บทที่ 21 ถ้าหากว่าคุณเปลี่ยนใจแล้ว
หย่าก็หย่ากันแล้ว ยังจะโทรมาทำไมอีก หรืออยากจะแดกดันใครเหรอ
แต่ว่าเขาบล็อกWeChatของเธอไป แล้วเธอก็บล็อกเบอร์ของเขา
ทำกันคนละครั้ง ถือว่าเจ๊ากันพอดี
……
ที่สตูดิโอถ่ายภาพ
หลังจากที่ถ่ายภาพมุมกล้องสุดท้ายเสร็จ ซูซือเวยก็โค้งคำนับไปทางพนักงานของบริษัทโฆษณาทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงหวานขึ้นว่า “ลำบากอาจารย์ทุกท่านแล้ว ฉันซื้อชานมมาให้ทุกคน วางอยู่ข้างนอก เดี๋ยวตอนที่ทุกคนเดินออกไป หยิบกันไปคนละแก้วนะคะ”
“ขอบคุณเวยเวย คุณเองก็ลำบากแล้ว”
“ฉันก็แค่ยืนโพสต์ท่าไปไม่กี่ท่าเอง จะไปลำบากเท่าพวกคุณได้ยังไง ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันดี ๆ นะคะ หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกนะคะ”
หลังจากที่เสแสร้งแกล้งพูดจนจบแล้ว ซูซือเวยที่หมุนตัวมาก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเลย แล้วก็เร่งฝีเท้าเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัว เสียงเพล้งดังขึ้นทีหนึ่ง เครื่องประดับตกแต่งหัวที่อยู่ในมือโดนโยนลงไปบนโต๊ะ “คนพวกนี้นี่โง่มากจริง ๆ เลยใช่ไหม แค่ท่าทางไม่กี่ท่า ยังถ่ายกลับไปกลับมาตั้งหลายครั้งขนาดนั้น นึกว่าถ่ายละครหรือไง”
พูดจบแล้ว เธอก็หมุนตัวไปด่าผู้ช่วย “ฉันเคยพูดไปตั้งกี่ครั้งแล้วว่า ต่อไปอย่ารับงานโฆษณาเกรดต่ำแบบนี้ให้ฉันอีก ฉันดูไปแล้วเชยมากนักหรือยังไง?”
เมื่อไม่นานมานี้กว่าเธอจะได้รับงานเดินแฟชั่นโชว์ระดับสากลมางานหนึ่งอย่างยากลำบาก แล้วก็พึ่งโจวฉือเซินได้รับงานพรีเซ็นเตอร์สินค้าหรูหรามา แล้วตอนนี้จะย้อนกลับไปรับงานถ่ายโฆษณาที่เชิดหน้าชูตาไม่ได้แบบนี้ นี่มันกำลังดึงเกรดของเธอให้ตกต่ำลงไปอยู่ไม่ใช่เหรอ!
ผู้ช่วยพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “โฆษณาอันนี้โอกาสที่จะมีคนเห็นสูงมาก และสามารถช่วยให้ความนิยมของคุณเพิ่มสูงขึ้นได้……”
“เพิ่มความนิยมจะไปมีประโยชน์อะไร? ฉันต้องการความนิยมอันน้อยนิดของพวกเธอด้วยเหรอ พวกเธอเองก็ไม่ดูตัวเองซะบ้างว่าเป็นตัวอะไร คู่ควรกับฉันด้วยเหรอ?”
ผู้ช่วยไม่พูดอะไรแล้ว งานโฆษณานี้เป็นงานที่ซูซือเวยไปขอร้องให้บริษัทโฆษณาให้โอกาสเธอถ่ายด้วยตัวเองเมื่อสองสามเดือนก่อน และเพื่อสิ่งนี้แล้วสามารถพูดได้ว่าแม้แต่หน้าก็ไม่เอาแล้ว แต่ว่าตั้งแต่ที่ไม่รู้ว่าเธอทำยังไงถึงได้ไปเกี่ยวพันกับประธานโจวเข้า พอหันหน้ามาก็ทำเป็นไม่รู้จักกันแล้ว แล้วยังคิดว่าตัวเองบินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้ได้ก็กลายเป็นหงส์ไปแล้ว
หลังจากที่ซูซือเวยด่าเสร็จแล้ว แล้วก็เอาโทรศัพท์ออกมา ตอนแรกอยากจะดูว่าความคิดเห็นของผู้คนว่าเพิ่มขึ้นไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่พอเพิ่งเปิดWeiboออกดู ก็เห็นการตอบกลับของหร่วนซิงหว่าน และการชี้แจงของเครื่องประดับเซิ่งกวางกรุ๊ปแล้ว
เธอกัดฟันไว้แน่น คิดไม่ถึงว่าเรื่องวุ่นวายมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ยังจัดการหร่วนซิงหว่านให้ตายไปไม่ได้อีก
ในตอนที่ซูซือเวยกำลังคิดว่าจะใส่ไฟเพิ่มเข้าไปอีกหน่อยนั้น ห้องแต่งตัวที่เงียบสงบมาตลอดอยู่ ๆ ก็มีเสียงแหลมสูงของผู้หญิงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ฉันเคยพูดไปตั้งกี่ครั้งแล้วว่า ต่อไปอย่ารับงานโฆษณาเกรดต่ำแบบนี้ให้ฉันอีก ฉันดูไปแล้วเชยมากนักหรือยังไง?”
“เพิ่มความนิยมจะไปมีประโยชน์อะไร? ฉันต้องการความนิยมอันน้อยนิดของพวกเธอด้วยเหรอ พวกเธอเองก็ไม่ดูตัวเองซะบ้างว่าเป็นตัวอะไร คู่ควรกับฉันด้วยเหรอ?”
ซูซือเวยอึ้งไปทั้งตัวเลย คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าคำพูดที่เธอพูดไปเมื่อกี้จะโดนอัดเสียงไว้ เธอลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว “ใครอยู่ตรงนั้น! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ที่มุมห้อง หร่วนซิงหว่านยิ้มแฉ่งและโบกไม้โบกมือให้เธอเล็กน้อย แล้วในมือก็กำโทรศัพท์เอาไว้ซึ่งเป็นที่มาของเสียงเมื่อกี้นั่นเอง
หร่วนซิงหว่านแสร้งขอโทษขึ้นอย่างไม่มีความจริงใจเลยสักนิดว่า “ต้องขอโทษด้วยนะ ตอนแรกอยากจะทักทายคุณอยู่นะ แต่ว่าพอคุณเข้ามาปุ๊บก็พูดไม่ยอมหยุดเลย ฉันก็เลยหาโอกาสเหมาะ ๆ ไม่ได้”
สีหน้าของซูซือเวยโกรธจนขาวซีดขึ้นมา มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวก็กำเป็นหมัดไว้แน่น เล็บกำแน่นฝังลึกเข้าไปในเนื้อ “หร่วนซิงหว่าน แก……”
“ฉันไม่เหมือนคุณหรอกที่เอาแต่สร้างข่าวลือสาดน้ำสกปรกใส่คนอื่น และก็ยิ่งจะไม่มีทางเอาคลิปเสียงอัดนี้ปล่อยลงไปในโลกออนไลน์ให้ทุกคนรับรู้ด้วย ฉันก็แค่จะ……” หร่วนซิงหว่านปิดโทรศัพท์ลง แล้วพูดขึ้นเรียบ ๆ ว่า “ส่งมันไปที่เจ้าของงานโฆษณาที่โดนเธอรังเกียจว่าเกรดต่ำเท่านั้น”
โฆษณาที่ซูซือเวยถ่ายนี้ถึงจะไม่ใช่ของหรูหรา แต่ว่าก็เป็นแบรนด์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอยู่ในประเทศ ไม่งั้นก่อนหน้านี้เธอก็คงไม่มีทางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปเอาใจทางนั้นเพื่อให้ได้โอกาสครั้งนี้มาหรอก
ที่เธอพร่ำบ่นว่าอีกฝ่ายเกรดต่ำนั้น ก็เป็นเพราะว่าเธอได้เกี่ยวพันเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างโจวฉือเซินแล้ว และมีทุนที่ดีกว่าแล้ว แต่ว่าถ้าคำพูดพวกนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของเธอที่อยู่ในสายงานนี้ก็จะเสียหาย ผลกระทบที่ตามมาก็คงจะมีไม่น้อยเช่นกัน
ซูซือเวยกัดฟันไว้แน่น “หร่วนซิงหว่าน เธอนี่มันน่ารังเกียจมากจริง ๆ!”
หร่วนซิงหว่านหัวเราะขึ้นเล็กน้อย “ฉันนึกว่าคุณรู้จุดนี้ดีตั้งนานแล้วซะอีก เป็นไง ในสายตาของคุณฉันยังเป็นแม่พระที่จิตใจงดงามมีเมตตาคนหนึ่งอยู่หรือไง?”
“ในที่สุดฉันก็รู้สักทีว่าทำไมประธานโจวถึงได้รังเกียจเธอมากขนาดนั้น วิธีการแทงข้างหลังคนอื่นแบบนี้ของเธอมันชั่วร้ายมากจริง ๆ เลย สมแล้วที่เธอโดนทอดทิ้ง!”
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้นอย่างเงียบสงบว่า “ฉันจะต้องขอเตือนคุณสักคำนะ คนที่แทงข้างหลังคนอื่นก่อนคือคุณไม่ใช่ฉัน ฉันก็แค่ใครทำอะไรมาก็ทำอย่างงั้นกลับคืนให้ต่างหาก แล้วอีกอย่าง อย่ามาแหย่ฉันอีก คุณเองก็รู้ว่าฉันมีความสามารถบีบให้โจวฉือเซินแต่งงานได้ แค่รับมือกับคุณคนเดียว ไม่คณนามืออะไรหรอก”
หร่วนซิงหว่านพูดคำขู่เสร็จแล้ว กำลังจะหมุนตัวจากไปอย่างซะใจ แต่ก็เห็นร่างกายที่สูงใหญ่ของคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูอย่างเงียบสงบ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และดูปฏิกิริยาอะไรไม่ออกเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...