หลังจากหลินหนานนำตัวชายคนนั้นออกไปแล้ว และกลับมายังห้องทำงาน เขามองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้ากระจกหน้าต่างทรงสูง ก่อนพูดเสียงเบา "ประธานโจวครับ......"
โจวฉือเซินไม่ตอบสนอง ดวงตาของเขาแข็งกระด้าง ไร้คลื่น
ขณะที่หลินหนานพยักหน้าเล็กน้อยเตรียมจะจากไป โจวฉือเซินก็พูดขึ้นมาทันทีว่า "นายคิดว่าเขาพูดเรื่องจริงไหม"
หลินหนานเงียบไปนิด ก่อนจะพูด "ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร สรุปแล้วก็คือบอกให้ทราบถึงจุดประสงค์อื่น ประธานโจวไม่ต้องไปให้ความสนใจหรอกครับ"
โจวฉือเซินถามกลับอย่างสงบ "ไม่ต้องให้ความสนใจ?"
"พวกเขาก็เพียงแค่ต้องการให้ช่วยคุณท่านออกมาเท่านั้น ก็เลยมาขอร้องประธานโจว และพูดเรื่องพวกนี้ ก็เพื่อยั่วให้ประธานโจวโกรธ ทำให้คุณบาดหมางกับคุณชายใหญ่ และความปรารถนาของพวกเขาก็จะสำเร็จ"
"แต่นายก็รู้ ว่าสิ่งที่เขาพูดทั้งหมดคือเรื่องจริง ไม่ใช่เหรอ"
หลินหนานเงียบไปทันที ไม่พูดอะไร
หัวข้อนี้ อย่างไรก็ดำรงอยู่ในใจของโจวฉือเซินโดยไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้
หลังจากที่โจงเสียนเสียชีวิต ได้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นติดต่อกันในเมืองหนานเฉิง และเมืองเจียงโจว การพัฒนาของสภาพการณ์ มันอยู่ไกลเกินกว่าการขอบเขตควบคุมและความสามารถของโจงเสียนนานแล้ว
ถ้าหากเธอมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เธอก็คงไม่ฆ่าตัวตายเพื่อให้โจวจู้นเหนียนโกรธแค้นโจวฉือเซิน
แรกเริ่มเดิมที พวกเขาคิดว่าโจงเสียนติดต่อกับทางฝั่งเมืองเจียงโจวมาโดยตลอด แต่ในที่สุดพวกเขาก็พบว่า โจงเสียนไม่รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของตระกูลเจียงด้วยซ้ำ
และคืนก่อนที่โจงเสียนจะปลิดชีพตัวเอง เธอสั่งให้พี่เลี้ยงฆ่าเด็กต่อหน้าทุกคน
ไม่ว่าเด็กจะถูกฆ่าสำเร็จหรือไม่ ไม่ว่าโจวฉือเซินหรือว่าท่านใหญ่โจวจะไม่ยอมปล่อยเธอไป
ตอนนั้น เธอก็ได้ตัดสินใจที่จะตายแล้ว
นี่คือแผนของโจงเสียน
ถ้าเธอเป็นคนทำเรื่องฉีดสารอาหาร เธอไม่ต้องฆ่าตัวตายเลย แค่เฝ้ารอให้เด็กป่วยอย่างเงียบๆ มองดูพวกเขาเป็นห่วงและกังวลอย่างไร้ทางแก้ ถึงจะเป็นวิธีที่ดีในการบรรเทาความเคียดแค้นของเธอ
หลังของการฉีดสารอาหาร ยังพาการโจมตีมาสู่เมืองเจียงโจวอีกด้วย หรือกล่าวอีกนัยก็คือ เข็มสารอาหารเป็นเพียงประตูที่เปิดอ้าสำหรับพวกเขา ล่อลวงให้พวกเขาเปิดประตู เพื่อไปค้นพบสิ่งที่อยู่หลังประตู
แต่คนที่สร้างประตูนี้ ก็อยากให้ตัวของโจวฉือเซินเอง ไปสืบค้นความจริงของเรื่องเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
ความจริงมาถึงขั้นนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร ก็มีเค้าลางบางๆบอกอยู่แล้ว
โจวฉือเซินกลับไม่ให้พวกเขาไปสืบเพิ่ม
มาถึงตรงนี้ ก็พอแล้ว
นานกว่าที่โจวฉือเซินจะพูด "นายคิดว่าฉันเห็นแก่ตัวมากไหม"
หลินหนานไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ได้แต่เงียบ
โจวฉือเซินคงไม่คิดอยากจะฟังความเห็นของเขาอีก จึงพูดต่ออย่างสงบว่า "ฉันกลัวว่าถ้าสืบต่อไปอีก จะทำให้หร่วนซิงหว่านสังเกตได้ทุกอย่าง"
"เธอเคยมั่นใจว่าโจวจู้นเหนียนเป็นคนดีคนเดียวในตระกูลโจว และเป็นความอบอุ่นเดียวที่เธอรู้สึกได้ในตระกูลโจว"
"แต่ถ้าเธอรู้ว่า โจวจู้นเหนียนเป็นคนริเริ่มเรื่องทุกอย่าง เธอจะคิดยังไง?"
"ฉันเองก็เห็นแก่ตัว ฉันคิดอยู่เสมอ ว่าสิ่งที่ฉันสืบเจอมันอาจจะผิด ฉันอยากจะรอ บางทีอาจจะมีจุดเปลี่ยนใหม่ก็ได้"
"ไม่ใช่แค่หร่วนซิงหว่าน เขาก็เคยให้ฉันเห็นถึงแสงสว่างในสถานที่ที่น่าขยะแขยงอย่างตระกูลโจวเช่นเดียวกัน"
โจวฉือเซินคิดว่าเข้าใจคนที่เขาเรียกว่าพี่มายี่สิบกว่าปีมากพอ
แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ โจวจู้นเหนียนที่โจวฉือเซินรู้จัก ค่อยๆเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนหลอกลวง
อย่างน้อย ในช่วงหลายปีที่เขาถูกตระกูลโจวรับเลี้ยง โจวจู้นเหนียนก็ปฏิบัติกับเขาอย่างจริงใจ
หลินหนานเป็นผู้ช่วยของโจวฉือเซินมาหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้ยินเขาพูดมากมาย พูดมาจากใจจริง และทุกคำพูดก็สร้างความปวดร้าว
ที่สำคัญ เขาเองก็ไม่ถนัดในการตอบคำถามประเภทนี้ด้วยสิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...