สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว นิยาย บท 619

เจียงซ่างหานขี้เกียจจะแก้ไขชื่อเรียกของเธอแล้ว เพียงแค่พูด "โวยวายพอแล้วก็ออกไป"

เจียงชูหนิงรีบวิ่งออกไปเร็วกว่ากระต่ายทันที

ในศาลบรรพบุรุษพลันเงียบลงฉับพลัน

เจียงซ่างหานมองไปทางสวี่เยว่ ก่อนพูดเสียงต่ำ "คุณป้า"

สวี่เยว่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนพูดด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อยช้าๆ "ที่คุณให้เจียงย่านบอกเรื่องเหล่านั้นกับฉัน มันจริงไหม?"

"เป็นความจริงทุกประโยคครับ"

สวี่เยว่เงียบอยู่นาน จึงพูด "ฉันมีเพียงแค่เงื่อนไขเดียว อย่าบอกความจริงกับฉือเซิน"

"ถึงผมจะไม่บอกเขา เขาก็สามารถสืบเจอได้ ยิ่งไปกว่านั้น คนพวกนั้นจงใจยั่วให้เขามายังเมืองเจียงโจว ก็เพื่อให้เขารู้เรื่องเหล่านี้"

"ให้เขารู้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้"

เจียงซ่างหานพูด "เจียงย่านได้กลับไปเมืองหนานเฉิงเพื่อสืบเรื่องนี้แล้วครับ อีกไม่กี่วันคาดว่าคงจะได้ข่าว"

สวี่เยว่ลอบถอนหายใจ "แม้จะสืบรู้ว่าใครบงการอยู่เบื้องหลังแล้วมันยังไง เรื่องที่เกิดในตอนนั้นก็เกิดขึ้นแล้ว และเปลี่ยนแปลงไม่ได้"

"คุณป้าวางใจเถอะครับ ผมจับตาดูเขาอยู่ ไม่ให้เข้ามายุ่มย่าม"

"ตอนนี้เมืองหนานเฉิง เมืองเจียงโจวกลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งที่ฉันเลือกทำโดยพลการในตอนแรก ฉันเป็นนักโทษของตระกูลเจียง ยิ่งไปกว่านั้น......"

"คุณป้า คุณไม่ต้องโทษตัวเองนักหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นเขาเห็นแก่ได้อำนาจของตระกูลเจียง และหลอกคุณ สิ่งต่างๆ จะไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรอกครับ"

สามสิบปีก่อน โจวปิ่งเฉียงพ่อของโจวฉือเซิน ได้มาคุยธุรกิจที่เมืองเจียงโจว เมื่อได้รู้จักสวี่เยว่ เขาก็เริ่มตามจีบอย่างโหมหนัก

สวี่เยว่ตอนนั้นยังใช้ชื่อเจียงเยว่ อาศัยอยู่ในตระกูลเจียงตั้งแต่เด็ก ละด้วยกฎเกณฑ์ที่ไม่ได้เขียนไว้เหล่านั้น เธอไม่เคยออกจากเมืองเจียงโจวเลย จากนั้นเธอก็เลยเริ่มที่จะสนใจชายหนุ่มรูปงามคนนี้จากเมืองหนานเฉิงอย่างมาก

ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางด้านเวลา คนในตระกูลเจียงจำนวนมาก ก็ไม่อาจยอมรับกฎเกณฑ์ปากเปล่านี้ได้ พวกเขาอยากออกไปดูสถานที่อื่น ที่นอกจากเมืองเจียงโจวบ้าง

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ถูกผูกมัดอยู่นาน จนได้บังเอิญเจอกับท่านใหญ่โจว ได้ฟังที่เขาเล่าเรื่องของโลกภายนอกมากมาย ความปรารถนาที่จะออกไปจากที่นี่ของเจียงเยว่ก็เพิ่มมากขึ้น

ในตอนนั้น ท่านใหญ่โจวได้ทำเรื่องราวที่น่าประทับใจมากมายเพื่อเอาชนะใจเธอ

หลังจากไปมาหาสู่กัน เธอก็ยิ่งตั้งใจแน่วแน่ที่จะออกจากเมืองเจียงโจว ตามเขากลับไปยังเมืองหนานเฉิง

อีกด้านก็เพื่ออิสรภาพ ส่วนอีกด้านก็เพื่อความรัก

แต่เธอไม่คิดเลยว่า ท่านใหญ่โจวกลับมีภรรยาอยู่แล้วที่เมืองหนานเฉิง

เมื่อเธอติดตามเขาไปที่เมืองหนานเฉิงด้วยความสนใจ ท่านใหญ่โจวก็เริ่มพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอลองโน้มน้าวใจให้พ่อของเธอ ให้นำธุรกิจของเมืองเจียงโจว มาขยายอำนาจของเขาและสร้างเส้นสายในเวลาเดียวกัน

เจียงเยว่เพียงแค่บอกเขาว่า ตั้งแต่เธอออกจากเมืองเจียงโจว เธอก็ได้ตัดสัมพันธ์กับตระกูลเจียงไปแล้ว

ตระกูลเจียงจะไม่รู้จักเธออีกต่อไป และก็ไม่สามารถเอาธุรกิจมาทำที่เมืองหนานเฉิงได้

ในตอนนี้เองที่ท่านใหญ่โจวก็ได้รู้ถึงกฎที่ไม่สามารถออกจากเมืองเจียงโจวของตระกูลจียง สีหน้าของเขาน่าเกลียดน่ากลัว และไม่มาหาเจียงเยว่ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายวัน

เจียงเยว่ไม่ทราบถึงสาเหตุ เมื่อเธอรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ เธอมีความสุขมากจนแทบรอบอกข่าวดีกับเขาไม่ได้

หลังจากออกจากโรงพยาบาล เธอก็มุ่งหน้าไปยังโจวซื่อเพื่อหาเขา

ที่นั่น เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับโจงเสียน กับโจวจู้นเหนียนที่มีอายุเพียงไม่กี่ขวบ

เธอยืนนิ่งถือผลการตั้งครรภ์อยู่ตรงนั้น ราวกับสายฟ้าฟาดเข้ากลางกาย

เมื่อต่อกับท่าทางที่ไม่แยแสเธอของท่านใหญ่โจวช่วงนี้ เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

ความทะเยอทะยานของท่านใหญ่โจวไม่มีความพึงพอใจต่อเมืองหนานเฉิงแล้ว ถึงแม้ว่าตระกูลโจงจะดี แต่ถ้าเทียบกับตระกูลเจียงแล้ว กลับเทียบไม่ได้แม้เพียงปลายเล็บ

ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าใกล้เจียงเยว่ เขาก็ได้คิดรอบคอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็คือให้เจียงเยว่มาที่เมืองหนานเฉิงกับเขาก่อน เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พ่อของเธอก็รักเธอมาก แน่นอนว่าต้องไม่ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองหนานเฉิงแน่

เมื่อเป็นอย่างนี้ ขอแต่ตระกูลเจียงมายังเมืองหนานเฉิง ก็สามารถอยู่ภายใต้กำมือของเขาโดยสมบูรณ์

เขาเพียงแค่ต้องแทรกซึมเข้าไปช้าๆ ไม่ช้าก็เร็ว วันหนึ่งเมืองเจียงโจวต้องเป็นของเขา

ขอเพียงแค่แผนสำเร็จ เขาก็สามารถเตะตระกูลโจงออกไปได้ทุกเมื่อ

แต่เขาไม่คิดเลยว่า ตระกูลเจียงจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่ง

กฎนี้ทำให้ความพยายามที่เขาทุ่มเทไปสองสามเดือน หายวับไปกับตา

ในใจเขาตอนนั้น มีแต่ความเกลียดชัง เกลียดที่ทำไมเธอไม่บอกเขาทุกเรื่องเสียแต่แรก

หลังจากที่เจียงเยว่เข้าใจทุกอย่าง ไม่ต้องรอเขาเพื่อขอคำอธิบายใด เธอกลับไปยังบ้านที่เธออาศัย เก็บข้าวของและย้ายออกไป

ถึงแม้จะรู้ ว่านี่เป็นอุบาย

แต่เธอเอง ก็ไม่สามารถกลับไปได้แล้ว

เธอก็ลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจคลอดเด็กคนนี้ออกมา

เธอกลับไปตระกูลเจียงไม่ได้แล้ว เด็กคนนี้ เป็นความหวังเดียวที่ทำให้เธอต้องมีชีวิตต่อไป

เจียงเยว่เปลี่ยนนามสกุล แล้วไปยังที่ที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครจะหาเจอเธอได้แห่งหนึ่ง

จากเจียงเยว่คุณหนูใหญ่ที่มีชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย มีกินมีใช้ จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นคนคนโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องพึ่งตัวเองให้มีชีวิตรอด กัดฟันตรากตรำไม่รู้วันรู้คืน

แต่ถึงแม้ชีวิตจะผ่านไปอย่างยากลำบาก แต่ในที่สุดลูกน้อยก็โตขึ้นทุกวันทุกวัน

สองคนแม่ลูกอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายปี

จนกระทั่งวันหนึ่ง จู่ๆท่านใหญ่โจวในชุดสูทสวมรองเท้าหนังก็ปรากฏขึ้นในตรอกซอยที่ทรุดโทรม

ผ่านไปหลายปี ก็ยังไม่เห็นความสำนึกผิดบนใบหน้าของเขา เพียงแค่ดูแก่ตัวลง สามารถเห็นผมสีขาวได้บางตา

เขาบอกกับสวี่เยว่ว่า ลูกชายของเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ขาทั้งสองข้างต้องพิการ ในอนาคตนั่งได้แค่เพียงรถเข็น ไม่สามารถรับผิดชอบในการสืบทอดตระกูลโจวได้

เขาบีบบังคับและหลอกล่อสวี่เยว่ บอกว่าหลังจากรับเด็กกลับไป จะเลี้ยงดูสั่งสอนโดยยึดตามทายาทของโจวซื่อ ไม่อย่างนั้น ในฐานะที่เป็นลูกนอกสมรส เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลโจวคนอื่นมาหาเขาเพื่อผลประโยชน์ เขาต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

สวี่เยว่นอนไม่หลับไปหลายคืน เธอมองไปยังบ้านที่ทรุดโทรม ซ่อนใบหน้าเพื่อร้องไห้

เธอไม่รู้ว่าทำไมเรื่องราวถึงเปลี่ยนไปอย่างนี้

ลูกชายของเธอควรจะถูกเลี้ยงดูอุ้มชูอย่างดีตั้งแต่เขายังเด็ก แต่กลับต้องมาลำบากกับเธอในสถานที่แบบนี้

สวี่เยว่ตอบรับคำขอของท่านใหญ่โจว ส่งลูกชายกลับไปยังตระกูลโจว ตัวเองก็ออกไปจากเมืองหนานเฉิง และไม่กลับมา เหมือนกับที่เธอออกไปจากเมืองเจียงโจว

และท่านใหญ่โจวก็ทำอย่างที่เขาได้พูดไว้ เขาเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เป็นทายาทคนต่อไปของโจวซื่อ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็หวาดกลัวอำนาจของทางฝั่งตระกูลเจียง กลัวว่าเด็กคนนี้จะถูกรับกลับตระกูลเจียงไปในสักวันหนึ่ง

นั่นเป็นเหตุผล ที่เขาไม่หยุดที่จะควบคุม และหวาดกลัวโจวฉือเซิน

แต่สุดท้ายแล้ว เขากลับไม่ได้รับอะไร ตัวเองกลับกลายเป็นอัมพาตทั่วร่าง

สวี่เยว่ดึงความคิดกลับมา นั่งตัวตรงมองไปยังแผ่นป้ายบรรพบุรุษ

ในตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าของนอกศาลบรรพบุรุษก็ลอยมา

เจียงซ่างหานพูด "คุณป้า ผมไปก่อนนะครับ"

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูศาลบรรพบุรุษ เขาก็มองไปยังคนที่มา แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร แล้วเดินจากไป

โจวฉือเซินยืนอยู่ข้างนอกศาลบรรพบุรุษ มองไปยังแผ่นหลังของสวี่เยว่ ผ่านไปไม่กี่นาที จึงก้าวเท้าเข้าไปหา คุกเข่าอยู่ข้างหลังเธอ

เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว สวี่เยว่หันมา พูดเสียงต่ำ "ลูกไม่ต้องคุกเข่าหรอก"

สีหน้าของโจวฉือเซินไม่เปลี่ยน พลางพูดอย่างสงบ "ผมไม่ได้คุกเข่าให้เขา"

เขาพูด "แม่คุกเข่า ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมต้องยืน"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว