มู่เฉาเกอได้ยิน ก็โกรธจนพูดอะไรไม่ออก
แผนการล้มเหลวยังจะมาโทษเธออีก?
ไม่รอให้เธอได้พูดประชดประชันกลับไป เย่าซือก็พูดอีกว่า : "แม้ว่าแผนการในครั้งนี้จะล้มเหลว แต่ก็ไม่เป็นไร โอกาสที่ลงมือยังมี……”
มู่เฉาเกอขมวดคิ้ว กลืนคำที่คิดจะตำหนิเมื่อกี้ ถามว่า : "โอกาสอะไร?"
เย่าซือหัวเราะ : "โอกาส? ก็อยู่ที่ว่าคุณมู่เต็มใจอยากจะร่วมมือกับฉันอีกครั้งไหม?"
มู่เฉาเกอคิดว่าเดิมทีเขายังมีแผนการอะไรดีๆ คาดไม่ถึงว่าจะพูดเช่นนี้ ก็ปฏิเสธอย่างอารมณ์เสีย : "ไม่อยาก!"
ครั้งแรกไม่สำเร็จ เธอก็เสี่ยงมากแล้ว จะร่วมมือกันอีกครั้ง ถ้าถูกเฟิงจิ่งเหยาตรวจสอบเจอ ชั่วชีวิตนี้เธอก็อย่าคิดจะได้แต่งงานกับเขาอีกเลย
เย่าซือได้ฟังคำพูดปฏิเสธนี้ ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย
เขาเลิกคิ้ว ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย : "คุณมู่แน่ใจหรอว่าต้องการปฏิเสธฉัน?"
มู่เฉาเกอกัดฟัน กำลังจะตอบกลับ ก็ถูกคำพูดของเขาทำให้ทั้งตกใจที่งโกรธ
"คุณว่า ถ้าให้เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องครั้งนี้ เขาจะคิดว่ายังไง?"
มู่เฉาเกอได้ยินทก็บีบโทรศัพท์แน่น จนปลายนิ้วเป็นสีขาวซีด สีหน้าย่ำแย่ขั้นสุด ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
……
และในเวลาเดียวนี้ ในห้องผู้ป่วย
คุณนายเฟิงและเฟิงซู่อยู่กับเฟิงจิ่งเหยาสักพัก ก็ออกไป
พร้อมกับพวกเขาออกไป เฟิงจิ่งเหยาก็เรียกชวี่ยี่กับมั่วหลีเข้ามา
"มั่วหลี คุณติดต่อทางด้านมั่วจุย ให้พวกเขาร่วมมือในการตรวจสอบกับทางด้านชวี่ยี่นี้ สืบหาตัวตนที่แท้จริงของคนเหล่านั้นเมื่อคืนนี้
มั่วหลีไม่อยากออกไป แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งของเฟิงจิ่งเหยา ได้แต่ตามชวี่ยี่ไป
คืนวันนั้น เมื่อกู้ฉางฉิงออกไปซื้อข้าว ชวี่ยี่ก็มีเบาะแสมารายงานเฟิงจิ่งเหยา
"ท่านประธาน ตรวจสอบเจอข่าวคราวบ้างแล้ว"
"พูด"
"เป็นเย่าซือลูกชายคนที่สองของJKกรุ๊ปที่จับคุณนายรองไปเมื่อคืนนี้"
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย : "JK?”
ชวี่ยี่พยักหน้าตอบกลับว่า : "ครับ เปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็นพวกผิดกฏหมาย เบื้องหลังซับซ้อนอย่างมาก โดยเฉพาะลูกชายคนที่สองคนนี้ ได้ยินมาว่าตัวตนโหดเหี้ยมอำมหิต ทายาทของบริษัทในตอนแรกน่าจะเป็นพี่ชายต่างมารดาของเขา แต่ก่อนหน้าที่พี่ชายจะเข้ารับตำแหน่งวันเดียว ก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตา ไม่พูดอะไร
ชวี่ยี่เห็นเช่นนั้นจึงพูดต่อว่า : "ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่มีหลักฐานทิ้งไว้ แต่เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด หลังจากพี่ชายของเขาเสียไป เขาก็มีอำนาจมากมายในบริษัท"
เขาพูดถึงตรงนี้ ก็หยุดชั่วขณะ เห็นสีหน้าของเฟิงจิ่งเหยา พบว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม แล้วพูดต่อว่า : "ตามที่เราตรวจสอบจนทราบ ครั้งนี้ที่พวกเขาเคลื่อนไหวเช่นนี้ ก็เพื่อแย่งชิงแฟลชไดร์ฟนั่น เพราะมันเกี่ยวข้องกับตำแหน่งของเขาในบริษัท"
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำนี้ ก็พูดเบาๆว่า
"ไปตรวจสอบบริษัทนี้ มีอุตสาหกรรมอะไรในประเทศ?"
เขาพูดจบ หรี่ตามองอย่างอันตราย : "มายั่วใครไม่ยั่ว ยังกล้าคิดเพ้อเจ้อนั่งตำแหน่งที่มั่นคง ก็ต้องมีความสามารถนั้นด้วย"
ชวี่ยี่ได้ฟังคำพูดที่เคร่งขรึมนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น
เขารู้ว่าครั้งนี้ท่านประธานของตนถูกยั่วโมโหจนถึงขีดสุด เลยไม่กล้าเสียเวลาจึงรับคำสั่ง : "ครับ ฉันจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้"
พูดจบ เขาก็กลับออกไป บังเอิญเจอเข้ากับกู้ฉางฉิงที่ไปซื้ออาหารเย็นกลับมา
"คุณนายรอง"
เขาเรียกด้วยความเคารพ หลังจากกู้ฉางฉิงพยักหน้าตอบรับ จึงออกไป
กู้ฉางฉิงกลับมาห้องผู้ป่วย เห็นใบหน้าของเฟิงจิ่งเหยาที่เหนื่อยล้า ก็สงสารอย่างมาก
"อ่อนเพลียหรอ?"
เธอเดินไปข้างหน้าและวางอาหารเย็นไว้บนโต๊ะข้างเตียง ประคองเฟิงจิ่งเหยาพิงหัวเตียง : "กินข้าวแล้ว ฉันจะเช็ดตัวให้คุณ แล้วก็พักผ่อนได้"
เฟิงจิงเหยาไม่ปฏิเสธ
กู้ฉางฉิงนำอาหารเย็นออกมาจัดวางเรียบร้อย วางแผนจะป้อนอาหารให้เหมือนเมื่อเช้า สุดท้ายถูกเฟิงจิ่งเหยายับยั้งไว้
"หืม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา