ช่วงค่ำ ในตอนที่โจวฉือเซินกลับมานั้น ก็เห็นในห้องรับแขกมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่สองคน
คนหนึ่งคือเพ้ยซานซาน อีกคนหนึ่งคือหร่วนเฉิน
พอเพ้ยซานซานเห็นเขา ก็ยื่นมือออกไปทักทายเขาอย่างเป็นมิตร "สวัสดีค่ะประธานโจว"
โจวฉือเซินกวาดตามองเธอทีหนึ่ง แล้วสายตาก็เคลื่อนไปอยู่ที่ห้องครัว
หร่วนซิงหว่านกำลังทำอาหารอยู่
โจวฉือเซินก้าวเท้าเดินเข้าไป แล้วจ้องมองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ
สบเข้ากับสายตาของหร่วนซิงหว่าน แล้วก็ค่อย ๆ แสดงความสงสัยออกมาทีหนึ่ง
โจวฉือเซินเปิดปากพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ "คุณอยากเหนื่อยอีกแล้วเหรอ?"
หร่วนซิงหว่าน "......"
พอรู้ว่าเขาหมายความอะไร คนสองคนที่นั่งอยู่ข้างนอก คนหนึ่งคือน้องชายของเธอ อีกคนหนึ่งคือเพื่อนของเธอ
ใบหน้าทั้งหน้าของหร่วนซิงหว่านแดงไปจนถึงคอขึ้นมาในพริบตา เธอกัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า "คุณพูดจาไร้สาระอะไรเนี่ย!"
โจวฉือเซินพูดอย่างสงบเยือกเย็นขึ้นว่า "งั้นทำไมเพิ่งจะผ่านไปแค่ไม่กี่วัน ก็เรียกพวกเขามากินข้าวอีกแล้ว"
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้น "คราวที่แล้วไม่ได้เรียกเสี่ยวเฉินมาด้วย และที่สำคัญ......ที่สำคัญเขาก็หยุดสุดสัปดาห์ด้วย ให้เขามากินข้าวสักมื้อก็ไม่มีอะไร"
หัวคิ้วของโจวฉือเซินเลิกขึ้นเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพึงพอใจกับคำตอบนี้ของเธอหรือเปล่า
หร่วนซิงหว่านผลักตัวเขาออกไป "เอาล่ะ คุณอย่ามายืนให้ฉันรำคาญอยู่ที่นี่ ไปทำเรื่องที่คุณควรทำได้แล้ว"
พูดไปแล้ว เธอก็ร้องเรียกขึ้นมาคำหนึ่งด้วย "เสี่ยวเฉิน แกเข้ามาช่วยฉันหั่นผักหน่อยเร็ว"
หร่วนเฉินตอบรับไปคำหนึ่ง แล้วเดินเข้าห้องครัวไป
โจวฉือเซินมองไปที่หร่วนเฉินด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจน "นายทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ?"
หร่วนเฉินถือมีดขึ้นมา แล้วพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า "เป็นมนุษย์คนหนึ่งก็คงจะทำเป็นกันทั้งนั้นแหละครับ"
โจวฉือเซิน "......"
หร่วนซิงหว่านอดไม่ไหวจนหลุดขำออกมา
ไม่ได้ทำร้ายมากมาย แต่ว่าแรงเหยียดหยามนั้นสูงมาก
ก่อนที่โจวฉือเซินจะเปิดปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง หร่วนซิงหว่านก็ผลักตัวเขากลับเข้าห้องนอนไปเลย
พอกลับมาที่ห้องครัวอีกครั้ง หร่วนซิงหว่านก็ล้างผักไป แล้วถามขึ้นว่า "ช่วงนี้แกอยู่ที่มหาลัยเป็นยังไงบ้าง?"
"ก็อย่างนั้นแหละ ไม่มีอะไรแตกต่าง"
หร่วนซิงหว่านไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ "จริงเหรอ?"
หร่วนเฉินเคยปรากฏตัวขึ้นมาบนเทรนฮิตตั้งหลายครั้งแล้ว ถ้าจะบอกว่าชีวิตของเขายังคงเป็นเหมือนเดิม มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่
ท่าทางที่หั่นผักของหร่วนเฉินหยุดนิ่งไปเล็กน้อย เหมือนกับจะนึกอะไรขึ้นมาได้ "มีคนอยากแอบปะปนเข้ามาในมหาลัย แต่ว่าโดนยามจับได้ซะก่อน ก็เลยทำไม่ได้สมใจ"
สำหรับเรื่องอย่างอื่น หร่วนเฉินก็ไม่ได้เอามาใส่ใจซะเท่าไหร่
ไม่มีอะไรแตกต่างจากเมื่อก่อนซะเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าคนที่ขวางทางเดินเขาในมหาลัยเปลี่ยนเป็นเยอะขึ้นมาหน่อยเท่านั้น
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้น "ยังไงแกก็ให้บริษัทมาปรึกษากับแกหน่อยเถอะ หาผู้ช่วยมาให้สักคนน่าจะดีกว่า ฉันเห็นพวกซาแซงแฟนในอินเทอร์เน็ตดูน่ากลัวจะตายไป ไม่แน่อาจจะตามมาถึงบ้านแกแล้วก็ได้"
พูดมาถึงตรงนี้ หร่วนซิงหว่านเองก็รู้สึกว่านี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง "ที่พักของแกในตอนนี้มันไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันซื้อบ้านใหม่ที่มันดูปกปิดมิดชิดกว่านี้ให้แกใหม่สักชุดดีกว่า"
หร่วนเฉินพูดขึ้น "ไม่ต้องหรอก ถ้าผมอยากจะย้ายบ้านละก็ ไปหาบริษัทก็ได้"
ในตอนที่พูดนั้น เขาก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดไปถึงไหนแล้ว
"งั้นตัวแกอยู่ข้างนอกต้องระวังตัวให้ดีหน่อยนะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันนะ"
"รู้แล้วครับ"
หร่วนซิงหว่านล้างผักเสร็จ ก็มองไปที่เขาทีหนึ่ง พอลังเลไปครู่หนึ่งแล้ว ก็หยิบมีดเล็กที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาแล้วยื่นไปให้ "แกปอกกระเทียมไปด้วยเลยดีกว่า"
ในตอนที่หร่วนเฉินยื่นมือมารับนั้น มือของหร่วนซิงหว่านก็หมุนเปลี่ยนทิศทางไป
มีดเล็กบาดลงบนนิ้วมือของหร่วนเฉินเบา ๆ จนเป็นแผลเล็ก ๆ อันหนึ่ง
หลายวินาทีผ่านไป ก็มีเลือดซึมออกมาหยดเล็ก ๆ
หร่วนซิงหว่านรีบวางมีดลงทันที แล้วดึงกระดาษออกมาสองแผ่นไปเช็ดเลือดให้กับเขา "ขอโทษนะ ฉันเหม่อลอยไปชั่วขณะ......"
หร่วนเฉินพูดขึ้น "ไม่เป็นไรหรอกครับ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...