กู้ฉางฉิงได้ฟังคำนี้ ก็พูดอย่างปากไม่ตรงกับใจว่า : "เปล่า"
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ
"เปล่าหรอ? นี่ปากเบ้จนจะแขวนกาน้ำชาได้อยู่แล้ว"
เขาแตะๆปลายจมูกของเธออย่างสนิทสนม พูดอธิบายว่า : "เหตุผลที่ฉันให้มั่วหลีอยู่ ประการแรกเธอเป็คนที่ถูกคัดเลือกมาแล้วว่าจะปกป้องคุณได้ดีที่สุด ติดตามอยู่ข้างๆคุณ ฉันจึงวางใจ ประการที่สอง เปรียบเทียบกันคนอื่นแล้ว ความสามารถของตัวมั่วหลีเองก็ดีกว่าคนอื่นๆมาก"
กู้ฉางฉิงรู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาพิจารณาเพื่อประโยชน์ของตน แต่ในใจยังคงไม่สบายใจอย่างมาก
เพียงแต่การไม่สบายใจนี้ ก็หายไปพร้อมกับการปลอบโยนของเฟิงจิ่งเหยา
ทั้งสองอ้อยอิ่งอยู่ในห้องเป็นเวลานาน
ในตอนเย็น กู้ฉางฉิงพักผ่อนอยู่ที่ห้อง เฟิงจิ่งเหยาเพราะว่าชวี่ยี่มาหา เลยลุกขึ้นไปที่ห้องรับแขก
ในห้องรับแขก ชวี่ยี่ก็รายงานข่าวคราวที่ให้เขาไปตรวจสอบในสองสามวันที่ผ่านมา
"ภายใต้ชื่อJKกรุ๊ปมีโครงการที่ทำกำไรได้มากมายในขณะนี้ ความบันเทิง อสังหาริมทรัพย์ ฮันเตอร์และบริษัทอื่นๆอีกมากมาย แต่เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขาทำพวกผิดกฏหมาย เลยยังมีธุรกิจสีเทาอีกมากมายที่อยู่ภายใต้การดูแลไม่ได้หายไปไหน มีสถานที่ที่ไม่ดีไม่น้อย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเหล่านี้"
เฟิงจิ่งเหยาฟังจบ หรี่ตามองอย่างอันตราย
สิ่งนี้เหนือความคาดหมายของเขา
มีข่าวสารเหล่านี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องลงมือกับคนๆนั้นแล้ว
คิดเสร็จ เขาก็มีความคิดเห็นในใจ จึงสั่งชวี่ยี่ว่า : "เช่นนี้ คุณรายงานข่าวเหล่านี้มห้คนด้านบนนั้นด้วย ตรวจสอบการจ่ายภาษีของพวกเขาด้วย เหมือนว่าบริษัทของพวกเขาที่ไม่รีบเร่งแบบนี้ ควรมีสถานการณ์ในการจ่ายภาษีด้วย"
ชวี่ยี่พยักหน้า รับคำสั่งแล้วออกไป
หลังจากเขาออกไป เฟิงจิ่งเหยากลับมาที่ห้อง ก็พบว่ากู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
เพียงแต่ได้ยินพวกเขาคุยกันอยู่ข้างนอก เลยไม่ได้ออกไป
"คุยเสร็จแล้วหรอ?"
กู้ฉางฉิงเห็นเฟิงจิ่งเหยาเข้ามา จึงเอ่ยถาม
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ กำลังจะพูดถึงเรื่องแฟลชไดร์ฟนั่น สรุปคือยังไม่ทันได้พูด ก็มีคนเคาะประตูด้านนอก
จนปัญญาเธอได้แต่เก็บคำพูดไว้ ยิ้มพูดว่า : "ฉันไปเปิดประตูก่อน"
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ขัดขวาง
กู้ฉางฉิงเปิดประตู ก็พบมู่เฉาเกอยืนอยู่ด้านนอกประตู รอยยิ้มบนใบหน้าก็จืดชืดอย่างมาก
"คุณมู่มีธุระอะไรหรอ?"
เธอไม่ได้เชิญมู่เฉาเกอเข้าห้อง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เป็นธรรมดาที่มู่เฉาเกอสังเกตเห็นความเย็นชาในคำพูดของเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่สบายใจอย่างมาก เพียงแต่เธอไม่ได้แสดงมันออกมา
"ฉันได้ยินมาว่าวันนี้จิ่งเหยาออกจากโรงพยาบาล ดังนั้นจึงมาดูเขาสักหน่อย"
เธอพูดจบ สายตาก็มองไปในห้อง : "จิ่งเหยา"
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเสียงเธอ ก็เดินออกมาจากห้อง
เธอเรียกอย่างดีอกดีใจ โดยไม่คำนึงถึงกู้ฉางฉิงที่ไม่ได้เรียกเธอเข้าบ้านเลยแม้แต่น้อย เบียดตัวเข้ามาในห้อง
กู้ฉางฉิงถูกเบียดจนเซไปสิงก้าว ยืนขมวดคิ้วแน่นอยู่ที่หน้าประตู
"จิ่งเหยา คุณออกจากโรงพยาบาลทำไมไม่บอกฉัน นี่ไม่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนแล้วหรอ?"
ได้ฟังคำพูดของเธอในเวลานี้ กู้ฉางฉิงก็ระแคะระคายหูกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง ความรู้สึกแปลกๆที่มีต่อมู่เฉาเกอก่อนหน้านี้รุนแรงขึ้น
เพียงแต่เธอสังเกตไปอีกครั้ง พบว่ามู่เฉาเกอนอกจากจะเป็นห่วงเฟิงจิ่งเหยาแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลยไป แม้แต่การสนทนาที่ตามมาก็เป็นเรื่องของการทำงานตามปกติ
ราวกับว่าทุกสิ่งเป็นความคิดไร้สาระของเธอ
จนปัญญา เธอได้แต่ระงับความแปลกใจนี้ไว้ชั่วคราวเท่านั้น แล้วต้อนรับมู่เฉาเกอ
สองวันต่อมา เฟิงจิ่งเหยาและกู้ฉางฉิงอยู่ที่โรงแรมสังเกตการณ์เป็นครั้งสุดท้าย
ไม่มีคนอื่นๆมารบกวนแล้ว คนทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นมาก
ความคืบหน้าของความสัมพันธ์เกินความคาดหมายของกู้ฉางฉิงด้วยซ้ำ
ในเวลานี้เธอไม่ได้ตระหนักว่าตนเองตกอยู่ในความลึกซึ้งจนจนปัญญาที่จะถอนตัวออกมาได้
……
เวลาเดียวกัน JKกรุ๊ป
หลังจากผ่านความปั่นป่วนมาสองวัน เฟิงจิ่งเหยาจัดการทำก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ทำให้กรุ๊ปนี้วุ่นวายขึ้นมา
บริษัทภายใต้การบริหารหลายแห่งของพวกเขา รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมจำนวนมาก ถูกคนไม่เปิดเผยตัวตนรายงานต่อทางการ ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีผิดกฎหมาย หนีภาษี แอบตัดลดวัตถุดิบ พยานหลักฐานชัดเจน ถูกคนเบื้องบนบังคับสั่งให้ปิดปรับปรุงการประกอบการชั่วคราว
ช่วงเวลาหนึ่ง ข่าวเศรษฐกิจการคลังทั้งหมด บนอินเตอร์เน็ตต่างเปิดเผยเรื่องราวในครั้งนี้
เย่าซือในฐานะที่เป็นคนคุมอำนาจของกรุ๊ป เพราะเรื่องเหล่านี้ทำให้ต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดัน ชั่วคราวก็ไม่มีอิสระที่จะจัดการกับเฟิงจิ่งเหยาและพวกเขา
"คุณชายรอง เรื่องครั้งนี้คุณจำเป็นต้องชี้แจงให้ผู้อาวุโสของพวกเราฟังสักหน่อยนะ"
ในห้องประชุม เย่าซือกำลังถูกผู้ถือหุ้นบีบบังคับให้ชี้แจงเรื่องครั้งนี้ และยังให้ชดเชยพวกเขาเพราะผลกำไรที่สูญเสียไปกับเรื่องนี้
"เรื่องที่ผู้อาวุโสหยางพูด เรื่องนี้ฉันจะตรวจสอบให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด ให้บริษัทได้กลับมาดำเนินการใหม่อีกครั้ง ส่วนความเสียหายทางเศรษฐกิจ ฉันจะโอนบัญชีส่วนตัวของฉันไปยังบริษัท"
เพราะตอนนี้บริษัทเขายังต้องการพวกแก่ๆเหล่านี้อยู่ เย่าซือจึงต้องทำการประนีประนอมเงื่อนไขของพวกเขา
หลังจากผ่านการต่อรองราคา ในที่สุดเย่าซือก็ทำให้พวกแก่ๆที่เหมือนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เหล่านี้จากไป
เขากลับไปยังห้องทำงานอย่างกระวนกระวายใจ นั่งบนเก้าอี้ทำงานดึงหูกระต่ายแล้วถามคนสนิทด้านหลังอย่างหงุดหงิดว่า
"ตรวจสอบว่าใครที่พุ่งเป้าหมายมายังพวกเรา"
คนสนิทฟังออกถึงความหงุดหงิดในน้ำเสียงของเขา กล่าวตอบกลับอย่างไม่ลังเลใจว่า: "ตรวจสอบแล้ว เป็นเฟิงจิ่งเหยาที่ส่งคนไปรายงานต่อทางการ กล่าวกันว่าพวกเขายังตรวจสอบได้ถึงสิ่งผิดกฎหมายของพวกเราก่อนหน้านั้นไม่น้อย"
เย่าซือได้ยิน หรี่ตาขึ้นอย่างอันตราย
"เฟิงจิ่งเหยา? เห๊อะ ดูท่าฉันจะดูถูกเขาเกินไป!"
คนสนิทก้มหน้า ไม่ได้พูดคล้อยตาม
เย่าซือไม่ได้สนใจ นั่งบนเก้อี้ทำงาน เคาะโต๊ะอย่างหาคำพูดไม่ได้
อันที่จริงความวุ่นวายนี้สำหรับเขาแล้วไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขา อาจจะพูดได้ว่า เขายังอยากจะขอบคุณเฟิงจิ่งเหยา
เพราะว่าเขาเข้าใจชัดเจนเองว่า JKกรุ๊ปของพวกเขาได้ย้ายขึ้นมาจากอิทธิพลใต้ดิน อสังหาริมทรัพย์จำนวนมากไม่สามารถกำจัดให้สะอาดได้จริงๆ ไม่ช้าก็เร็ววันหนึ่งเรื่องเหล่านี้ก็ต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน เพียงแต่เวลาช้าหรือเร็ว
ปัญหาเดียวของเรื่องราวในครั้งนี้ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตำแหน่งที่ไม่มั่นคงของเขา
แต่พอเขาคิดอีกที ก็ต้องการเพียงแค่แฟลชไดร์ฟนั้น ตำแหน่งนี้ของเขาก็มั่นคงแล้ว
ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้มีความกังวลมากมาย
หลังจากที่เขาไตร่ตรองครั้งหนึ่งแล้ว ก็ส้งมอบคำสั่งให้คนสนิทไปไม่น้อย
หนึ่งในนั้นก็มีหัวข้อหนึ่งคือให้จับตาดูทางด้านของเฟิงจิ่งเหยาต่อไป
เฟิงจิ่งเหยาคาดไม่ถึง เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้แล้ว เย่าซือยังลงมือจับตาดูเขาอีก
"ดูท่าของสิ่งนั้นจะสำคัญกับเขามาก ชวี่ยี่ คุณไปจัดเตรียมเที่ยวบิน ฉันหวังว่าจะสามารถกลับเมืองหลวงได้โดยเร็วที่สุด
ชวี่ยี่พยักหน้า แล้วไปจัดการทันที
พอเขาออกไป เฟิงจิ่งเหยาก็เอียงหน้าไปกำชับสั่งมั่วหลีว่า: "แจ้งให้มั่วจุยทราบ ให้เขาเริ่มมุ่งเป้าไปยังซิวลัวถังแล้วก็ทำการวางหมากสำนักงานใหญ่ของพวกเขาสักเล็กน้อย"
มั่วหละยักหน้า แล้วออกไป
คนอื่นๆไปหมดแล้ว กู้ฉางฉิงก็เดินเข้าไปด้วยความรู้สึกผิด
"ต้องขอโทษด้วย ฉันคาดไม่ถึงว่าจะก่อเรื่องให้คุณวุ่นวายถึงขนาดนี้"
อันที่จริงประโยคนี้หลังจากที่กลับมา เธออยากจะพูดมาโดยตลอด สุดท้ายด้วยเรื่องแต่ละเรื่อง ทำให้เสียเวลามาจนถึงตอนนี้
เฟิงจิ่งเหยามองเธอ ส่ายหน้าอย่างไม่เอามาใส่ใจ: "เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ คุณน่าจะถูกเอาไปเกี่ยวพัน ไม่ต้องคิดมาก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา