พอได้ยินลู่จื่อเซี่ยนเอ่ยชื่อ “เซี่ยซีหวั่น” ลู่อินอินก็ตกใจ “จื่อเซี่ยน หลานรู้จักเซี่ยซีหวั่นเหรอ ใช่ ผู้หญิงที่มีพรสวรรค์คนนี้ก็คือเซี่ยซีหวั่น ป้าก็อยากจะแนะนำให้หลานได้รู้จัก”
“คุณป้า ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ!” ลู่จื่อเซี่ยนวางสายไปทันที
เด็กคนนี้!
ลู่อินอินเก็บโทรศัพท์มือถือ ในใจรู้สึกสงสัยเล็กน้อย หรือว่าจื่อเซี่ยนกับซีหวั่นจะรู้จักกันมาก่อน
เมื่อครู่จื่อเซี่ยนยังบอกว่าจะไม่มา แต่พอได้ยินชื่อของเซี่ยซีหวั่นก็เปลี่ยนใจทันที แถมยังรีบร้อนมาที่นี่ด้วย นี่ดูเหมือนจะแสดงถึงอะไรบางอย่าง
……
เซี่ยซีหวั่นถือแก้วไวน์เอาหนึ่งใบ จิบไวน์หนึ่งอึก เวลานี้เองเซี่ยเหยียนเหยียนก็เดินมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ถามด้วยเสียงเบาๆว่า “หวั่นหวั่น เธอไปรู้จักกับท่านอธิการบดีได้ยังไง เธอมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า”
เซี่ยซีหวั่นรู้ว่าตอนนี้ในใจเซี่ยเหยียนเหยียนทุรนทุรายร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟสุมทรวง เพราะเรื่องวุฒิการศึกษาและการเรียนแพทย์เป็นสิ่งที่เซี่ยเหยียนเหยียนภาคภูมิใจ และก็เป็นความสำเร็จในชีวิตของเธอ พอความภาคภูมิใจนี้หายไป เช่นนั้นเธอไร้ค่าแล้ว
“เซี่ยเหยียนเหยียน สิ่งที่เธอรักมากที่สุดคืออะไร ใช้ช่วงเวลานี้ให้เต็มที่เถอะ เพราะฉันจะแย่งสิ่งที่เธอรักมาทีละอย่าง จะให้เธอได้ลิ้มรสชาติของการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างและการถูกทอดทิ้งเมินเฉยจากโลกใบนี้แบบที่ฉันโดนเมื่อสิบปีก่อน”
หัวใจของเซี่ยเหยียนเหยียนดิ่งวูบลงไปไม่หยุด เซี่ยซีหวั่นรู้จักอธิการบดี เธอคิดว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น ยังมีเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้ในภายหลัง
เซี่ยเหยียนเหยียนกำหมัดแน่น “หวั่นหวั่น งั้นพวกเราจะได้เห็นดีกัน!”
เวลานี้เองลู่อินอินร้องเรียกที่ด้านข้างว่า “ซีหวั่น เธอมานี่หน่อย”
ลู่อินอินกำลังเรียกเธอแล้ว เซี่ยซีหวั่นวางแก้วไวน์ลงอย่างรวดเร็ว เธอมองเซี่ยเหยียนเหยียนด้วยสายตารู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะ ฉันต้องไปก่อนแล้ว”
เซี่ยซีหวั่นเดินมาข้างๆลู่อินอิน ลู่อินอินจูงมือเล็กๆของเธอออกไป
เซี่ยเหยียนเหยียนมองไปทางที่ทั้งสองคนเดินหายลับไป ในใจก็อิจฉาจนแทบกระอักเลือด เมื่อครู่ลู่อินอินไม่ได้เหลียวมองเธอเลย ในสายตาเธอมีแต่เซี่ยซีหวั่น!
ปกติแล้วเซี่ยเหยียนเหยียนเกลียดความรู้สึกที่ถูกเมินเฉยไม่ให้ความสำคัญแบบนี้ เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนเธออยู่ข้างหลังเซี่ยซีหวั่นกับเย่หลิง เรียกว่าเธออาศัยใบไม้สีเขียวทำตัวกลมกลืนไป ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกที่เหมือนไม่มีตัวตน แล้วยังถูกซุบซิบหัวเราะเยาะว่าเป็นผู้ติดตามที่โง่เง่าอะไรพวกนั้นอีก
……
เซี่ยซีหวั่นเดินไปกับลู่อินอินแล้ว เธอถามอย่างสงสัยว่า “ท่านอธิการบดีคะ จะพาฉันไปไหนเหรอคะ ไปพบคนสำคัญคนนั้นเหรอคะ”
ลู่อินอินพยักหน้า “ใช่แล้วซีหวั่น ตอนนี้ฉันจะแนะนำคนคนนี้ให้เธอรู้จัก! ดูสิ เขามาแล้ว!”
เซี่ยซีหวั่นเงยหน้าขึ้นมา ในสายตามองเห็นร่างสูงใหญ่ที่หล่อเหลา ลู่จื่อเซี่ยนมาแล้ว
ลู่จื่อเซี่ยนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ท่าทางดูสะอาดสะอ้านเย็นชา ในมือเขายังถือเสื้อคลุมเบสบอลสีดำ เขาเพิ่งมาจากข้างนอก ไม่นาน เขาก็หยุดฝีเท้าลง
ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ขนตางอนยาวของเซี่ยซีหวั่นกะพริบขึ้นลง เธอคิดไม่ถึงว่าคนสำคัญที่ท่านอธิการบดีบอกด้วยท่าทางมีลับลมคมในจะเป็นเขา
แน่นอนว่าลู่จื่อเซี่ยนมองแวบแรกก็เห็นเซี่ยซีหวั่นที่อยู่ข้างหน้าแล้ว หญิงสาวผู้งดงามยืนอยู่ภายใต้แสงไฟ ดวงตาสดใสแฝงด้วยความสงสัยมองมาที่เขา
สองปีก่อนเธอไปที่เมืองตี้ดู เด็กสาวที่อายุยังไม่ถึง18อ่อนเยาว์อย่างยิ่ง แต่ก็ยากที่จะซ่อนร่างบอบบางที่งดงามนั้นเอาไว้ได้ลู่จื่อเซี่ยนยังจำได้ว่าวันนั้นเธอสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ เป็นเด็กสาววัยรุ่นที่สดใสน่ารัก
ลู่อินอินยกมือขึ้นมาตีลู่จื่อเซี่ยน “เด็กคนนี้ บ้าไปแล้วหรือไง เอาเวลาของตัวเองมานอนหลับ ทำให้ซีหวั่นเกิดภาพความทรงจำที่แย่ๆแบบนี้”
เซี่ยซีหวั่นคิดไม่ถึงว่าลู่อินอินจะตีลู่จื่อเซี่ยน ถ้ารู้แต่แรกเธอคงไม่พูด เธอเงยหน้ามองลู่จื่อเซี่ยน รู้สึกผิดเล็กน้อย “ดูเหมือนฉันจะทำผิดแล้ว ฟ้องเรื่องคุณ…”
ลู่จื่อเซี่ยนมองเซี่ยซีหวั่น เสียงหญิงสาวอ่อนโยนแผ่วเบา แฝงด้วยความความรู้สึกผิดและรอยยิ้มที่มีความสุข ช่วงที่มองซ้ายแลขวานั้นเหมือนกับ…ลูกแมวน้อย
แม่สื่ออย่างลู่อินอินสังเกตสีหน้าท่าทางอยู่ตลอดเวลา เธอเห็นสายตาลู่จื่อเซี่ยนมองเซี่ยซีหวั่นอยู่ตลอดเวลาก็รู้ว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จแล้ว “ซีหวั่น จื่อเซี่ยนของพวกเราไม่ใช่คนขี้เซา เขาอาจจะเบื่อ ก็เลยนอนเพื่อฆ่าเวลา จื่อเซี่ยนของเราเป็นอัจฉริยะของวงการแพทย์ เขาเป็นนักวิชาการของเมืองตี้ดูตั้งแต่อายุ 20 ปี ”
เก่งขนาดนี้เชียวเหรอ
เซี่ยซีหวั่นเคยเจอกับนักวิชาการเมืองตี้ดูมาบ้าง แต่พวกเขาก็มีแต่คนสูงอายุ ผอ.หลี่ถือว่าค่อนข้างหนุ่มแล้ว เธอเพิ่งเคยเห็นนักวิชาการที่อายุน้อยอย่างลู่จื่อเซี่ยนเป็นครั้งแรก ดูแล้วเขาน่าจะอายุประมาณ24
เธอยังคิดว่าเขาเข้ามาทำงานใช้ชีวิตที่ซูมี่ไปวันๆไร้จุดหมาย
“งั้นก็เสียมารยาทแล้วจริงๆ ต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เซี่ยซีหวั่นกระตุกยิ้มมุมปากแดง
ลู่จื่อเซี่ยนมองเธอ ริมฝีปากบางที่เย็นชานั้นกระตุกเป็นรอยยิ้มบางๆ เธอจำเขาไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขากับเธอมีความสามารถพอๆกัน
ลู่หานถิงมาถึงคนสุดท้าย พอเขาปรากฏตัวแน่นอนว่าก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในงานทันที ทุกคนต่างมารุมต้อนรับเขา เขาพูดคุยทักทายเล็กน้อยจากนั้นก็ไปหาลู่อินอิน
เพิ่งจะเลี้ยวที่หัวมุม ทันใดนั้นเขาก็ชะงักฝีเท้าลงทันที เพราะภาพของลู่จื่อเซี่ยนและเซี่ยซีหวั่นที่เขาเห็นข้างหน้า
แสงไฟสีเหลืองนวลที่ส่องสว่างลงมาด้านล่าง ลู่จื่อเซี่ยนและเซี่ยซีหวั่นยืนหันหน้าเข้าหากัน คนหนึ่งเป็นนักวิชาการที่อัจฉริยะ คนหนึ่งเป็นสาวสวยผู้มีพรสวรรค์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีพันล้าน รักฉันให้มีสติหน่อย
นิยายที่เคยอ่านแล้วชอบหายไปหลายเรื่องเลยค่ะชอบอ่านซ้ำบางเรื่องอ่านจบแล้วก็มาเริ่มใหม่แต่ก็ไม่ต่อเนื่องค่ะ...