เมื่อมาถึงวันอาทิตย์ ท้องฟ้ามืดมิดไปด้วยเมฆสีครึ้ม อากาศแห้งแล้งร้อนอบอ้าว ราวกับฝนสามารถตกได้ทุกเมื่อ
เจียงหยวนรอตรงหน้าประตูห้องทดลองเป็นเวลานาน กว่าจะเห็นรถไมบัคสีดำขับมาทางเขา
หลังจากรถหยุดสนิท สายตาของหร่วนซิงหว่านก็หยุดลงตรงห้องทดลองที่อยู่ไม่ไกล
ไม่นาน เสียงของโจวฉือเซินก็ลอยมา "เราจะนั่งรถเขาไป"
หร่วนซิงหว่านดึงสติกลับมา ก่อนจะส่งเสียงตอบรับ และผลักประตูรถให้เปิดออก
เจียงหยวนเห็นพวกเขา จึงโบกมือทักทาย ไม่มีความรู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับ
เมื่อเห็นหร่วนซิงหว่านมองไปยังห้องทดลองอยู่ตลอด เขาจึงพูด "วางใจเถอะครับ ก่อนผมจะไปผมเตรียมทุกอย่างไว้อย่างดี"
หร่วนซิงหว่านพยักหน้าน้อยๆ ไม่พูดอะไร
เธอแน่ใจว่าถึงแม้จะมาถึงที่นี่ เธอก็ไม่เข้าไป
บนถนน เจียงหยวนกำลังขับรถ มองผ่านกระจกหลัง มองไปยังหร่วนซิงหว่านที โจวฉือเซินที คล้ายกับอยากถามอะไรบางอย่าง
โจวฉือเซินพูดอย่างสงบ "มีอะไรก็พูดมา"
เจียงหยวนกระแอมไอ มองไปข้างหน้าอีกครั้ง "ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ คือเงื่อนไขของตระกูลเจียงค่อนข้างเข้มงวด สักพักพวกคุณเข้าไปแล้ว อย่าไปไหนมั่วซั่ว อยู่ข้างผมไว้ ตอนเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ก็ไม่ต้องพูดอะไร ถ้าพวกคร่ำครึนั่นได้ยินเข้า พวกคุณจะซวยเอาได้"
"พูดให้มันละเอียดหน่อย"
"คร่าวๆก็คือต้องคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพบุรุษเป็นเวลาสิบวันครึ่งเดือน ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละมื้อก็จะมีผักใบเขียวและมะระให้กิน พูดให้สวยหรูก็คือ ให้คุณได้จดจำบทเรียนครั้งนี้เอาไว้"
ไม่ต้องพูดเลยว่ารสชาติมันจะน่าระทมทุกข์แค่ไหน
โจวฉือเซินพูด "รู้แล้ว"
เจียงหยวนหันศีรษะมาอย่างแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่า โจวฉือเซินในตอนนี้จะคุยง่ายขนาดนี้
เมื่อเผชิญกับดวงตาที่สงสัยของเขา โจวฉือเซินก็พูดอย่างไม่เร่งรีบ "มีข้อสรุปนี้ ดูท่าว่านายคงผ่านประสบการณ์มาไม่น้อย ฉันก็คงไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาให้ตัวเอง"
เจียงหยวน "......"
ถ้ารู้ล่วงหน้าก็ไม่ควรจะบอกเขาก่อนเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจียงหยวนก็พูดอีกว่า "แล้วก็ ไม่ว่าคุณต้องการจะถามอะไร คุณต้องรอให้พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษจบก่อนแล้วค่อยพูดนะครับ เจียงซ่างหานเขา ไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่คุณคิดหรอก มีเรื่องอะไรก็ถามเป็นการส่วนตัว อย่าไปพูดต่อหน้าคนของตระกูลเจียงจำนวนมาก"
ใบหน้าไร้อารมณ์ของโจวฉือเซินมองมาทางเขา เจียงหยวนเงียบไปทัน ก่อนจะตั้งใจขับรถไป
แต่วกกลับมาเรื่องเดิมก็คือ ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงซ่างหานซ่อนตัวจากเขามาโดยตลอด โจวฉือเซินก็คงไม่ไปหาที่ตระกูลเจียง
เขาก็แค่เตือนด้วยความหวังดีไหม ป้องกันไม่ให้ทั้งสองคนถูกลงโทษคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพบุรุษ
ตลอดทาง หร่วนซิงหว่านมองไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา ไม่ได้ฟังที่พวกเขาพูดมากนัก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอรู้สึกว่ามือของตัวเองถูกจับไว้น้อยๆ
หร่วนซิงหว่านหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
โจวฉือเซินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ผมไม่รู้ว่าหลังจากเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ข้างผมไว้นะ ห้ามห่างเลยแม้แต่ก้าวเดียว"
หร่วนซิงหว่านเม้มริมฝีปาก ก่อนจะพยักหน้า
เจียงหยวนมองไปยังนอกหน้าต่าง "ถึงแล้วครับ"
ภายนอก สามารถมองเห็นเงาของตระกูลเจียงได้ลางๆ
รถแล่นเข้าไปยังประตูใหญ่ลวดลายแกะสลักสองบาน ขับไปได้ไม่กี่นาทีต่อมา ลานบ้านที่งามและแปลกแบบโบราณก็ปรากฏสู่สายตา
คำคู่บนประตูเขียนอยู่สองคำคือ 'ตระกูลเจียง'
ในตอนนี้ หน้าประตูมีรถจอดอยู่ไม่น้อยเลย
ดูท่าเจียงหยวนจะมาถึงช้าไปเสียแล้ว
เขาเพิ่งจะลงจากรถ พลันก็มีเสียงดังมาว่า "นี่มันกี่โมงแล้ว ทำไมแกเพิ่งจะมา"
เจียงหยวนหันไปก่อนยิ้มและพูด "ลุงรอง ยังทันเวลาครับ อีกอย่าง คุณก็เพิ่งมาถึงนี่ครับ"
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนไม่พอใจเมื่อได้ยินคำพูด ก่อนทำท่าทางวางมาด "เพราะฉันมีการมีงานทำ แล้วแกล่ะ เพราะอะไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...