับเธอแล้วยังมายอมรับความผิดง่าย ๆ ทำให้สิ่งที่เธอคำนวณไว้ผิดพลาดไปเสียหมด
"หึ อย่าคิดว่าการที่เธอยอมรับผิดแล้วเรื่องนี้มันจะจบ ฉันจะบอกให้รู้ไว้ ถ้าคราวนี้เฟิงซื่อกรุ๊ปต้องเสียหายมากเพราะบ้านสกุลกู้ของเธอล่ะก็ ฉันจะไม่มีวันยอมทนให้เธอเสนอหน้าอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงอีกแน่"
เธอทิ้งคำข่มขู่อย่างโกรธเกรี้ยวไว้ แล้วหมุนตัวจากไป
กู้ฉางฉิงคิ้วขมวดแน่นมองตามหลังเธอที่กำลังจากไป จากนั้นเธอก็ไปที่บริษัทด้วยความกังวล
เดิมทีเธอตั้งใจจะไปหาหลี่ม่านโดยตรงเพื่อจะถามว่าเบื้องบนตัดสินใจจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
แต่ก่อนที่เธอจะเคาะประตู ก็ได้ยินเข้ากับเสียงสนทนาด้านใน
"ผู้จัดการใหญ่ ข้างบนยังไม่สั่งการอะไรลงมาอีก หรือพวกเราทำหนังสือขอโทษออกมาก่อน เอาใจแฟนคลับของสิงหย่าอันไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นภาพลักษณ์ของบริษัทก็จะถูกพวกเขาทำลายลงแน่"
"รออีกสักหน่อยเถอะ ถ้าหากเราทำอะไรโดยพลการแล้วเกิดสวนทางกับมติข้างบนจะทำอย่างไร?"
หลี่ม่านห้ามลูกน้องไว้อย่างใจเย็น
ผู้บริหารระดับสูงหลายท่านไม่ได้ออกมาพูดอะไร แต่ก็มีการคุยถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง
"เห้อ ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกก็น่าจะสนับสนุนหัวหน้าลู่ปฏิเสธเรื่องผู้จัดหาวัตถุดิบรายใหม่นี้ ช่างไม่มีการรับประกันอะไรเอาเสียเลย"
"ก็นั่นน่ะสิ ฉันได้ยินมาว่าที่โรงงานแห่งนี้ได้รับการอนุมัติจากท่านประธานของเราเป็นเพราะว่ามีเส้นสายวงใน"
"จะไม่ใช่ได้อย่างไร ฉันยังได้ยินมาว่าตอนที่มีการไปตรวจสอบสินค้าครั้งแรกนั้นยังพบว่ามีผ้าที่มีปัญหาอยู่ไม่น้อย"
หลี่ม่านฟังพวกเขาบ่นกันไปมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
"พอได้แล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือวิกฤติของบริษัทในครั้งนี้"
เธอย้ำถึงประเด็นอย่างดุดัน โดยไม่รู้ว่ากู้ฉางฉิงยืนอยู่ที่ด้านนอก
จากท่าทีเคร่งขรึมของพวกเขา ทำให้เธอรู้ดีว่าเรื่องราวคงร้ายแรงกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้แน่
เธอหันหลังออกจากที่ทำงานและคิดว่าตัวเองจะไม่ทำอะไรเลยเห็นทีจะไม่ได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะเธอเป็นต้นเหตุ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา