กู้ฉางฉิงได้ยินน้ำเสียงฟู่หยุนชวนที่ไม่ได้ตำหนิหรือโทษเธอ รู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจไม่น้อย
และในเวลานี้ เสียงเจือความโมโหของผู้จัดการวังก็ดังมาจากด้านหลังทั้งสองคน
"พวกทั้งสองคนไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น ยัยผู้หญิงทุเรศ กล้าดียังไงมาทำร้ายฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ เธอติดคุกหัวโตแน่!"
เขาโก้งโค้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโทสะ
"ไม่งั้นเธอก็ต้องตายซะนังชั่ว ไม่อย่างงั้นอย่าเรียกฉันว่าผู้จัดการวัง"
เขาด่าออกไปด้วยความโทสะ ทั้งยังพูดถึงเรื่องการทำสัญญาของทั้งสามบริษัท
"ประธานฟู่ อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้าคุณ ถ้าคุณต้องการที่จะให้สัญญาครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ก็ไม่ต้องยื่นมือเขามายุ่งเรื่องนี้"
เพื่อที่จะหยุดฟู่หยุนชวนไม่ให้มาช่วยกู้ฉางฉิง หยิบสัญญายกมาขู่
ฟู่หยุนชวนมีสีหน้าอึมครึม
สีหน้ากู้ฉางฉิงไม่ค่อยดีนัก
เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายที่จะจัดการ กลัวว่าจะกระทบต่อสัญญาของฝั่งฟู่ซื่อกรุ๊ป
ถ้าเป็นอย่างงั้น จะยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
ถึงอย่างไรฟู่หยุนชวนก็แนะนำการทำสัญญาให้เธออย่างเจตนาดี ถึงแม้ว่าจะไม่เพราะเหตุผลของเธอ แต่เรื่องนี้ก็มาจากเธอ ทำให้เธอรู้สึกเป็นหนี้เขาซะแล้ว
และถ้าเรื่องนี้ต้องวุ่นวายถึงกับต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ตอนนั้นก็น่าจะยุ่งยากมาก
ยังไม่ต้องพูดถึงตระกูลเฟิง ถ้าถึงเวลานั้นทางบริษัทเกรงว่าจะต้องถูกซุบซิบนินทาไม่น้อย
ในขณะที่ฟู่หยุนชวนกำลังจะพูดอะไรออกไป กู้ฉางฉิงก็ชิงพูดออกมาก่อน
"ได้ ในเมื่อประธานฟู่บอกว่าสัญญาครั้งนี้เป็นโมฆะ ถ้างั้นตอนนี้ฉันไม่ต้องกังวลอะไรแล้วล่ะ ฉันจะได้คิดบัญชีคุณสักที"
ผู้จัดการวังไม่คิดว่ากู้ฉางฉิงจะกล้าทำอะไรเขา หัวเราะเยาะ "คิดบัญชีฉัน คิดบัญชีอะไรล่ะ?"
กู้ฉางฉิงยกยิ้มเย็น ความรู้สึกนี้เหมือนกำลังถูกกลั่นแกล้ง
ฟู่หยุนชวนไม่รู้ว่าจะขำหรือด่าเจ้าประธานวังจอมโง่นี้ดี
"ผู้จัดการวัง เห็นแก่เพื่อนร่วมธุรกิจที่ผ่านมาของเรา ฉันจะเตือนคุณด้วยความหวังดี เรื่องครั้งนี้คุณทำไม่ถูก ถ้าคุณหยุดตั้งแต่ตอนนี้ เรื่องมันยังพอแก้ไขได้ แต่ถ้าคุณอยากจะเปิดศึก อย่าโทษว่าฉันไม่เตือนคุณนะ"
เขาข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็น นั่นทำให้ผู้จัดการวังลังเลใจ
มีสีหน้าลังเลได้ไม่นานพอมองสีหน้าเย็นชาของกู้ฉางฉิงก็รีบขจัดทิ้งไป
ถ้าผู้หญิงคนนี้มีคนหนุนหลังอยู่ ก็ไม่น่าจะออกมาสังสรรค์กับพวกเขาได้
ผู้หญิงแบบนี้ เธอต้องได้รับการสั่งสอน จนกว่าเธอยอมคุกเข่าขอร้องเขา
"ขอบคุณความหวังดีของประธานฟู่ แต่เรื่องนี้มันรวมถึงความปลอดภัยของตัวฉันด้วย ยังไงฉันก็ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด"
เขาวางแผนชั่วในใจ ไม่ได้แสดงออกไปทางสีหน้า พูดตอบฟู่หยุนชวน "หรือว่าประธานฟู่อยากเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว? ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนประธานฟู่ ถ้าคุณยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ตั้งแต่วันนี้บริษัทเราสองคนจะยุติสัญญาที่ทำร่วมกันทั้งหมดทันที"
ฟู่หยุนชวนมองฉายตายโสโอหังของเขา สีหน้าเปลี่ยนไปเคร่งขรึม
เขากวาดสายตาไปมองกู้ฉางฉิงที่หยิบโทรศัพท์ออกมา ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ "ผู้จัดการวังคิดเยอะเกินไปแล้ว เรื่องเจ้าชายขี่ม้าขาวไม่ต้องถึงมือฉันหรอก หวังเพียงแต่ว่าประธานวังจะไม่เสียใจภายหลังก็พอ"
ผู้จัดการวังได้ยินแบบนั้น ไม่รู้ทำไมจู่ๆถึงได้รู้สึกกระวนกระวายมาซะอย่างงั้น อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังกู้ฉางฉิง
เมื่อเห็นกู้ฉางฉิงหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาใครก็ไม่รู้
จริงๆแล้วคนที่กู้ฉางฉิงจะโทรหาได้มีเพียงแค่เฟิงจิ่งเหยา
"พอดีฉันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ อาจจะต้องการให้คุณช่วยจัดการหน่อย คุณมาหาฉันหน่อยสิ"
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินแบบนั้น ขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ตอบตกลงไป
"เธออยู่ไหนล่ะ? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย"
กู้ฉางฉิงบอกที่อยู่เสร็จก็ตัดสายไป
เธอก้มเก็บโทรศัพท์แล้วช้อนตาขึ้น "ผู้จัดการวัง ในเมื่อคุณอยากซักถามเรื่องราว ฝั่งฉันก็จัดการให้คุณเรียบร้อย คุณดูว่าด้านคุณจะให้ใครออกล่ะกัน พวกเราจะอธิบายเรื่องนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น"
ผู้จัดการวังถูกความนิ่งของเธอทำเอานิ่งอึ้งไป ทันใดนั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกยั่วยุอยู่
ในขณะที่เขาคิดจะพูดออกไปอย่างโหดเหี้ยม โทรศัพท์สายในบนโต๊ะก็ดังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา