“อ้าว!!เจิ้งเจี๋ยเจ้ากลับมาแล้วรึ ว้าว เจ้าล่ากวางมาได้เชียวรึ ตัวใหญ่ซะด้วย” ฟางเหนียงที่ตอนแรกยังมีอาการงัวเงียอยู่นั้น หลังจากที่นางได้เห็นกวางตัวใหญ่นี้ก็หายง่วงไปในทันที “กวางมันอยู่ในเขตป่าลึกไม่ใช่รึ ทำไมเจ้าถึงล่ามันมาได้ล่ะ” ป่าลึกที่เขาแห่งนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปอยู่แล้ว แต่เจิ้งเจี๋ยเพิ่งจะมาใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ ท่านลุงไม่ได้บอกเขาหรืออย่างไร “ข้าไม่ได้เข้าไปในป่าลึกหรอกนะ ท่านลุงบอกกับข้าว่ามันอันตราย แต่กวางตัวนี้น่าจะพลัดหลงฝูงตอนที่ออกมาหากินนะ แล้วเจ้าจะเอามันทำอาหารเลยหรือไม่ เดี๋ยวข้าจะแล่เนื้อไว้ให้เจ้า” ฟางเหนียงส่ายหน้า เพราะนางทำเมนูกวางไม่เป็น “เช่นนั้นข้าเอาไปขายดีไหม น่าจะขายได้หลายตำลึงเลยล่ะ” เจิ้งเจี๋ยพอจะรู้เรื่องราคาของกวางตัวนี้อยู่บ้าง เพราะเคยไปทำการค้ากับท่านพ่อมาก่อน
หลังจากเจิ้งเจี๋ยทานข้าวเสร็จ เขาก็แบกกวางที่มัดกับไม้ไว้ขึ้นหลังแล้วเดินไปหาท่านลุง “ท่านลุงขอรับ ท่านไปขายสัตว์ที่ล่ามาได้หรือยังขอรับ พอดีข้าว่าจะเอากวางตัวนี้ไปขายที่อำเภอด้วย” ท่านลุงเดินออกมาพร้อมกับไก่ป่า 3 ตัวและห่านป่า 1 ตัว “เจ้าไม่ได้เก็บไว้ทานเองหรอกรึ เนื้อกวางหายากยิ่งนัก หากเอาไปขายก็น่าเสียดายนะ” กวางในยุคนี้ถือว่าเป็นสัตว์ที่หาทานยากมาก เพราะกวางจะพากันอยู่แค่ในป่าลึกเท่านั้น และระวังตัวอยู่ตลอดเวลา วันนี้หากว่าเจิ้งเจี๋ยยิงธนูไม่แม่นพอก็คงไม่ได้กวางกลับมาแน่นอน เพราะกวางอยู่ไกลจากเขามาก ทำให้เขาต้องวิ่งตามกวางตัวนี้ที่วิ่งหนีไปถึง 2 ลี้ “ไม่ขอรับ” ท่านลุงพยักหน้า แล้วเดินนำทางเขาไปขึ้นรถม้า
ทั้งสองคนมาถึงอำเภอก็ตรงไปที่ภัตตาคารทันที เพราะภัตตาคารจะให้ราคาดีกว่าร้านอาหารทั่วไป ยิ่งถ้าเป็นเนื้อสดๆ เช่นนี้ยิ่งได้ราคาที่แพงขึ้น ท่านลุงพาไปภัตตาคารที่เคยทำการค้ากัน “เสี่ยวเอ้อ ข้ามาขายสัตว์ป่าให้ผู้จัดการร้านนะ” เสี่ยวเอ้อที่กำลังกวาดลานหน้าร้านอยู่ หันมาตามเสียงเรียก เห็นว่าเป็นคนที่เคยมาขายสัตว์ป่าให้อยู่บ่อยครั้ง ก็พยักหน้าตอบแล้วจึงเดินเข้าไปในร้านเพื่อเรียกผู้จัดการร้าน “อ้าว!!ลี่จิวหลิน วันนี้เจ้าได้อะไรมาขายให้ภัตตาคารของเราล่ะ” ผู้จัดการร้านที่เดินออกมาจากในร้าน ก็เอ่ยถามด้วยเสียงที่ประจบประแจง “วันนี้ข้าได้ไก่ป่ามา 3 ตัวกับห่าน 1 ตัว ส่วนหลานเขยของข้าได้กวางตัวใหญ่มา 1 ตัว” ท่านลุงพูดเสร็จแล้วก็วางสัตว์ป่าทั้งหมดลงให้ผู้จัดการร้านดู
“โฮ!!เจ้าล่ากวางมาได้อย่างไรกัน กว่าจะหาฝูงของมันเจอ ก็ยากมากแล้ว แต่เจ้าล่ามันมาได้นี่เก่งมากยิ่งนัก” ผู้จัดการร้านพูดด้วยเสียงที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หากเขาได้กวางตัวนี้มาจะทำกำไรให้กับเขาได้มากแค่ไหนกัน อีกอย่างเขาต้องได้ความดีความชอบในครั้งนี้แน่นอน ดีไม่ดีอาจได้เงินค่าจ้างเพิ่มขึ้นอีกด้วย หน้าใหม่เช่นนี้ก็คงต้องกดราคากันมากหน่อยแล้วกัน เฮอะๆ ผู้จัดการร้านคิดด้วยความเจ้าเล่ห์ “ถึงกวางตัวนี้จะหายากก็เถอะ แต่ที่ร้านของเราก็ใช่ว่าจะขายอาหารเมนูกวางนี้ให้ได้กับทุกคน เพราะราคามันก็แพง คนที่ทานจึงมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้น” ผู้จัดการร้านพูดด้วยหน้าตาที่สลดลง “แล้วเช่นนั้นท่านให้ราคาของกวางตัวนี้ได้เท่าไหร่” ท่านลุงเอ่ยขึ้น
“ข้าเคยซื้อมาในราคา 3 ตำลึง แต่เห็นว่าเราทำการค้ากันมานาน ข้าจะให้ในราคา 4 ตำลึงแล้วกัน” เจิ้งเจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชวนท่านลุงไปร้านอื่นในทันที “ท่านลุงข้าว่าเราไปภัตตาคารร้านอื่นดีกว่านะ” เจิ้งเจี๋ยเตรียมตัวที่จะแบกกวางของเขาไปร้านอื่น ท่านลุงที่ได้ยินราคาแล้วก็ส่ายหน้าเช่น เพราะทำการค้าด้วยกันมานานท่านลุงเลยพาเจิ้งเจี๋ยมาที่นี่ แต่ไม่คิดว่าทางร้านจะกดราคาได้มากถึงเพียงนี้ “แล้วเจ้าคิดว่ากวางตัวนี้จะขายได้ราคาเท่าไหร่” ท่านลุงเอ่ยถาม เพราะเจิ้งเจี๋ยเคยทำการค้ามาก่อน
“แค่เขากวางอย่างเดียวราคาก็ 7 ตำลึงแล้วขอรับท่านลุง” ผู้จัดการร้านที่ทำหน้าสลดอยู่ ได้ยินเช่นนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเฉยชาขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยเสียงแข็งขึ้น “แค่เขา 1 คู่นี้จะมีราคาที่แพงเช่นนั้นได้อย่างไรกัน เจ้าเอาอะไรมาพูด” เจิ้งเจี๋ยมองไปที่หน้าผู้ จัดการร้านผู้นี้ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร แล้วเอ่ยชวนท่านลุงอีกครั้ง “เราไปกันเถอะท่านลุง” “นี่เจ้า เจ้าคิดหรือว่าจะมีใครกล้าซื้อกวางของเจ้า” ผู้จัดการร้านพูดด้วยเสียงที่โมโหแต่สายตากลับจ้องไปที่กวางตัวนั้นไม่กะพริบด้วยความเสียดาย เจิ้งเจี๋ยไม่สนใจ มุ่งหน้าจะไปร้านอื่น ท่านลุงที่กำลังเสียงเดินตามหลังเจิ้งเจี๋ยก็ถูกผู้จัดการร้านดึงมือไว้ “ลี่จิวหลิน เจ้าเชื่อคำพูดของเจ้าเด็กนั้นรึ หากเจ้าเชื่อเด็กนั้นเราก็คงจะไม่ได้ทำการค้ากันอีก” ท่านลุงได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยขอโทษผู้จัดการร้าน “ข้าต้องขออภัยท่านด้วย” ท่านลุงพูดแล้วก็เดินตามหลังเจิ้งเจี๋ยออกมา
ผู้จัดการร้านได้ยินเช่นนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที ดีเช่นกันต่อไปหากลี่จิวหลินมาขายสัตว์ป่าให้เขาอีก เขารับรองเลยว่าจะไม่ซื้ออย่างแน่นอน ส่วนกับกวางแค่ตัวเดียวนั้น หากมีคนซื้อก็แปลกแล้วล่ะ เพราะร้านเขาเป็นภัตตาคารที่ขายดีที่สุดในอำเภอ ส่วนร้านอื่นแค่เห็นกวางที่เจ้าเด็กนั้นแบกไปก็ปิดประตูร้านหนีแล้ว เพราะสู้กับราคาของมันไม่ไหว สุดท้ายเจ้าเด็กนั้นก็ต้องกลับมาขายให้ร้านภัตตาคารเขาอยู่ดี ชิ เจิ้งเจี๋ยที่เดินออกมาไม่ไกล ก็มีชายวัยกลางคนๆ หนึ่งที่กำลังเดินสวนกับเขาก็หยุดเดินแล้วหันมาถามเขา “นี่พ่อหนุ่ม ทำไมเจ้าถึงได้เอากวางกลับคืนมาล่ะ ภัตตาคารไม่รับซื้อหรอกรึ” เจิ้งเจี๋ยส่ายหน้าแล้วตอบชายวัยกลางคนนั้นไป “ที่ภัตตาคารนี้ ซื้อกวางของข้าถูกยิ่งนัก กว่าข้าจะล่ามาได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ชายคนนั้นทำหน้าสงสัยทันที “แล้วเขารับซื้อกวางของในราคาเท่าไหร่กัน” เขามองกวางที่เจิ้งเจี๋ยแบกอยู่นั้น เป็นกวางที่กำลังดีต่อการทำอาหารยิ่งนัก เขาของกวางก็ยังอ่อนอยู่เลย “4 ตำลึง” ชายวัยกลางคนที่ได้ยินเช่นนั้น ก็โมโหขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยเรียกผู้จัดการร้านที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้าน ผู้จัดการร้านที่ได้ยินเสียงเรียกก็ต้องชะงัก
“ผู้จัดการร้าน มาหาข้าเดี๋ยวนี้” ผู้จัดการร้านได้ยินเสียงที่ทรงอำนาจนั้น ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที แล้วก้มหน้าลงไม่กล้ามองหน้าของชายวัยกลางคนผู้นั้น “ข้าไว้ใจเจ้า แต่เจ้ากลับตอบแทนข้าเช่นนี้เองรึ” ชายคนนั้นเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่เย็นชา แล้วหันมาพูดกับเจิ้งเจี๋ยและท่านลุง “ข้าต้องขออภัยเจ้าแทนผู้จัดการร้านของข้าด้วย ส่วนกวางตัวนี้ข้าซื้อมันได้หรือไม่ ของท่านลุงด้วยนะพอดีวันนี้ที่ร้านของข้าจะจัดงานเลี้ยงให้ขุนนางท่านหนึ่ง” ทั้งสองพยักหน้าตอบ แล้วหันไปมองทางผู้จัดการร้าน ที่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ “เช่นนั้นข้าให้เจ้า 1 ตำลึงทอง ส่วนของท่านลุงข้าให้ 3 ตำลึง” พูดเสร็จแล้วชายผู้นั้นก็ยื่นเงินมาให้ เจิ้งเจี๋ยและท่านลุงพอใจกับราคานี้จึงรับเงินมา แล้วเอาสัตว์ป่าทั้งหมดให้กับเสี่ยวเอ้อ“ส่วนเจ้า ผู้จัดการร้านขึ้นไปหาข้าในห้องทำงานเดี๋ยวนี้” หลังจากผู้จัดการร้านขึ้นไปที่ห้องทำงานแล้ว ก็ถูกเถ้าแก่ร้านต่อว่าอย่างนัก แล้วเขาก็ถูกไล่ออกจากร้าน เพราะทำงานไม่สุจริตซื้อของราคาถูก แต่เวลาเบิกเงินกลับเขียนในราคาเต็ม คนเช่นนี้ให้อยู่ที่ร้านต่อไปไม่ได้อีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ