5 เดือนที่แล้วเจิ้งเจี๋ยได้เอาบ้านหลังนี้ไปจำนองไว้ เพื่อจะได้มีเงินไว้ซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมไว้ให้ฟางเหนียง เรื่องนี้เขาไม่ได้บอกฟางเหนียง เพราะกลัวว่านางจะคิดมากว่าเป็นเพราะนาง เขาบอกนางแค่ว่าที่จำนองบ้านหลังนี้ เพราะเอาเงินมารักษาตัวเองเท่านั้น หลังจากที่จำนองบ้านได้ไม่กี่วันอาการป่วยของเขาก็กำเริบ เขามีอาการเวียนหัวมากจนลุกขึ้นนั่งไม่ได้อยู่หลายชั่วยาม ได้แต่นอนอยู่บนเตียง หลังจากที่เขามีอาการดีขึ้น เขาจึงไปหาหมอถามเรื่องอาการที่เขาเป็นอยู่นั้นว่ามันเป็นอะไร แต่หมอก็ได้แต่บอกว่าเขาไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายน่าจะทำงานหนักมากเกินไป พักผ่อนสักหน่อยก็น่าจะหายดีแล้ว หมอให้ยาที่มีสรรพคุณที่ทำให้นอนหลับสบายมา 2 เทียบ แต่ถึงแม้เขาจะทานยาไปแล้วอาการเหล่านั้นก็ยังไม่หายไป เขาไม่คิดเลยว่าอาการป่วยของเขาจะมาทรุดลงตอนที่เขาเอาบ้านไปจำนองในครั้งนี้ หลังจากวันนั้นเขาก็เริ่มมีอาการเช่นนี้บ่อยขึ้น ร่างกายของเขาก็เริ่มซูบผอมลงทุกวัน จนไม่สามารถไปทำงานได้อยู่หลายวัน แล้วงานที่เขาทำอยู่นั้นก็ไม่ได้มีให้ทำทุกวัน บางวันที่เขาพอมีแรงจะไปทำงานก็ตรงกับวันหยุดของที่ทำงาน เป็นเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เขาไม่มีเงินพอที่จะไปจ่ายดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนแรก
เงินสะสมจากการทำงานที่เขาได้ทำบ้างไม่ได้ทำบ้างตลอดระยะเวลา 3 เดือนนั้นก็ยังไม่พอที่จะจ่ายดอกเบี้ยของ 1 เดือนได้เลยด้วยซ้ำ จนมาถึงวันที่ฟางเหนียงมาอยู่กับเขา อาการป่วยของเขาก็รุนแรงมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากไม่มีสมุนไพรของฟางเหนียง หลังจากวันที่เขาหายดีแล้ว เขาก็คิดแต่จะทำงานหาเงินมาให้นาง ทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท จนวันนี้ที่เถ้าแก่มาเรียกเขาอยู่หน้าบ้านเขาถึงจำได้ แต่มันก็สายไปแล้ว เรื่องนี้มันทำให้เขารู้สึกผิดต่อฟางเหนียงเป็นอย่างมากจนรั้งน้ำตาของตนเองไว้ไม่ได้ แค่บ้านหลังเดียวเขายังไม่มีปัญญารักษาไว้ให้ภรรยาของเขาได้ ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป พรุ่งนี้ก็ต้องย้ายออกจากบ้านนี้แล้ว แล้วเขาจะพานางไปอยู่ที่ไหน
“ฟางเหนียงข้าขอโทษ ขอโทษจริงๆ ข้าขอโทษ” เจิ้งเจี๋ยไม่รู้จะพูดคำไหนออกมา พูดได้แต่คำว่าขอโทษเท่านั้น ฟางเหนียงรู้สึกสงสารเขามากจริงๆ ทุกอย่างที่เขาสร้างมาต้องมาพังทลายเพราะยัยป้ามหาภัยนั้นคนเดียวแท้ๆ คิดถึงหน้ายัยป้ามหาภัยนั้นแล้วนางก็อยากจะตบใบหน้านั้นสักฉาดจริงๆ แม้แต่บ้านหลังทรุดโทรมหลังเดียวก็ไม่เว้น เอ๋!!! พูดถึงบ้านแล้ว นางก็มีบ้านอยู่นี่นา ไปอยู่บ้านนางก็ได้นี่ ยามนี้ก็กำลังปรับปรุงบ้านอยู่ หากนางเดินทางไปวันพรุ่งนี้กว่าจะถึงหมู่บ้าน บ้านของนางก็น่าจะเสร็จพอดี บ้านหลังนี้นางก็รู้สึกเสียดายอยู่นะถึงแม้ว่ามันจะเป็นบ้านที่ทรุดโทรม แต่ก็เป็นบ้านที่สามีนางสร้างขึ้นมาเอง“เจิ้งเจี๋ยเงิน 20 ตำลึงนั้นข้ามีให้เจ้าไปจ่ายค่าจำนองบ้านหลังนี้ แต่ข้าก็มีบ้านอยู่ที่บ้านเกิด เจ้าคิดว่าจะอยากได้บ้านหลังนี้คืน หรือว่าเราจะไปเริ่มต้นใหม่ที่บ้านเกิดของข้าดี” นางถามความคิดเห็นของเขา
เจิ้งเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็มองดูสภาพบ้านของตนเองในยามนี้ มันไม่คุ้มค่ากับเงิน 20 ตำลึงของนางเลย หากนางเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อที่ดินไว้ปลูกผักขายยังจะดีเสียกว่า เจิ้ยเจี๋ยส่ายหัวไปมาแล้วเอ่ยบอกกับนาง “ฟางเหนียงข้าไม่อยากได้บ้านหลังนี้แล้ว เราจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่บ้านเกิดของเจ้า” ฟางเหนียงพยักหน้าตอบแล้วยิ้มตาหยีให้กับเขา อีกอย่างที่เจิ้งเจี๋ยเป็นห่วงมาก ก็คือตอนนี้ท่านป้ารู้แล้วว่าเขาอยู่ที่นี้ ท่านป้าต้องมาระรานเขาและฟางเหนียงอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นฟางเหนียงต้องได้รับอันตรายในสักวันเป็นแน่
หลังจากที่ทั้งสองคนตกลงกันได้แล้ว นางและเจิ้งเจี๋ยจึงเตรียมข้าวของทั้งหมดไว้ออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ยามรุ่งสาง เจิ้งเจี๋ยออกไปข้างนอกเพื่อจ้างรถม้า ส่วนฟางเหนียงก็เขียนจดหมายให้ลีหยาง พร้อมบอกเหตุผลว่าทำไมนางถึงส่งผักให้เขาไม่ได้อีก พอรถม้ามาถึงทั้งสองก็ช่วยกันขนของขึ้นรถม้าทันที พรุ่งนี้เช้าจะได้ออกเดินทางเลย เจิ้งเจี๋ยที่ตื่นก่อนฟางเหนียงก็ออกไปสำรวจข้าวของอีกครั้ง ว่าลืมอะไรอยู่ในบ้านหรือเปล่า หลังจากฟางเหนียงตื่นทั้งสองคนก็ออกเดินทางทันที พอเดินทางไปได้ 7 วัน ระบบก็ได้บอกกับนางว่าบ้านของนางนั้นปรับปรุงเสร็จแล้ว ฟางเหนียงรู้แล้วก็อยากจะไปเห็นบ้านของตนเองเร็วๆ นางใช้เวลาในการเดินทางกลับบ้านทั้งหมดประมาณ 10 วัน พอมาถึงที่หมายฟางเหนียงก็รีบลงจากรถม้าทันที เพราะนางอยากเห็นบ้านหลังใหม่ของตนเองแล้ว
ทั้งสองคนช่วยกันขนข้าวของลงไปเข้าบ้านใหม่ของนาง ฟางเหนียงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้กลับมาอยู่บ้านของตัวเอง เพราะนางคุ้นเคยกับที่นี่แล้ว ฟางเหนียงเดินสำรวจบ้านที่ท่านลุงปรับปรุงให้อย่างละเอียด ท่านลุงปรับปรุงบ้านให้นางดีมากจริงๆ นางเข้ามาข้างในนี้ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด หลังคาบ้านก็แข็งแรงแล้วเช่นกัน ต่อไปตอนกลางคืนนางก็ไม่ต้องวิ่งวุ่นอีกแล้ว คงได้นอนหลับฟังเสียงฝนตลอดทั้งคืนอย่างแน่นอน วันนี้นางจะต้องไปขอบคุณท่านลุงสักหน่อยแล้ว ฟางเหนียงจัดข้าวของทั้งหมดเสร็จแล้ว ก็พาเจิ้งเจี๋ยไปพบท่านลุงกับท่านป้า “อ้าว!!! ฟางเหนียงเจ้ามาเยี่ยมบ้านรึ” ท่านป้าที่เห็นนางเดินเข้ามาในบ้านก็รีบเดินเข้าไปกอดนางทันที “เปล่าเจ้าค่ะ แต่ข้าจะมาอยู่ที่นี้ ท่านป้า ท่านลุงเจ้าค่ะ นี้คือสามีของข้า เยว่เจิ้งเจี๋ย” นางแนะนำเจิ้งเจี๋ยให้ท่านทั้งสองรู้จัก แล้วนางก็กล่าวขอบคุณท่านลุงเรื่องการปรับปรุงบ้านใหม่
“ท่านลุงเจ้าค่ะ ข้าชอบบ้านหลังใหม่นี้มากเลยเจ้าค่ะ เข้าไปข้างในแล้วไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด” ท่านลุงยิ้มพร้อมพยักหน้าให้นาง แล้วท่านป้าจึงเอ่ยถามนางว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้พากันกลับมาอยู่ที่บ้านของนาง นางจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับนางและเจิ้งเจี๋ย ให้ท่านลุงกับท่านป้าฟัง ท่านป้าได้ฟังแล้วก็น้ำตาซึมออกมา ชีวิตของเด็กชายคนนี้น่าสงสารยิ่งนัก คงลำบากมากไม่น้อย ท่านป้ามาคิดดูแล้วชีวิตของเด็กทั้งสองคนนี้เหมือนกันยิ่งนัก ฟางเหนียงก็ตัวคนเดียวไม่มีญาติ ส่วนเจิ้งเจี๋ยมีญาติก็เหมือนไม่มี เฮ้อ!!! “พวกเจ้าทั้งสองก็เริ่มต้นใหม่ซะที่นี่เถอะ อยู่ที่นี้ไม่มีใครรังแกพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน” ท่านลุงเอ่ยปลอบทั้งสองคน
วันนี้ท่านลุงจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์ จึงชวนเจิ้งเจี๋ยไปด้วย เพราะเจิ้งเจี๋ยจะมาอยู่ที่นี้แล้วก็น่าจะรู้จักป่าเขาที่นี่ไว้บ้าง จะได้หากินไม่ลำบาก เจิ้งเจี๋ยจึงกลับไปเอาอุปกรณ์ล่าสัตว์ ที่เขาเคยทำไว้ตอนอยู่ที่บ้านเดิม แล้วท่านลุงกับเจิ้งเจี๋ยก็ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ด้วยกัน ฟางเหนียงยังคงนั่งเล่นกับท่านป้าอยู่ นางเอ่ยถามเรื่องของเหมยเหม่ยว่ายามนี้เหมยเหม่ยเป็นอย่างไรบ้าง เหมยเหม่ยแต่งงานออกไปเมื่อ 20 วันก่อน หลังแต่งงานอยู่บ้านสามีได้ 3 วันเหมยเหม่ยก็กลับมาเยี่ยมบ้าน เหมยเหม่ยบอกท่านป้าว่าอยู่ที่นั่นสบายดี พ่อแม่สามีก็ใจดี ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ได้ฟังที่ท่านป้าพูดเช่นนั้น นางก็ดีใจเป็นอย่างมากที่เหมยเหม่ยนั้นได้สามีที่ดี นางคิดไว้แล้วว่าหากนางมีเวลาว่างนางจะไปเยี่ยมเหมยเหม่ยสักหน่อย เพราะบ้านสามีของเหมยเหม่ยอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านของนางนัก นางนั่งเล่นกับท่านป้าสักพักก็ขอตัวกลับก่อน นางรู้สึกเมื่อยล้าจากการเดินทางจึงอยากพักผ่อนสักหน่อย
เจิ้งเจี๋ยที่มาจากการล่าสัตว์ เดินเข้ามาในบ้านก็มองหาฟางเหนียง ปกติแล้วฟางเหนียงจะชอบอยู่รอบๆ บ้าน ไม่ค่อยอยู่นิ่งสักเท่าไหร่ คอยแต่จะหาอะไรทำอยู่เสมอ แต่ยามนี้เขามองหาอย่างไรก็นางไม่เจอสักที เขากำลังจะเรียกหานาง ก็เห็นว่านางกำลังเดินออกมาจากห้องด้วยอาการงัวเงียของคนที่เพิ่งจะตื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ