สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว นิยาย บท 295

แต่ว่าพอพวกเธอเปิดข้อมูลผู้ซื้อขายจนหมดแล้ว ก็ไม่เจอข้อมูลไหนที่จะสามารถมาประกบเข้าด้วยกันได้เลย

พอเห็นหร่วนซิงหว่านหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่พูดอะไร เพ้ยซานซานก็เปิดกลับไปที่หน้าเมื่อกี้อีกครั้ง

บันทึกข้อมูลซื้อขายแสดงให้เห็นว่า ชื่อของหลินจื้อหย่วน ได้ซื้อนาฬิกาพกไปสองอัน

ซึ่งก็หมายความว่า นอกจากอันที่อยู่ในมือหร่วนซิงหว่านแล้ว ในมือเขาก็น่าจะมีอยู่อีกอันหนึ่ง

พอผ่านไปครู่หนึ่ง เพ้ยซานซานถึงได้ลองเปิดปากพูดขึ้นว่า "ซิงซิง......"

หร่วนซิงหว่านตั้งสติกลับมาได้ "อะไรเหรอ?"

เพ้ยซานซานอ้าปากเล็กน้อยเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็กลืนลงไป เพียงแต่แค่ปิดสมุดบันทึกลง "ข้างบนนี้มีชื่อคนตั้งเยอะแยะ พวกเราดูกันอยู่แบบนี้ก็ดูอะไรไม่ออก หรือไม่เราเอาสมุดบันทึกนี้กลับบ้านกันดีไหม แล้วค่อยๆ มาหากัน ยังไงก็น่าจะหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ออกมาได้บ้างแหละ"

พอได้ยินแบบนี้ หร่วนซิงหว่านก็พยักหน้าขึ้นเบาๆ "ได้"

หลังจากที่เก็บเอกสารอย่างอื่นเข้าที่เดิมแล้ว หร่วนซิงหว่านก็เอาสมุดบันทึกการซื้อขายเก็บเข้าไปในกระเป๋า แล้วก็ออกจากโกดังไปพร้อมกับเพ้ยซานซาน

พอเธอล็อกประตูเสร็จ ที่ไม่ไกลนักก็มีแสงไฟที่แยงตาแสงหนึ่งส่องมา และก็ได้ส่องความมืดมิดที่หนาแน่นนี้จนสว่างขึ้นมา

หร่วนซิงหว่านหรี่ตาลงอย่างอัตโนมัติ และอย่างรวดเร็ว ก็มองเห็นเงาร่างที่สูงสง่าร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสายตา

โจวฉือเซินเดินมาถึงตรงหน้าเธอ แล้วจ้องมองดูโกดังทีหนึ่ง "มาหาอะไรที่นี่เหรอ?"

ริมฝีปากของหร่วนซิงหว่านเม้มเข้าหากันแน่น แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า "ไม่มีอะไรค่ะ"

พอเพ้ยซานซานเห็นแบบนี้ ก็รีบพูดขึ้นว่า "เอ่อ คือว่าอะไรนะ......ซิงซิง ในเมื่อประธานโจวมารับเธอแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะ"

พอพูดจบ ก็ไม่รอให้หร่วนซิงหว่านตอบกลับ แล้วก็รีบขึ้นรถและขับหนีไปเลย

หลังจากที่เพ้ยซานซานไปแล้ว หร่วนซิงหว่านก็ถอนหายใจอย่างไม่มีเสียงขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวไปล็อกประตูโกดังให้เรียบร้อย

โจวฉือเซินจ้องมองเธอ และใช้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากบางไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ดวงตาดำสนิทหรี่ลงเล็กน้อย และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว หร่วนซิงหว่านเองก็พิงอยู่กับหน้าต่างรถและไม่พูดอะไรเลย ดูไปเหมือนกับว่าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ระหว่างทาง หลินหนานรับสายโทรเข้ามาสายหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า "ประธานโจวครับ ระยะนี้ตระกูลหลินได้เปิดโครงการใหม่ขึ้นมาอันหนึ่ง และกำลังจะเปิดประมูล ดูท่าพวกเขาเหมือนอยากจะยืมเรื่องนี้มากลบเกลื่อนพวกเรื่องราวก่อนหน้านี้ไปครับ"

โจวฉือเซินตอบอืมไปคำหนึ่ง ถึงแม้ว่าครั้งนี้พลังของตระกูลหลินจะเสียหายไปอย่างมาก แต่ในเมื่อมีทุนหนา และพละกำลังก็อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะล่มสลายไปได้ง่ายขนาดนั้นหรอก

แต่ว่าดูแล้วน่าจะอยากจะรีบกู้ความเสียหายกลับมาให้ได้เร็วที่สุด ไม่งั้นก็คงจะไม่มีทางรีบเปิดโครงการใหม่ขึ้นมาเร็วขนาดนี้หรอก

แล้วในเวลานี้ อยู่ๆ หร่วนซิงหว่านก็เปิดปากพูดขึ้นว่า "ประธานโจว เกี่ยวกับตัวหลินจื้อหย่วน คุณรู้จักมากแค่ไหนคะ?"

โจวฉือเซินมองไปที่เธอ "รู้เขารู้เรา ถึงจะรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ไม่มีอะไรที่ผมไม่รู้เรื่อง คุณอยากจะถามอะไร"

พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ คำพูดที่มาถึงปากแล้วของหร่วนซิงหว่านก็ไม่รู้ว่าจะถามยังไงต่อแล้ว พอผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงพูดขึ้นว่า"เหมือนกับว่าฉันจะไม่เคยได้เห็นแม่ของหลินจืออี้เลย ประธานโจวรู้ไหมคะว่าเรื่องมันเป็นมายังไงคะ?"

ขายาวของโจวฉือเซินค่อยๆ ไข้วไว้ด้วยกัน แล้วพูดขึ้นช้าๆ ว่า "หลินจื้อหย่วนมีน้องชายฝาแฝดคนหนึ่ง ชื่อว่าหลินจื้ออาน หลินจื้ออานนั้นไม่เหมือนกับหลินจื้อหย่วนที่โดนตระกูลหลินคาดหวังไว้สูงมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก เวลาส่วนใหญ่มักจะพักอาศัยอยู่คนเดียวที่หลังสวนของบ้านตระกูลหลิน พอเป็นอย่างนี้นานๆ เข้า ในใจของเขาค่อยๆ มืดมนและแปลกประหลาด และเริ่มอิจฉาทุกอย่างที่หลินจื้อหย่วนได้ไป"

แต่ก็เป็นเพราะว่าหลินจื้อหย่วนถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นผู้สืบทอดมาตั้งแต่เกิด เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าหลินจื้ออานจะเริ่มเกิดใจโกรธแค้น แต่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนการที่หลินจื้อหย่วนจะขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งประธานตระกูลหลินได้

จุดเปลี่ยนของเรื่องมาเริ่มต้นจากตอนที่พ่อแม่ของพวกเขาไปคุยธุรกิจที่ต่างประเทศ แล้วเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเป็นต้นมา

ทั้งตระกูลหลิน ก็เหลือแค่หลินจื้อหย่วนและหลินจื้ออานสองพี่น้องแล้ว

เทียบกับหลินจื้ออานที่มีนิสัยแปลกประหลาดแล้ว หลินจื้อหย่วนนั้นนิสัยอ่อนโยนเป็นมิตรและใจกว้างมีเมตตาไม่เหมือนกันเลย แล้วในใจมักจะรู้สึกผิดต่อน้องชายคนนี้อยู่ตลอด จึงพยายามโต้แย้งกับทุกคนที่ไม่เห็นด้วย แล้วให้เขาเข้ามาในหลินซื่อกรุ๊ป แถมยังให้ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปกับเขา และยังเอาโครงการสำคัญมากมายมอบไปไว้ในมือเขาอีก

หลังจากที่หลินจื้ออานเข้าสู่หลินซื่อกรุ๊ปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุที่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปหรือเปล่า สภาพจิตใจก็ค่อยๆ ดีขึ้น แล้วอาการป่วยก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามมา แถมกลายมาเป็นร่างกายแข็งแรงด้วย ในด้านการจัดการเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจนั้นก็ทำได้ง่ายดายมากด้วย

ในตอนนั้นเป็นเพราะว่าประธานหลินและภรรยาต่างก็เจอกับโศกนาฏกรรม จึงมีคนมากมายหมายปองหลินซื่อกรุ๊ป แต่ภายใต้การร่วมแรงร่วมใจของหลินจื้อหย่วนและหลินจื้ออาน ก็ได้พลิกร้ายให้กลายเป็นดี และได้ทำให้หลินซื่อกรุ๊ปที่ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเสื่อมโทรม ก็ค่อยๆ โดนดึงกลับมาจากหน้าผาได้ทีละก้าว ทีละก้าว

ทั้งสองคนมีใบหน้าที่เหมือนกันมาก ถ้าหากว่าตั้งใจเลียนแบบน้ำเสียงในการพูดและการใช้ชีวิตสักหน่อยละก็ แม้แต่ผู้ช่วยที่ติดตามอยู่ข้างกายพวกเขามาเป็นเวลานานก็ยังดูไม่ออก

และพวกเขาก็ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้ มาสู้ศึกพลิกตัวดีได้สวยงามมากมาย

แต่ว่าในตอนที่หลินซื่อกรุ๊ปกำลังเจริญรุ่งเรืองขึ้นมานั้น หลินจื้ออานก็ไม่ยินดีที่จะอยู่ใต้บังคับบัญชาของหลินจื้อหย่วนอีกต่อไป แล้วก็ได้วางแผนชั่วร้ายขึ้นมาอย่างละเอียดรอบคอบครั้งหนึ่ง

ในระหว่างระเบิดครั้งนั้น มารดาของหลินจืออี้ก็ได้เสียชีวิตไปด้วยความโชคร้าย และหลินจื้ออานเองก็ได้รับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ ตัวเองก็ไม่สามารถหนีออกมาจากการระเบิดในครั้งนั้นได้ รวมทั้งคนในครอบครัวของเขาด้วย ล้วนเจอเคราะห์กรรมและตายกันไปหมด

พอเจอกับอันตรายในครั้งนั้นแล้ว หลินซื่อกรุ๊ปก็ได้ตกอยู่ในสภาพที่ใกล้กับความเป็นความตายแล้ว หลังจากที่หลินจื้อหย่วนนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงไปหลายเดือน พอฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว ก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของตัวเอง มากอบกู้หลินซื่อกรุ๊ปกลับมาใหม่อีกครั้ง

แล้วต่อมาหลินซื่อกรุ๊ปก็ราบรื่นมาโดยตลอด และก็ไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมาอีกเลย

จนถึงตอนนี้

แต่ว่าพอมีประสบการณ์สองครั้งก่อนหน้านี้แล้ว อุบัติเหตุในครั้งนี้สำหรับหลินจื้อหย่วนมาพูดแล้ว ไม่ได้ถือว่าเป็นอะไรเลย

เพราะฉะนั้นเขาถึงได้สามารถทำการตัดสินใจที่รวดเร็วที่สุดออกมาในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด และก็ใช้สิ่งนี้มาปกป้องรากฐานของหลินซื่อกรุ๊ปไว้ได้

ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว การตัดสินใจของเขานั้น มีประโยชน์ต่อหลินซื่อกรุ๊ปมากจริงๆ

หร่วนซิงหว่านคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตระกูลหลินยังมีเรื่องที่ทำให้คนตื่นตาตื่นใจมากขนาดนี้อีก เธอนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ถึงพูดขึ้นว่า"งั้น......หลินจื้อหย่วนเขา มีลูกสาวแค่หลินจืออี้คนเดียวเหรอคะ?"

"ใช่"

พอได้ยินแบบนี้ หร่วนซิงหว่านก็ค่อยๆ โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง และนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้จนต้องถามขึ้นอีกครั้งว่า "จะมีความเป็นไปได้ไหมคะ ว่าจะมี......ลูกสาวนอกสมรสอะไรแบบนั้นหรือเปล่า?"

ว่าแล้ว ว่าคนที่ซื้อนาฬิกาพกจะต้องเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอแน่นอน แล้วหลินจื้อหย่วนก็รู้ว่าเธอกำลังตามหาผู้ชายที่อยู่ในรูปอยู่ ถึงได้ตัดขาดข้อมูลของเธอไปกลางคัน และยังแอบต่อต้านเธออย่างลับๆ ไปด้วย

นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

พอมองเห็นดวงตาที่เป็นประกายของหร่วนซิงหว่าน โจวฉือเซินก็เดาออกแล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็ยกมือขึ้นมาขยี้ผมเธอเล็กน้อย "ไม่มีความเป็นไปได้แบบนั้น อย่าคิดมากขนาดนั้นเลย"

หร่วนซิงหว่านค่อยๆ หลับตาลง และก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

โจวฉือเซินพูดขึ้นอีกว่า "หลินจื้อหย่วนกับภรรยาของเขา เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก มีความรู้สึกที่ดีต่อกันมาก"

พูดมาถึงครึ่งหนึ่ง โจวฉือเซินก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกแล้ว

หร่วนซิงหว่านตอบอ๋อไปคำหนึ่ง "รู้แล้วค่ะ"

แล้วก็ไม่ได้ติดอยู่ที่ปัญหาเรื่องลูกสาวนอกสมรสอีก

ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าตอนนั้นตระกูลโจวมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เธอเชื่อว่า ด้วยนิสัยและความเป็นคนของคุณน้า เธอจะต้องไม่มีทางที่จะไปเป็นเมียน้อยของใครแน่

ในนี้จะต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดอยู่แน่ๆ

หลังจากที่หร่วนซิงหว่านกับโจวฉือเซินจากไปแล้วนั้น เขตโรงงานที่มืดมิดในตอนแรก อยู่ๆ ก็เกิดเปลวไฟสว่างเต็มท้องฟ้าขึ้นมา ของทั้งหมดที่อยู่ในโกดัง ก็โดนเผาไปอย่างหมดจดด้วย จนไม่เหลืออะไรเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว