ความจริงแล้วหลิวฟางเหนียงแอบได้ยินสองนายบ่าวนั้นคุยกัน ตอนที่นางกำลังจะเดินไปร้านขายซาลาเปา แต่นางไม่คิดว่าผู้ชายที่ทั้งสองคนหมายถึงนั้นจะเป็นสามีของนาง นางเลยไม่ได้สนใจกับคำพูดของทั้งสองคน แต่พอนางกลับจากซื้อซาลาเปาแล้วกำลังจะเดินไปหาสามีของนางนั้น ก็เห็นว่านายบ่าวคู่นั้นกำลังคุยกับสามีของนางอยู่ นางจึงไปแอบในซอกซอยเล็กๆเพื่อจะแอบฟังว่ายัยคุณหนูผู้นั้นต้องการจะคุยอะไรกับสามีของนางกันแน่ แต่นางก็ไม่มีโอกาสได้รู้ เพราะสามีของนางไม่สนใจสองนายบ่าวนั้นเลยสักนิด ท่าทางเย็นชาของเขาที่แสดงออกมาต่อหน้าคุณหนูผู้นั้น นางไม่เคยเห็นมันมาก่อนและไม่คิดว่าเขาจะมีมุมนี้ด้วย นางเห็นท่าทางของยัยคุณหนูผู้นั้นแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ยิ่งนัก ก็ยัยคุณหนูนี้ทั้งสวย ทั้งน่ารักนี่น่า ถ้าหากสามีนางหลงเสน่ห์ขึ้นมาจริงๆแล้วนางจะทำอย่างไร ส่วนสามีของนางในยามนี้ก็ไม่เบาเช่นกัน ความสูงที่พอเหมาะ รูปร่างที่พอดี กล้ามเนื้อที่บึกบึนกับผิวพรรณที่กระจ่างใส และหน้าตาที่ดูเข้มขรึมแต่ดูมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล บอกได้เลยว่าศิลปินที่อยู่ในยุคก่อนของนางนี่ต้องชิดซ้ายกันเลย ผู้หญิงคนใดที่เจอเขาก็ต้องอยากใกล้ชิดและสานสัมพันธ์กับเขาทั้งนั้น เพราะเช่นนั้นนางจึงต้องแสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้คือสามีของนาง ใครก็ห้ามมายุ่งวุ่นวายกับเขาเด็ดขาด
ณ จวนตระกูลซู"คุณหนูขอรับ สองสามีภรรยาคู่นี้อยู่หมู่บ้านอันชังขอรับ เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน ภรรยาชื่อหลิวฟางเหนียง สามีชื่อเหย่เจิ้งเจี๋ย"บ่าวรับใช้รายงานเรื่องที่ได้รับมอบหมายเมื่อเช้านี้ "เอ๊ะ!!! เจ้าบอกข้าว่าสามีชื่อเหย่เจิ้งเจี๋ยเช่นนั้นรึ"จะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน ซูเฟยหลิงคิด ชายที่มาจากตระกูลจนๆที่ผันตัวมาเป็นพ่อค้าระยะหนึ่งแล้วก็ล้มละลายนั้นรึ นางแอบได้ยินมาว่าเพราะถูกโกงจากพี่น้องของตัวเองจนไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ ตระกูลเหย่จึงพากันออกไปอยู่ที่อื่น ไม่คิดเลยว่าชายที่นางอยากจะสานสัมพันธ์ด้วยจะเป็นคนตระกูลนี้ ยี้!!! น่าขยะแขยงยิ่งนัก ไม่น่าเสียน้ำลายไปชวนคุยด้วยเลย ก็ใครจะไปรู้ล่ะเห็นว่าใส่เสื้อคลุมที่เนื้อผ้าชั้นดีที่สุดนั้น แม้แต่นางที่เป็นตระกูลพ่อค้าที่มีฐานะในระดับต้นๆของอำเภอซีอานนี่ ยังไม่กล้าที่จะซื้อมาใส่ด้วยซ้ำเพราะสู้ราคามันไม่ไหว นางก็คิดว่าเขามาจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่ที่ไหนได้ เฮอะ
แล้วอีกอย่างวันนี้เขายังทำให้นางขายหน้าอีกด้วย ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยที่จะเข้าไปคุยกับผู้ชายคนไหนก่อนเลยสักครั้ง เพราะแค่นางส่งสายตาให้ชายใด ชายผู้นั้นก็ต้องเข้ามาคุยกับนางก่อนทุกคน ยกเว้นชายผู้ต่ำต้อยผู้นี้ ที่ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว แล้วเสื้อที่เขาใส่อยู่นั้นนางเชื่อเลยว่าเขาต้องไปขโมยของคนอื่นมาแน่ๆ เพราะยังไงเขาก็ไม่มีปัญญาที่จะซื้อมันใส่อย่างแน่นอน "พวกมันทำอาชีพอะไรกัน"ไม่ใช่ว่าเป็นอาชีพลักขโมยหรอกนะ ซูเฟยหลิงคิด "ปลูกผักขอรับ แต่บ่าวไม่รู้ว่าเป็นผักชนิดใด เพราะบ่าวไม่เคยเห็นมาก่อนขอรับ" ปลูกผักไว้บังหน้าสิไม่ว่า "จะผักอะไรก็ช่างเถอะ วันนี้ชายผู้นั้นมันทำให้ข้าขายหน้ายิ่งนัก แล้วภรรยาของมันยังมายิ้มเยาะเย้ยข้าอีก วันนี้สั่งการให้คนไปทำลายผักของพวกมันให้เละเทะไม่มีชิ้นดี" พวกมันทำให้นางขายหน้าเช่นนั้น คิดว่าจะพากันอยู่ได้อย่างสงบสุขอย่างนั้นรึ ไม่มีทาง "รับทราบครับคุณหนู"
ณ หมู่บ้านอันชัง หลิวฟางเหนียงและเหย่เจิ้งเจี๋ยกำลังโรยผงไฟอ้อมสวนผักอยู่ หลังจากที่นางกลับมาถึงบ้าน ระบบได้บอกนางว่าให้เอาผงไฟไปโรยไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์จากที่อื่นเข้ามาทำลายสวนผักของนางได้ ผงไฟนี้เป็นรางวัลที่นางได้จากการขายผักให้ภัตตาคารของลีหยางและได้เพิ่มอีก 3 ห่อจากการขายกระดิ่งคนตาย ผงไฟนี้จะมีความร้อนหากเข้าไปสัมผัสในรัศมีที่โรยไว้ ผงไฟจะมีรัศมีอยู่ที่ 1 จั้ง นางต้องโรยผงไฟให้ห่างจากสวนผัก 1 จั้งครึ่ง ไม่เช่นนั้นผักของนางต้องตายเพราะทนความร้อนไม่ไหว ส่วนสัตว์หรือคนที่เข้ามาในรัศมีนี้จะรู้สึกแสบร้อนเหมือนถูกไฟคลอกอยู่ประมาณ 1 เค้อ ความร้อนนี้ไม่ได้ทำให้มีผลเสียใดๆต่อร่างกายแค่มีความรู้สึกว่าร้อนเท่านั้น และถ้าอยากหายเร็วขึ้นก็แค่แช่น้ำหรืออาบน้ำก็หายแล้ว เรื่องนี้นางไม่ได้บอกเจิ้งเจี๋ย นางบอกเขาแค่ว่าผงนี้มันช่วยไล่สัตว์ป่าที่อาจจะเข้ามาทำลายสวนผักเท่านั้น
ช่วงเย็นวันนี้ทั้งสองคนออกไปใส่ปุ๋ยเม็ดให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้อยู่ที่นา ต้นไม้ชนิดนี้โตมาจากเมล็ดพันธุ์ที่นางได้รางวัลตอนทำภารกิจปรับปรุงบ้านเสร็จ ตอนนี้โตได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่คงต้องรออีกนานถึงจะได้กินผล หลังจากที่ทั้งสองทำหน้าที่ของวันนี้กันเสร็จหมดแล้วก็พากันเข้าห้องนอนและเข้าสู่ห้วงนิทรา ขณะนี้เวลายามโฉ่ว(01:00 - 02:59น.)ก็มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คนที่แอบอยู่ในความมืดทางด้านหลังสวนผักมาประมาณ 1 ชั่วยามแล้ว ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นหัวหน้าให้สัญญาณ ทุกคนเห็นดังนั้นก็ค่อยๆเดินย่องเพื่อที่จะเข้าไปในสวนผักพร้อมกับอาวุธครบมือ ไม่ว่าจะเป็นมีด จอบ ไม้ ที่พร้อมจะทำลายสวนผักนี้ให้เละเทะเป็นหน้ากลอง คนที่เป็นหัวหน้าให้สัญญาณอีกครั้ง ทุกคนเรียงแถวเป็นหน้ากระดานแล้ววิ่งเข้าไปในสวนผักพร้อมกัน แต่ก่อนที่พวกชายชุดดำจะได้เข้าถึงสวนผักนั้น ก็สัมผัสถึงความร้อนแล้วพากันร้องอวดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่มีอยู่สองคนที่ไม่เป็นไรเพราะอยู่ในร่องที่ปลอดภัย ทั้งสองคนหันไปมองเพื่อนพ้องที่มาด้วยกันร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ทั้งสองไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ แล้วทำไมเพื่อนของเขาถึงได้ร้องออกมาให้เจ้าของบ้านจับได้ล่ะ หรือพวกเขาทั้ง 8 คนจะทรยศคุณหนู ทั้งสองคนไม่สนใจเพื่อนของเขาอีก แล้วพากันวิ่งไปทำลายสวนผักอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ทำลายสวนผักนี้ให้มากที่สุด
เจ้าสามตัวที่ได้ยินเสียงร้องโวยวายก็พากันเห่าออกมาเสียงดัง แล้ววิ่งมาทางที่กลุ่มชายชุดดำนี้แล้วเห่าไล่พวกเขาอยู่ห่างๆ เพราะเจ้าสามตัวรู้ว่าหากเข้าไปใกล้พวกชายชุดดำกลุ่มนี้ มันจะต้องรู้สึกแสบร้อนเหมือนพวกเขา เพราะตอนที่เจ้านายพวกมันโรยผงไฟนี้เสร็จ พวกมันก็วิ่งเล่นตามปกติทุกวัน และได้เข้าไปอยู่ในรัศมีของผงไฟ ทำให้พวกมันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ยังดีที่เจ้านายของพวกมันยังไม่ได้ออกไปนา จึงได้เห็นพวกมันเข้าไปอยู่ในรัศมีผงไฟ เจ้านายก็เอาน้ำมาสาดใส่ตัวพวกมันทันที ถึงทำให้พวกมันหายจากความเจ็บปวดได้ และหลังจากครั้งนั้นพวกมันก็ไม่เข้าใกล้รัศมีผงไฟอีกเลย พวกมันเข้าออกตามร่องที่เจ้านายมันทำสัญลักษณ์ไว้ว่าปลอดภัยเท่านั้น ถึงมันจะไม่เข้าใกล้กลุ่มชายชุดดำที่อยู่ในรัศมีผงไฟ แต่ก็ใช่ว่ามันจะปล่อยสองคนนั้นที่ไม่ได้อยู่ในรัศมีผงไฟนั้นไป แม่ของเจ้าสองแสบวิ่งไปกัดชายคนหนึ่งที่กำลังทำลายผักอยู่ มันกัดไปที่แขนของชายคนนั้นเพื่อจะให้ชายคนนั้นปล่อยอาวุธที่ถือไว้ ชายอีกคนที่เห็นเช่นก็จะเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกเจ้าสองแสบกัดไปที่ขาทั้งสองข้าง ชายคนนั้นกำลังจะใช้อาวุธมีดฟันไปที่เจ้าสองแสบ ก็หันไปเจอเจ้าของบ้านออกมาก่อน มันจึงรีบตะโกนบอกพวกเพื่อนให้รีบถอย แล้ววิ่งไปดึงเพื่อนที่ถูกหมาตัวใหญ่กัดอยู่ออกมา กลุ่มชายชุดดำพากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทางด้วยความสะบักสะบอม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ