สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว นิยาย บท 389

หร่วนซิงหว่านนั่งอยู่ในห้องรับรองเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ในระหว่างนั้นเธอก็ไถโทรศัพท์อ่านข่าวไปด้วย

มันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีหลายคนที่อ้างว่าตัวเองเป็นดีไซน์เนอร์ออกมาต่อต้าน และต้องการทราบถึงคำอธิบายที่ยุติธรรม

เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้มีคนคอยบงการอยู่ข้างหลัง จงใจทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้น

หร่วนซิงหว่านอ่านจนเจ็บตา เธอจึงปิดโทรศัพท์

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากหน้าประตู หร่วนซิงหว่านรีบลุกขึ้น ทว่าคนที่เข้ามา กลับเป็นหลินหนาน

หลินหนานพูด "คุณหร่วนครับ ตอนนี้ท่านประธานเรียกประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเสร็จสิ้น หรือไม่คุณหร่วนกลับไปก่อนดีกว่าไหมครับ......"

เมื่อหร่วนซิงหว่านได้ยิน เธอเงียบไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ "ค่ะ"

ถ้าเธออยู่ที่นี่ต่อไป คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี

หลินหนานไปส่งหร่วนซิงหว่านที่ชั้นล่าง และรีบกลับขึ้นไป

หร่วนซิงหว่านหันกลับไปมองยังอาคารที่สว่างไสว เธอขมวดคิ้วมุ่น ทันใดก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

หร่วนซิงหว่านนั่งอยู่ในรถ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา เมื่อเจอเบอร์มือถือของเสิ่นจื่อซีที่เธอเคยบันทึกไว้ จึงรีบต่อสายหาเขา เมื่อโทรติดแล้ว เธอจึงพูดว่า "มีเวลาว่างไหมคะ ฉันอยากคุยกับคุณ"

เสิ่นจื่อซีอยู่บนถนนพอดี "ได้สิครับ เจอกันที่ไหน?"

หลังจากที่หร่วนซิงหว่านถามเขาว่าอยู่ที่ไหน เธอจึงเลือกร้านกาแฟที่มาเจอกันได้ครึ่งทาง

สิบนาทีต่อมา หร่วนซิงหว่านและเสิ่นจื่อซีก็ลงมาจากรถยนต์เกือบจะพร้อมกัน

เมื่อเสิ่นจื่อซีเห็นเธอ เขาจึงเลิกคิ้วขึ้น ถึงแม้หร่วนซิงหว่านจะไม่พูดอะไร แต่เขาก็รู้ว่าเธอมาหาเขามีจุดประสงค์อะไร

เมื่อนั่งอยู่ในร้านกาแฟ เสิ่นจื่อซีจึงพูด "ผมเห็นข่าวแล้ว คุณต้องการจะฟ้องคนที่พูดหมิ่นประมาทคุณใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้เรื่องมันใหญ่โตมาก ทำอย่างนี้อาจจะไม่ช่วยอะไร"

หร่วนซิงหว่านส่ายศีรษะ "ฉันอยากจะถามคุณค่ะ เรื่องฟ้องร้องหลินจืออี้เป็นยังไงบ้าง?"

เสิ่นจื่อซีชะงักไปนิด เขาไม่คิดว่าเธอจะถาม นิ่งไปนิด ก่อนจะตอบ "ผมกำลังกดดันหลินจื้อหย่วนอยู่ แต่คุณไม่ต้องกังวล มากสุดไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ผมก็จะ......"

"คืนนี้"

เสิ่นจื่อซีคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเขาได้ยินผิดหรือเปล่า ก่อนจะถามย้ำ "อะไรนะครับ?"

หร่วนซิงหว่านพูดเบาๆ "คืนนี้ส่งจดหมายทนายความถึงหลินจืออี้ในนามของหยางกุ้ยเฟิน เนื้อหาอื่นคลุมเครือได้นิดหน่อย แต่ต้องชี้ให้เห็นว่า หยางกุ้ยเฟินได้รับคำสั่งจากเธอให้ไปหาฉันที่สตูดิโอเพื่อสร้างความวุ่นวาย และเธอได้ทำอะไรกับน้องชายฉันไว้บ้าง น้องชายของฉันเป็นแค่นักเรียนเท่านั้น"

เสิ่นจื่อซีเข้าใจในทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร เมื่อไม่นานมานี้เดิมทีหลินซื่อได้ก่อเรื่องมากมายเนื่องจากปัญหาของโครงการ และตอนนี้ ถ้าหากชี้ให้เห็นว่าหลินจืออี้ใช้กลอุบายที่มีลับลมคมในเหล่านี้ กระทั่งพยายามทำลายนักศึกษาคนหนึ่งด้วยวิธีการที่สกปรกละก็ คาดว่าการวิพากษ์วิจารณ์จะไม่เล็กเลยทีเดียว "คุณคิดจะใช้เรื่องนี้หันเหความสนใจ?"

หร่วนซิงพยักหน้า "นี่เป็นแค่ด้านหนึ่ง หนึ่งสัปดาห์นานเกินไป หลินจื้อหย่วนมีเวลามากพอที่จะเตรียมการ มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่พอจะทำให้เขารับมือไม่ทัน"

"แต่ถ้าคุณจะทำอย่างนี้ หลินจื้อหย่วนต้องรู้แน่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณ"

หร่วนซิงหว่านหัวเราะ "ตั้งแต่วันแรก ฉันก็เป็นหนามที่คอยทิ่มตำตาของเขา ถึงแม้ฉันจะไม่ทำเรื่องเหล่านี้ เขาก็คงไม่เมตตากับฉันหรอกค่ะ"

เสิ่นจื่อซีคิดว่าที่เธอพูดก็มีเหตุมีผล หากกำลังต่อสู้กับจิ้งจอกเฒ่าอย่างหลินจื้อหย่วน ถ้ามัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง กลัวจะทำให้เขาไม่พอใจ ยังไงก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว แพ้อยู่ดี

"โอเค ผมจะกลับไปที่สำนักงานกฎหมายตอนนี้" เสิ่นจื่อซีมองเวลา "จดหมายของทนายอย่างเร็วที่สุดจะถูกส่งออกไปภายในหนึ่งชั่วโมง โอเคไหมครับ?"

"ได้ค่ะ" หร่วนซิงหว่านลุกขึ้นยืน "ขอบคุณนะคะ"

"ไม่เป็นไรครับ มันหน้าที่ของผม"

หลังจากที่เสิ่นจื่อซีพูดจบ เขาก็ไม่รีรอ รีบออกไปอย่างรวดเร็ว

หร่วนซิงหว่านกลับไม่ไป เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟร้านเดิม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายไปยังเบอร์ของหลุยส์

แต่ทางฝั่งของหลุยส์ที่พบเจอเรื่องนี้ก็สับสนมากเช่นกัน แต่บนอินเทอร์เน็ตมีคนมากมายที่กำลังโกรธเคือง ในสถานการณ์อย่างนี้แล้วจะออกมาชี้แจงและแถลงการณ์อย่างไรก็เปล่าประโยชน์ พวกเขาเองก็เอาหลักฐาน มาพิสูจน์ไม่ได้ว่าความจริงนั้น ไม่ใช่อย่างที่พูดกันบนอินเทอร์เน็ตเลยแม้แต่น้อย

แต่สถานการณ์อย่างนี้ มันเหมือนกับปล่อยให้ตัวเธอเองคิดหาวิธีที่จะพิสูจน์ เธอก็คือตัวเธอเอง

ข่าวลือที่น่างุนงงเหล่านี้อธิบายด้วยเหตุผลไม่ได้

เมื่อได้รับโทรศัพท์ของหร่วนซิงหว่าน หลุยส์ก็พูดว่า "Ruan พวกเรากำลังปรึกษากันว่าควรจะตอบเรื่องนี้ยังไง คุณอย่ากังวลไปนะครับ เราจะให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับทุกคนแน่นอน"

หร่วนซิงหว่านพูด "ฉันเพิ่มปัญหาให้พวกคุณในเรื่องนี้ ฉันโทรมาเพื่ออยากจะถามคุณสักหน่อยว่า วันนั้นใครมาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำบ้างคะ"

หลุยส์นิ่งไปนิด "ความหมายของคุณก็คือ เสียงบันทึกนี้อาจถูกบันทึกและรั่วไหลโดยคนที่ร่วมทานข้าวในวันนั้นใช่ไหมครับ?"

"เปล่าค่ะ" หร่วนซิงหว่านครุ่นคิด ก่อนจะเปลี่ยนวิธีการพูด "ในบรรดากรรมการที่ไปทานข้าวกันในวันนั้น ไม่น่าจะมีกรรมการคนไหน ให้คะแนนฉันต่ำ"

เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนี้ หลุยส์ก็นึกถึงสถานการณ์ในขณะนั้นอย่างละเอียดรอบคอบ

เมื่อผลสุดท้ายออกมา ในนามของเวินเฉี่ยน โรเบิร์ตเชิญกรรมการทุกท่านมาทานอาหารเย็น แต่มีบางคนหาข้ออ้างที่จะหลบเลี่ยง นอกจากเขาและโรเบิร์ต ก็ยังมีกรรมการอีกสองท่าน กรรมการที่ลงคะแนนให้หร่วนซิงหว่าน ดูเหมือนจะไม่อยู่ที่นั่น

นี่มันเรื่องบังเอิญอะไรกัน?

เมื่อได้ยินความเงียบจากปลายสาย หร่วนซิงหว่านก็รู้คำตอบและอธิบายให้หลุยส์ฟังว่า "ถ้าคุณเป็นกรรมการ คุณให้คะแนนงานที่คุณให้การสนับสนุนสูง แต่สุดท้ายแล้วผลงานนั่นก็ไม่ได้แชมป์ แต่เป็นอีกงานที่ได้แชมป์ คุณจะไปร่วมงานเลี้ยงของดีไซน์เนอร์ที่ชนะไหมคะ?"

หลุยส์ตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ตามหลักแล้ว ก็คงไม่

ด้านหนึ่งมันค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ที่ไม่ได้ให้คะแนนสูง ส่วนอีกด้านหนึ่งผลงานนั่นก็มีความสามารถที่จะได้รางวัลแต่ก็กลับแพ้

ในเวลานั้น หร่วนซิงหว่านไม่ได้แชมป์และเขาก็รู้สึกแปลกใจมาก ผลงานของเวินเฉี่ยนไม่ได้แย่ เธอก็มีจุดเด่นของเธอ เพียงแต่ว่า ในทุกแง่มุมมันแย่กว่างานของหร่วนซิงหว่านเล็กน้อย

และเหตุผลที่เขาไปทานอาหารเย็นวันนั้น ก็เพราะว่าเขาเป็นผู้ดูแลการแข่งขัน ไม่ว่าใครได้รางวัล เขาก็ต้องไปร่วมแสดงความยินดี

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆหลุยส์ก็เข้าใจอะไรบางอย่าง

หร่วนซิงหว่านยืนยันการคาดเดาของเธอได้แล้ว เธอไม่ต้องสงสัยเลยว่า ใครเป็นคนนำเสียงบันทึกนี้ให้กับสื่อ ภายในห้องอาหารวันนั้น รวมแล้วมีเพียงไม่กี่คน

เวินเฉี่ยนเป็นยังไง เธอรู้ดีที่สุด

หากเป็นเมื่อก่อนเธอจะคิดว่า การแข่งขันมีแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา เหตุการณ์นี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่า เวินเฉี่ยนไม่คู่ควรกับตำแหน่งแชมป์ เพราะเหตุนี้เอง เธอเลยกลัว กลัวถูกปล้นโอกาสที่ควรจะเป็นแชมป์ไป

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าตำแหน่งแชมป์ เวินเฉี่ยนสมควรที่จะได้รับ ก็คงจะไม่มีเหตุการณ์มากมายอย่างนี้ในภายหลัง

หลุยส์พูดเสียงขรึม "ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างดี และจะให้คำอธิบายกับคุณโดยเร็วที่สุดครับ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว