กู้หงเซินคิดจะทำการใหญ่แบบนี้ แผนที่วางไว้คงไม่ใช่เล็กๆแล้ว
กู้ฉางชิงย่นคิ้วถาม “คุณต้องการหุ้นส่วนเท่าไหร่?”
พอเขาถาม กู้หงเซินก็วางตะเกียบลง “สามสิบเปอร์เซ็นต์”
“สามสิบเปอร์เซ็นต์?”
กู้ฉางชิงพูดซ้ำประโยคอย่างไม่อยากจะเชื่อ ส่วนแบ่งเยอะขนาดนี้ เฟิงจิงเหยาจะเห็นด้วยได้อย่างไร
ไม่พูดถึงเฟิงจิงเหยา พูดถึงตัวเขาเองลำบากลำบนสร้างงานขึ้นมา
จู่ๆก็มีคนนอกเข้ามา บอกว่าต้องการเค้กชิ้นใหญ่ เขานั้นคงไม่ให้อย่างแน่นอน
กู้หงเซิน เขาคิดมาได้ยังไง
กู้หงเซินไม่ได้ใสใจคำพูดของเขา กลับถามต่อ “ได้ยินมาว่าเธอออกแบบเป็น? เฟิงจิงเหยายังให้เธอเข้าทำงานที่บริษัทอีก รับตำแหน่งเป็นดีไซเนอร์?”
ในสายตานั้นมีความไม่สบายใจอยู่ อาจจะเป็นเพราะว่ากู้ฉางชิงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขา
“แล้วยังไงต่อล่ะ?”
กู้ฉางชิงถามเสียงเบา เขาไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับกู้หงเซินตรงไหน
เรื่องนี้เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างมากก็กลายเป็นเรื่องของเมื่อวาน
แต่ว่านะเรื่องความลับส่วนตัวแบบนี้ กู้หงเซินกลับรู้
นี่มันไม่ง่ายเลย หรือว่าเขายังส่งคนไปสอดแนมที่ตระกูลเฟิงอยู่?
ดูแล้วเขาก็คงไม่ไว้ใจตนเองเท่าไหร่นี่
คิดถึงตรงนี้ กู้ฉางชิงย่นคิ้วอย่างอดไม่ได้
ความรู้สึกที่โดนเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนี่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะตอนที่เธอไม่รู้ว่าคนๆนั้นอยู่ที่ไหน
กู้หงเซินไม่ได้สนใจท่าทีแปลกไปของเขาเลยแม้แต่นิด พูดต่อว่า “ในเมื่อเธอออกแบบเป็น งั้นก็สามารถใช้พรสวรรค์ของเธอไปช่วงชิงมา ฉันเชื่อว่าเฟิงจิงเหยาต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็แค่เป็นการแบ่งหุ้นส่วนก็เท่านั้นเอง”
เขาพูดอย่างสบายๆ กู้ฉางชิงเหลือบตาขึ้นมอง ก็เห็นว่าเขาไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
แต่ว่าสายตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นกลับปิดความบ้าคลั่งไม่มิด
เฟิงจิงเหยาเป็นอัจฉริยะของตระกูลเฟิง ธุรกิจยักษ์ใหญ่ชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง
ในเมื่อเขาต้องการสร้างบริษัท นั่นคงเป็นการลงทุนโดยไม่เสียกำไรอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นงานออกแบบมีความชัดเจน ต้นทุนต่ำ รายได้สูง
ได้พึ่งพิงเฟิงซื่อกรุ๊ปอีก ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นธุรกิจซื้อขายที่คุ้มเกินคุ้ม
ในใจกู้ฉางชิงยิ้มเยาะ อายุเยอะขนาดนี้แล้วความคิดยังแปลกใหม่ได้ขนาดนี้อีก?
เขาคิดว่าแบบนี้จะสามารถหลอกคนโดยวิธีต้มตุ๋นและไม่ลงทุนใดๆได้?
เห็นว่ากู้หงเซินไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เธอก็ไม่อยากจะเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่นี่ต่อกับเขา ก็เลยหยิบกระเป๋าเตรียมตัวจะออกจากที่นี่
พอมือวางบนที่จับประตูเท่านั้นล่ะ กู้หงเซินก็เรียกไว้ กู้ฉางชิงหันกลับมามองไปยังเขา “คุณยังมีเรื่องอะไรอีก?”
“ไม่มีอะไร ในเมื่อมาแล้ว อย่างน้อยก็ทานข้าวมื้อนี้ก่อน ค่อยกลับสิ”
“ตอนที่ฉางซินอยู่ เขาอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนฉันบ่อยๆ”
กู้หงเซินพูดแล้วมองไปทางกู้ฉางชิง ดวงตาแคบยาวคู่นั้นไม่มีความรู้สึกใดๆ
กู้ฉางชิงหัวเราะเยาะ “ฉันไม่ใช่กู้ฉางซิน ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อเล่นละครความสัมพันธ์พ่อลูกอะไรนี่กับคุณ อีกอย่างที่นี่ไม่มีคนนอก คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเห็นอะไรเข้า”
ทานข้าวกับกู้หงเซิน เธอก็ยังแอบกลัวว่าเขาจะวางยาพิษตนเอง
กู้ฉางชิงพูดจบก็ดึงประตูออกจากห้องที่นั่งพิเศษ ถ้าอยู่ที่นี่นานกว่านี้เขาคงอึดอัดหายใจไม่ออกกันพอดี
กู้หงเซิน กู้หงเซินใช้ประโยชน์จากเขา ให้ช่วยกู้ฉางซินรักษาตำแหน่งของเขาในตระกูลเฟิงนั้นไม่ว่า กลับยังต้องการให้เขาช่วยเรียกร้องเงินหุ้นส่วนจากบริษัทของเฟิงจิงเหยา
เรื่องนี้จะให้เขาพูดได้อย่างไร อย่างนี้คนอื่นจะมองว่าเขาเป็นคนยังไง?
มาหวังอะไรจากพ่อที่เลือดเย็นแบบนี้ไม่ได้จริงๆสินะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา