ออกมาจากที่กู้ฉางชิงแล้ว คุณนายเฟิงกับลู่ซือหยี่ก็กลับไปที่พัก
ลู่ซือหยี่เหมือนกับว่าโดนเรื่องที่กู้ฉางชิงคือLongนั้น กระทบกระเทือนจิตใจอยู่ไม่น้อย
หลังจากที่กลับมาจากบ้านใหม่ ลู่ซือหยี่ก็นั่งอยู่แต่ที่โซฟา ไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น
คนรับใช้ภายในคฤหาสน์ต่างกลัวจนกลั้นหายใจ เกรงว่าจะไปกวนใจคนที่คุณนายเฟิงรักและทะนุถนอม
บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเงียบสงัด
คุณนายเฟิงเห็นสถานการณ์แล้วถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง เดินไปตบเบาๆที่หลังมือของลู่ซือหยี่อย่างอดไม่ได้ พยายามที่จะปลอบใจเขา
“เรื่องนี้ ฉันว่าคงห้ามจิงเหยาไม่ได้ กู้ฉางซินอยากจะไปทำงานที่บริษัท ก็ให้เขาไปเถอะ”
พูดถึงเรื่องนี้ คุณนายเฟิงก็ไม่ไว้ใจมาก
แต่นิสัยของเฟิงจิงเหยานั้นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยผิดคำพูด เขาทำได้แค่ถอยมาคอยดูอยู่ห่างๆ
“หนูก็อย่าท้อใจไปเลยนะ หนูเก่งขนาดนั้น จากที่ฉันดู เก่งไม่แพ้Longอะไรนั่นหรอก ไม่งั้นก็รอสร้างบริษัทเสร็จ หนูก็เข้าไปทำงานข้างในด้วยซะสิ”
“ถ้าได้ทำงานด้วยกัน โอกาสได้อยู่ด้วยกันก็คงจะมากขึ้น”
คุณนายเฟิงปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คำพูดพวกนี้เหมือนกับว่ากำลังกึกก้องอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
ตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา แต่ว่าก้นบึ้งของหัวใจก็ยังรู้สึกว่ายังไม่พออยู่ดี
กู้ฉางซินคนนี้ ปิดบังความสามารถของตัวเองไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขาสามารถออกแบบผลงานที่ทำให้ผู้คนทึ่งได้ขนาดนั้นเลย?
นี่ทำให้ในใจเขารู้สึกไม่ยอมแพ้ ที่สำคัญคือเขายังรู้จักประจบประแจงฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย
ตอนแรกตอนที่ตรวจสอบ ทำไมถึงตรวจหาไม่เจอกันนะ?
ความคิดนี้อย่างกับเลี้ยงลูกแมวเป็นร้อยๆตัว ทำเอาใจของเขานั้นกระสับกระส่ายเลยทีเดียว
......
คุณนายเฟิงกับลู่ซือหยี่มาอย่างเอิกเกริก ไปอย่างหุนหันพลันแล่น
อย่างกับลมระลอกหนึ่ง พัดคลื่นมาสักพักก็หายไปไม่เห็นอีกเลย
แต่ว่านะกู้ฉางชิงก็นับว่าเป็นคนที่นิสัยทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ใส่ใจมากอะไรขนาดนั้น
ก็แค่สุดท้ายแล้วส่งผลกระทบต่อความอยากอาหาร ก็เลยคิดว่าหยิบหนังสือสักเล่มจากชั้นหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา
เฟิงจิงเหยามองดูสีหน้าของเขาที่ตั้งใจและไม่ยินดียินร้ายอะไร ในใจจู่ๆก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“กู้ฉางซิน!”
“หืม?”กู้ฉางชิงดึงมือออกมา หยุดไว้ตรงนั้น หันข้างไปมองเขา ก็เห็นว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น มองตรงมาที่ตัวเอง
สายตาซับซ้อน คิ้วกระตุกอย่างช่วยไม่ได้
เฟิงจิงเหยาเม้มปาก “คุณอย่าไปใส่ใจเลยนะ เรื่องเมื่อสักครู่ ผมไม่ควรสงสัยคุณเลย”
กู้ฉางชิงมองเขาอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเปิดเผยแบบนี้
เดิมทีนึกว่าคนที่ไม่ค่อยเกรงใจอย่างเขาพอเกิดเรื่อง คิดแต่ว่าเป็นความผิดของคนอื่นซะอีก
แต่ว่านะเรื่องนี้ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ก็คงโดนสงสัยกันหมด
ยังไงซะประวัติต้องโทษของกู้ฉางซินเมื่อก่อนนั้นมีเยอะเหลือเกิน
อีกอย่างคนที่ออกแบบเป็นคือเขา ไม่ใช่กู้ฉางซิน
“ไม่เป็นไรเลย”
กู้ฉางชิงยิ้มให้เขา โบกปัดอย่างไม่ได้ใส่ใจ
ทำให้เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่สบายใจ
เขามองกู้ฉางชิงอย่างจริงจังสักพัก รู้สึกว่าเขาเหมือนจะไม่เป็นไรอะไรจริงๆ ก็เลยวางใจ
“เรื่องไปทำงานที่บริษัท คุณลองคิดดูอีกที”
“ได้ค่ะ”เดิมทีกู้ฉางชิงก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น ไม่ได้จะปฎิเสธ
ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องหางานทำ อีกอย่างถ้าไปตระกูลเฟิงนั้นคงดูมีอนาคตมากๆ
เฟิงจิงเหยาหยุดลง“'งั้นผมไปบริษัทก่อน”
กู้ฉางชิงนิ่งไป นี่เขาพูดทักทายกับฉัน?
กู้ฉางชิงพยักหน้าให้เขา หลังจากที่รถของเฟิงจิงเหยาพ้นสายตาไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
แต่ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้เพิ่งจะผ่านไป เขารู้สึกได้ถึงท่าทีที่คนรับใช้พวกนั้นปฎิบัติต่อเขา มีบางอย่างแปลกไป
กู้ฉางชิงผ่านประสบการณ์มานาน ก็เลยเตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้า
เมื่อเขามาถึงที่นั่งพิเศษ กู้หงเซินก็อยู่ที่นั่นแล้ว
เขาสั่งอาหารไว้ไม่น้อย เต็มโต๊ะอาหาร สีอาหารแต่ละอย่างดูแล้วมีครบทุกสี
นี่คืองานเลี้ยงต้อนรับที่วางแผนสังหารแขกหรือไง?
กู้ฉางชิงขมวดคิ้ว มองไปยังที่นั่งเจ้าของงานอย่างกู้หงเซิน“นายเรียกฉันมาทำไม?”
เขารีบเข้าเรื่อง กู้หงเซินไม่หวั่นเกรง ตอบตามตรง“ได้ยินมาว่าช่วงนี้เฟิงจิงเหยากำลังสร้างบริษัท?”
“ถูกต้อง เป็นอย่างนั้นจริงๆ มีปัญหาอะไรไหม?”
กู้ฉางชิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามเรื่องเฟิงจิงเหยาอย่างกะทันหัน ในใจมีความสงสัยอยู่นิดหน่อย
ที่ผ่านมาเขาเรียกเธอออกมา ก็เพียงแค่อยากให้ยอมรับสภาพความเป็นจริง ไม่ให้แย่งสิ่งที่เป็นของกู้ฉางซิน
หรือไม่ก็ห้ามเผยความลับอะไรออกมา ครั้งนี้กลับถามถึงเรื่องของเฟิงจิงเหยา
แต่ว่าความประทับใจของกู้หงเซินที่มีต่อเขาคือเรื่องไหนที่มีผลประโยชน์เขาถึงจะลงมือทำ
ไม่ว่าเขาถามอะไร ล้วนมีจุดประสงค์ทั้งสิ้น
โดยเฉพาะเขาในตอนนี้ เขาไม่โมโหตัวเอง แถมอารมณ์ก็ไม่รุนแรงแล้วด้วย
กู้ฉางชิงใจเต้นรัวตึกตักตึกตัก มือด้านข้างกำหมัดอัตโนมัติ
ไม่รู้ก็แต่ครั้งนี้กู้หงเซินต้องการอะไร กู้ฉางชิงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าถ้าตนเองไม่ระวังอาจจะเป็นลมได้
กู้หงเซินส่งเสียงกระแอม แล้วเลือกทานอาหารอย่างสบายอกสบายใจ“ฉันอยากถือหุ้นบริษัทนี้”
อะไรนะ? น้ำเสียงเขาดังมาก
เฟิงจิงเหยาเพิ่งจะต้องการสร้างบริษัท เขาก็ได้ข่าวเลย แล้วยังต้องการส่วนแบ่งอีก
อีกทั้งถ้าอิงตามความเข้าใจของกู้ฉางชิงที่มีต่อเขา ไม่ได้เข้าไปง่ายๆอย่างแน่นอน
เหอะ เขานี่ดูถูกตัวเองจริงๆ หรือไม่ก็เอาพ่อตาไปเปรียบเป็นจานจริงๆ
มองสายตาของกู้ฉางชิงที่กำลังตกใจ เขาเสริมอีกประโยค“เธออย่าลืมพูดกับเฟิงจิงเหยาด้วยล่ะ ของดีขนาดนี้จะปล่อยให้คนอื่นได้อย่างไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา