สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ นิยาย บท 24

หลังจากที่ตากดินให้แห้งจนครบ 7 วันแล้ว ฟางเหนียงกับเจิ้งเจี๋ยได้ผสมปุ๋ยคอกกับดินเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ลงมือปลูกผักกันทันที นางจะปลูกมะเขือเทศ ผักกาดขาว กะหล่ำปลี พริก นางแบ่งพื้นที่ให้เป็น 4 แปลงแล้วทำการปลูกผักแต่ละชนิดลงไปในแต่ละแปลง และนางก็ได้ทำแปลงเล็กๆ ไว้เพาะกล้าด้วย

แปลงแรกคือการปลูกผักกาดขาว นางเพาะกล้าในแปลงเล็กที่เตรียมไว้ แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปให้ทั่วพื้นผิวแปลง แล้วเอาปุ๋ยคอกที่นางซื้อไว้มาหว่านกลบ แล้วใช้หญ้าแห้งที่นางกับเจิ้งเจี๋ยไปเกี่ยวแล้วตากไว้จนแห้ง เอามาคลุมแปลงบางๆ แล้วค่อยรดน้ำให้ทั่วแปลง นางเอาต้นกล้าที่ปลูกได้ 5 วัน ย้ายลงแปลงใหญ่แล้วคลุมด้วยหญ้าแห้ง แล้วรดน้ำ ผักกาดขาวจะใช้เวลาในการเติมโตประมาณ 40 วัน แต่นางใช้เวลาแค่ 13 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว

แปลงที่สองนางปลูกมะเขือเทศ นางทำการเพาะกล้า ให้ต้นกล้าโตขึ้นประมาณ 5 วัน นางจึงเอาต้นกล้าลงแปลงเล็กก่อนรอจนครบ 10 วันนางจึงทำการย้ายต้นกล้าลงแปลงใหญ่ใส่ปุ๋ยแล้วตั้งเสาเอาไว้ข้างๆ ต้นกล้า แล้วตัดแต่งกิ่งแขนงออกโดยเหลือเพียง 1-2 กิ่งต่อต้น เพื่อให้ได้มะเขือเทศผลใหญ่ขึ้น ปกติแล้วมะเขือเทศจะรอประมาณ 70 วันถึงจะเก็บเกี่ยว แต่นางมีปุ๋ยวิเศษอยู่ ใช้เวลาแค่ 25 วันนางก็เก็บผลผลิตได้แล้ว

แปลงที่สามนางปลูกกะหล่ำปลี นางทำการเพาะกล้าเช่นกัน แต่ใช้เวลาในการเพาะกล้า 14 วัน ถึงจะย้ายลงแปลงใหญ่ และรอเวลาในการเก็บเกี่ยว 20 วัน

แปลงที่สี่ก็คือพริก ต้นกล้าที่นางเพาะได้ประมาณ 5 วัน นางจะทำการถอนต้นกล้าที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เมื่อต้นกล้าอายุได้ 14 วัน นางถึงจะย้ายลงไปในแปลงใหญ่ หลังจากนั้นรอประมาณ 1 เดือนนางก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว

ผักที่นางปลูกทั้ง 4 ชนิดจะใช้เวลาเก็บเกี่ยวที่ต่างกัน และวันนี้นางจะทำการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวก่อน เพราะตอนนี้ผักกาดขาวของนางถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว “ฟางเหนียง ทำไมผักกาดขาวของเจ้า มันใหญ่ถึงเพียงนี้ล่ะ ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ไม่เคยเจอมาก่อน” เจิ้งเจี๋ยตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็นกับตา ฟางเหนียงใช้เวลาปลูกไม่ถึง 20 วันด้วยซ้ำ แต่ผักกาดขาวของนางทั้งใหญ่ทั้งสมบูรณ์ “ว้าว!!ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ถึงเพียงนี้เช่นกัน” นางเดินเข้าไปดูผักกาดขาวใกล้ๆ หัวเดียวกินได้ถึง 3 หลังคาเรือนเลยมั้ง จะใหญ่ไปไหน “เจิ้งเจี๋ยเจ้ามาช่วยข้าเก็บผักกาดขาวเร็วเข้า วันนี้ข้าจะเอาไปขายที่อำเภอ” ฟางเหนียงตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับผักที่ใหญ่และสมบูรณ์ของนาง เจิ้งเจี้ยรีบทำตามที่นางบอกทันที ทั้งสองคนเก็บเกี่ยวกันอย่างมีความสุข เจิ้งเจี๋ยหันไปมองฟางเหนียงที่ตอนนี้กำลังเก็บผักกาดขาวอย่างขมักเขม้น เขาไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน คิดแล้วเขาก็อยากขอโทษนางที่ทำหน้าที่ของสามีไม่ได้เรื่องเช่นนี้ นางมาอยู่กับเขาแทนที่เขาจะดูแลนางให้ดี แต่กลับเป็นนางที่คอยดูแลเขาตลอด เขานี่ไม่เอาไหนเลยจริงๆ นึกได้เช่นนั้นเจิ้งเจี๋ยก็เดินเข้าไปหาฟางเหนียงทันที

ฟางเหนียงที่ตอนนี้กำลังจะเดินไปเก็บผักอีกร่องหนึ่งก็ต้องหันกลับไปตามเสียงที่เรียกนางจากด้านหลัง “ฟางเหนียง” อยู่ๆ เจิ้งเจี๋ยก็เดินเข้ามากอดนาง อ้อมกอดของเขานั้นแน่นมากจนทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก “ขอโทษนะ” นางมึนงงไปหมด เจิ้งเจี๋ยมาขอโทษนางทำไมกัน เขาไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นรึ นางผละเขาออกแล้วถามเขาด้วยความสงสัย “เจ้าขอโทษข้าทำไมกัน” เจิ้งเจี๋ยไม่ตอบ แต่สบตากับสายตาของนางแล้วก้มลงจุมพิตบนริมฝีปากของนางอย่างช้าๆ ฟางเหนียงได้แต่มึนงงและไม่เข้าใจ ว่าเจิ้งเจี๋ยเป็นอะไรไป แต่ถึงนางจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ในยามนี้ นางร่างกายของนางก็ไม่อาจปฎิเสธเขาได้ นางหลับตาพริ้มรับสัมผัสนี้ที่เขามอบให้ด้วยความเต็มใจ

ฟางเหนียงที่นั่งหน้าแดงกับสิ่งที่เจิ้งเจี๋ยทำอะไรบุ่มบ่ามเมื่อตอนสาย และเรื่องที่น่าอายกว่านั้นคือนางเต็มใจกับเขาไปตั้งเนิ่นนานนี้สิ โอ้ย!!! ทำไมถึงไม่ห้ามใจตัวเองบ้างนะ ดีนะที่ลุงข้างบ้านมาเรียกเจิ้งเจี๋ยเสียก่อน ไม่เช่นนั้น อร๊าย น่าอายชะมัด เจิ้งเจี๋ยกำลังนั่งคุยเรื่องขายผักกับหนุ่มน้อยเจ้าของภัตตาคารที่มาเปิดใหม่ในตัวอำเภอ หนุ่มน้อยผู้นี้มาหาซื้อผักที่มีคุณภาพ จึงตระเวนหาตามหมู่บ้านต่างๆ ท่านลุงข้างบ้านที่เคยให้เจิ้งเจี๋ยเช่าไถ รู้ว่าเจิ้งเจี๋ยปลูกผักจึงแนะนำหนุ่มน้อยคนนี้ให้เข้าไปถามดู “ตอนนี้ข้ากับภรรยาของข้าปลูกผักแค่แปลงเล็กๆ เท่านั้น เพราะยังไม่มีพื้นที่ปลูก หากเจ้าต้องการดูผักที่เราปลูกไว้ เชิญตามข้ามา” หนุ่มน้อยพยักหน้าแล้วเดินตามเจิ้งเจี๋ยไปที่แปลงผักของเขา หนุ่มน้อยและท่านลุงที่เห็นผักของเจิ้งเจี๋ยก็ต้องอ้าปากข้างกันไปเลยทีเดียว อาการนี้ก็ไม่แตกต่างจากเจิ้งเจี๋ยที่เห็นผักของตัวเองครั้งแรกเช่นกัน

“ท่านปลูกมันได้อย่างไรกัน ทำไมทันถึงได้ใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่ ไม่ ไม่ใหญ่อย่างเดียวแต่เป็นผักที่สมบูรณ์มากด้วย” หนุ่มน้อยตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาเจอขุมสมบัติ ที่สำคัญที่สุดให้กับภัตตาคารของเขา เขาหันไปมองแปลงผักที่อยู่ข้างแปลงผักกาดขาว ก็ต้องตกใจตาค้างไปอีกครั้ง เพราะนี้มันคือมะเขือเทศที่เขาเคยเสียเงินตั้งหลายตำลึงกว่าจะได้มันมาสักจิน แล้วนี้มันอะไรกัน ทั้งแปลงนี้มีแต่มะเขือเทศ แถมผลผลิตก็ยังใหญ่แล้วก็ดกอีกด้วย สองสามีภรรยาคู่นี้ปลูกมันได้อย่างไรกัน “ท่าน ทำไมถึงมีเมล็ดพันธุ์ของมะเขือเทศได้ล่ะ มันไม่ได้อยู่ที่แคว้นของเรามิใช่รึ” เจิ้งเจี๋ยจึงบอกเรื่องที่ภรรยาเขาเคยพูดให้หนุ่มน้อยฟัง “แล้วท่านรู้ได้อย่างไรกันว่ามันเป็นต้นเช่นไร” แคว้นนี้ไม่เคยมีมะเขือเทศมาก่อนแล้วทำไมถึงรู้ว่ามันมีต้นลักษณะเป็นเยี่ยงไร

“ตอนที่เป็นต้นกล้าภรรยาของข้ากลัวว่าต้นมันจะหัก เลยใช้ไม้ค้ำไว้ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นไม้เลื้อย ข้ากับภรรยาของข้าจึงตั้งเสาให้มัน” เจิ้งเจี้ยตอบปัญหาที่หนุ่มน้อยสงสัยด้วยเสียงที่ฉะฉาน เพราะเขาดูแลผักของภรรยาของเขาอย่างดี ฟางเหนียงที่เดินตามมาทีหลัง ก็รู้สึกคุ้นตากับชายที่มาใหม่ นางเดินไปถึงแปลงผักก็รู้ทันทีว่าเขาคือใคร “ลีหยาง เจ้ามาทำอะไรที่นี้” หนุ่มน้อยที่ได้ยินเสียงที่เขาไม่เคยลืม เรียกชื่อเขาจึงหันไปตามเสียงนั้นทันที “หลิวฟางเหนียง แล้วเจ้าล่ะมาทำอะไรที่นี้” ลีหยางตอบด้วยเสียงที่ดีใจมาก ตั้งแต่ครั้งก่อนเขาก็ไม่ได้เจอนางอีกเลย ไปหาที่ร้านเถ้าแก่ก็บอกว่านางลาออกไปแล้ว ไปหาที่บ้านนางก็ไม่อยู่ แล้วอยู่ๆ นางมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไรกัน เขาหันไปมองชายที่พาเขามาดูแปลงผัก ก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาทันที

เจิ้งเจี๋ยที่เห็นภรรยาตัวเองรู้จักกับชายอื่น ก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที จึงคว้าตัวฟางเหนียงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา “เจ้ารู้จักกันด้วยรึ” นางพยักหน้าตอบ “เจิ้งเจี๋ยนี่ลีหยาง เมื่อครั้งก่อนข้าเคยช่วยเขาเลือกของขวัญให้เพื่อนของเขา ลีหยางนี้เจิ้งเจี๋ยสามีของข้าเอง” นางแนะนำเจิ้งเจี๋ยให้ลีหยางรู้จักอย่างเขินอาย เจิ้งเจี๋ยที่เห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปลูบผมนางแล้วดึงศีรษะนางให้มาซบที่อกของเขา โดยไม่นึกอายคนทั้งสองที่มองการกระทำของสามีภรรยาคู่นี้อยู่ “อะแฮ่ม คือว่าเจ้าเป็นคนปลูกมะเขือเทศเองอย่างนั้นรึ” ลีหยางกระแอมขัดจังหวะของสามีภรรยาคู่นี้ แล้วถามเรื่องปลูกผักกับฟางเหนียง ฟางเหนียงผละศีรษะออกจากอกของเจิ้งเจี๋ยพยักหน้าตอบลีหยาง แล้วยิ้มให้ลีหยางด้วยความเก้อเขิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ