เจิ้งเจี๋ยเอาผ้าเช็ดหน้าของเขาซับเหงื่อตรงหน้าผากให้กับฟางเหนียง ส่วนฟางเหนียงได้แต่นั่งแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น เจิ้งเจี๋ยจึงค่อยๆ ยื่นมือไปจับมือนางอย่างเบามือ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ” นางหันไปมองหน้าเขาอย่างช้าๆ เขายื่นมือมาสัมผัสที่ใบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม แล้วค่อยๆ ขยับใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของนางเรื่อยๆ สายตาที่เขามองนางมานั้น มันเป็นเหมือนมนต์สะกด ให้นางค่อยๆ หลับตาพริ้มแล้วเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่เขามอบให้
เจิ้งเจี๋ยมองภรรยาของเขาที่ตอนนี้ยังหลับสนิทอยู่ ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข เขาไม่ได้ปลุกนางแต่อยากให้นางได้พักผ่อนให้มากหน่อย เขาลงจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบที่สุดเพราะกลัวว่านางจะตื่น เขารีบไปทำกับข้าวไว้ให้นาง แล้วจึงออกไปทำงานรับจ้าง
“อื้ม!!! ทำไมเมื่อยตัวอย่างนี้เนี่ย” นางลืมตาขึ้นมาก็ไม่เห็นเจิ้งเจี๋ยแล้ว จึงบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อย ฟางเหนียงนึกได้ว่าตนเองเมื่อยตัวเพราะอะไร ใบหน้าของนางก็มีสีแดงระเรื่อออกมาทันที นางกุมใบหน้าของตนเองอย่างเขินอายอยู่สักพักจึงค่อยๆ ลุกออกจากเตียงเพื่อจะเข้าครัวไปทำกับข้าว ฟางเหนียงออกมาก็เห็นว่ามีกับข้าวอยู่บนโต๊ะกินข้าวอยู่แล้ว จึงเผลอยิ้มออกมาเบาๆ แล้วนั่งลงกินข้าวอย่างมีความสุข นางเทน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงไปในกาน้ำดื่มลงไปนิดหน่อย หากเขากลับมาจากทำงานดื่มน้ำในกานี้แล้วจะได้หายเหนื่อย
เจิ้งเจี๋ยกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกว่าอาการป่วยของตนเองแย่ลง เพราะในยามนี้เขารู้สึกเวียนหัวเป็นอย่างมาก แล้วเขาก็เริ่มอาเจียนออกมา เฮี้ย เอี้ย ฟางเหนียงที่กำลังทำกับข้าวอยู่ก็รีบวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ฟางเหนียงยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เพราะกำลังตกใจกับกองเลือดที่เจิ้งเจี๋ยอาเจียนออกมา พอตั้งสติได้นางก็วิ่งเข้าไปหาเขาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง “เจิ้งเจี๋ย เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงมีเลือดออกมาเยอะถึงเพียงนี้” เจิ้งเจี๋ยยิ้มให้นางแล้วส่ายหัวไปมา“ขะ ข้า ไม่เป็นไร” ฟางเหนียงรีบพาเจิ้งเจี๋ยเข้าไปในห้องก่อน แล้วเช็ดคราบเลือดให้เขา ใบหน้าของเจิ้งเจี๋ยในยามนี้ซีดเซียวเป็นอย่างมาก ฟางเหนียงรีบวิ่งออกไปตามหมอทันที แต่ลืมไปว่าไม่รู้หมออยู่ที่ไหนจึงแวะถามชาวบ้านแถวนั้นจนหาตัวท่านหมอพบ นางพาท่านหมอมาถึงบ้านก็รีบให้ท่านหมอเข้าไปตรวจอาการของเจิ้งเจี๋ยทันที
“ท่านหมอ สามีของข้าเป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ” ท่านหมอทำหน้าเคร่งเครียดแล้วตอบนางด้วยเสียงที่ให้นางทำใจกับเรื่องนี้ “สามีของเจ้าถูกพิษ แต่ข้าไม่รู้ว่าพิษชนิดใด รู้แค่ว่าสามีของเจ้าถูกพิษที่รุนแรงมาก น่าจะเป็นพิษที่ค่อยๆ ออกฤทธิ์ ถึงทำให้ร่างกายของเขาซูบผอมเช่นนี้ พิษที่อยู่ในร่างกายของเขาน่าจะค่อยๆ แพร่กระจายมาหลายปีแล้ว ครั้งนี้ร่างกายน่าจะรับไม่ไหวถึงได้อาเจียนออกเป็นเลือดเช่นนี้ ถึงขั้นนี้แล้วคงรักษาไม่ได้แล้วล่ะ ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้จริงๆ” ท่านหมอพูดจบก็กลับไปทันที เพราะรู้ว่าไม่มีทางรักษา อาการหนักถึงเพียงคงได้แต่นอนรอความตายเพียงเท่านั้น
นี่มันอะไรกันอยู่ๆ หมอก็มาบอกว่าสามีของนางกำลังจะตาย จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกัน เมื่อวานนี้ก็ยังดีอยู่เลยไม่เห็นจะมีอาการผิดปกติสักนิด เขาเป็นสามีนางยังไม่ถึงวันด้วยซ้ำ จะมาตายจากนางไปแล้วอย่างนั้นรึ นางตั้งตัวไม่ทันจริงๆ ยามนี้นางสับสนไปหมดแล้ว “โฮสต์ ยาสมุนไพรอยู่ในตู้” ระบบที่เห็นฟางเหนียง ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนั้นจึงรีบเตือนนางในทันที “อ่า ใช่แล้ว ข้าลืมไปได้เยี่ยงไรกัน” นางรีบเดินเข้าไปในห้องแล้วหยิบยาสมุนไพรออกมา แล้วเทผสมกับน้ำเปล่า เพราะยาสมุนไพรขวดนี้มีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก หากดื่มแค่ยาสมุนไพรอย่างเดียวอาจทำให้ร่างกายรับไม่ไหวได้ ฟางเหนียงค่อยๆป้อนยาให้เขาจนหมดหนึ่งถ้วย แล้วนั่งรอดูอาการเขาว่าจะเป็นอย่างไร นางกระวนกระวายใจมากไม่รู้ว่ายาที่ให้เขาดื่มไปนั่นจะได้ผลหรือไม่ ฟางเหนียงที่รอเจิ้งเจี๋ยไปถึง 2 ชั่วยาม เจิ้งเจี๋ยก็เริ่มลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ฟางเหนียงเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปถามอาการของเขาในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ