ทั้งสองคนเดินมาถึงรถเข็นก็รู้สึกว่ามีอะไรตามพวกเขามาด้วย ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วจึงหันหลังไปดู แล้วก็ต้องเจอกับสัตว์ตัวน้อยสองตัวที่กำลังยืนสองขา ทำสายตาอ้อนวอน มันมีขนที่ดูหนาหนุ่ม มีสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง มีลายเป็นจุดกลมสีเข้มตามลำตัว บางจุดมีการเชื่อมต่อกันเป็นสายสั้น ๆ หรือเป็นวง หัวโตและกว้างเมื่อเทียบสัดส่วนกับลำตัว ตาโต สีเหลืองอำพันหรือสีน้ำตาลอมเทา คาง หน้าอก ท้อง และขาด้านในมีสีขาว มีเส้นสีเข้มที่แก้มข้างละสองเส้น หูใหญ่มน หลังหูสีน้ำตาลอ่อน ขามีเส้นสีดำพาดตามแนวนอน มีแถบเข้มที่แก้มก้น อุ้งตีนดำและมีขนยาวสีดำปกคลุม
"นี่พวกเจ้าสองตัวตามพวกข้ามาอย่างนั้นรึ" ฟางเหนียงเอ่ยขึ้น เหมียว เหมียว เจ้าแมวสองตัวร้องออกมาพร้อมกัน "ทำไมล่ะ เจ้าอยากได้ดอกไม้ของเจ้าคืนเช่นนั้นรึ" นางเอ่ยแล้วก็เอาดอกไม้ต่อชีวิต คืนให้เจ้าแมวสองตัวนี้ แต่มันไม่สนใจกลับกระโดดไปที่ขาของนางและเจิ้งเจี๋ย "แล้วพวกเจ้าต้องการอะไรจากพวกข้ากัน" ฟางเหนียงไม่รู้ว่าพวกมันต้องการอะไรกันแน่ อยากได้ดอกไม้คืน หรือว่าอยากจะมาส่งพวกนาง แต่ไม่นานนางก็ได้คำตอบ เพราะเจ้าแมวสองตัวนี้กระโดดขึ้นรถเข็นของพวกนาง แล้วมันก็นอนลงหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ไม่ได้สนใจทั้งสองคนที่กำลังมองการกระทำของมันเลยสักนิด
"นี่พวกเจ้า อย่าบอกนะว่า" ฟางเหนียงเอามือตบไปที่หน้าผากของตัวเอง โอ๊ย!!! หัวจะปวด อยู่ๆก็ได้ผู้อาศัยเพิ่มเข้ามาในบ้าน โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของบ้าน เฮ้อ" เจิ้งเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็รีบถามนางด้วยความเป็นห่วง "เจ้าปวดหัวอย่างนั้นรึ แล้วตอนนี้ปวดมากหรือไม่" เขาปล่อยมือจากรถเข็นแล้วรีบใช้มือมาทาบหน้าผากและลำคอของนางทันที ว่ามันมีอาการร้อนกว่าปกติหรือไม่ "อ่ะๆ ข้าไม่เป็นไร แค่พูดไปเช่นนั้นแหละ" นางรีบอธิบายให้เขาฟัง ไม่เช่นนั้นเขาไม่ปล่อยนางไปง่ายๆเป็นแน่
หลังจากที่ทั้งสองคนและสองตัวมาถึงที่บ้าน เจ้าแสบสองตัวก็วิ่งมารับนางเหมือนปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ ตอนนี้แมวสองตัวกับสุนัขสองตัวกำลังขู่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีฝ่ายใดยอมใครทั้งนั้น นางที่เห็นเช่นนั้นก็รีบห้ามและขู่ทั้งสองฝ่ายทันที "นี่พวกเจ้า หากพวกเจ้ายังจะทะเลาะกันอยู่เช่นนี้ ช่วยออกไปจากบ้านของข้าด้วย ข้าไม่รับเลี้ยงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งนั้น ไป ไป ออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้" เจ้าแสบสองตัวที่รู้ว่าครั้งนี้เจ้านายของตนคงไม่ได้พูดเล่นเหมือนครั้งก่อนๆ พวกมันจึงเริ่มลดการขู่ลงแล้วค่อยๆเดินถอยหลังเข้าบ้าน ส่วนแมวทั้งสองตัวนี้มันเข้าใจที่ฟางเหนียงพูดทั้งหมด เพราะเมื่อก่อนมันก็เคยอยู่กับมนุษย์ แต่เจ้านายเดิมของพวกมันจากไปนานแล้ว
ปกติแล้วมันทั้งสองตัวได้หมดอายุขัยไปนานแล้ว แต่เพราะว่ามีดอกไม้ต่อชีวิตนี้อยู่ จึงทำให้มันทั้งสองตัวมีอายุยาวถึง 50 ปีเช่นนี้ ใช่แล้วทุกคนอ่านไม่ผิด เมื่อก่อนพวกมันเคยอยู่ในหมู่บ้าน แต่เมื่อเจ้านายเดิมพวกมันจากไป พวกมันจึงคิดว่าหากขึ้นไปอยู่บนภูเขาน่าจะปลอดภัยกว่า พวกมันหากินไปเรื่อยๆ จนมาเจอถ้ำแห่งนี้แล้วก็ได้พบกับดอกไม้ต่อชีวิต พวกมันจะกินดอกไม้นี้แค่ปีละดอกเท่านั้น เพราะมันรู้ว่าต่อให้กินเยอะเท่าไหร่ก็ต่อชีวิตได้แค่ 1 ปี และที่มันแบ่งดอกไม้นี้ให้กับสองสามีภรรยาคู่นี้ก็เพราะทั้งสองคนนี้เป็นคนจิตใจดี เหมาะสมที่จะเป็นเจ้านายของพวกมัน ถึงพวกมันจะเป็นแค่ลูกแมว แต่พวกมันจะเลือกเจ้านายเอง ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะจับมันได้หากมันไม่อนุญาต
หลังจากนั้นเจ้าแมวทั้ง ตัวก็เดินเข้าไปอ้อนเจิ้งเจี๋ย เพราะตอนนี้ฟางเหนียงได้เดินเข้าไปในบ้านนานแล้ว พวกมันรู้ว่าเจิ้งเจี๋ยเป็นคนใจดีและขี้สงสารมาก ส่วนฟางเหนียงต่อให้น่าสงสารแค่ไหนหากอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข นางก็จะมอบให้คนอื่นหรือไม่ก็ไม่รับเอามาไว้เป็นปัญหาแน่นอน ทั้งสองตัวรู้ว่าหากจะอยู่ที่นี้ก็ต้องฟังเจ้านาย ไม่เช่นนั้นพวกมันจะต้องกลับไปอยู่ในป่าอีกครั้ง และครั้งนี้ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต แต่พวกมันยังไม่ต้องการที่จะให้เป็นเช่นนั้น พวกมันยังคงอยากมีชีวิตต่อไปอีกสักหน่อยแล้วค่อยจากไป
วันต่อมาเจิ้งเจี๋ยและฟางเหนียงได้ไปที่น้ำตกอีกครั้ง เพราะฟางเหนียงอยากได้ปลามาเลี้ยงที่บ้าน ครั้งนี้เจิ้งเจี๋ยเอาถังใบเล็กไปด้วยเพื่อจะเอาไว้ใส่ปลากลับมาบ้านให้นาง หลังจากที่ทั้งสองมาถึงเจิ้งเจี๋ยก็ตรงไปจับปลาให้ฟางเหนียงทันที ส่วนฟางเหนียงก็ได้เดินเล่นดูของป่าใกล้ๆบ่อน้ำ ตูม!!! อยู่ๆก็มีเสียงเหมือนกับอะไรกระทบกับน้ำอย่างแรง นางจึงรีบออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจิ้งเจี๋ยรึเปล่า "เจิ้งเจี๋ยเจ้าเป็นอะราย"
เสียงของนางที่อยู่เต็มลำคอในตอนนี้เริ่มหายไปโดยที่นางไม่รู้ตัว เพราะนางกำลังมองภาพของชายที่เป็นที่รัก กำลังยืนหลับตาพริ้มสะบัดผมไปมาอยู่ข้างบ่อน้ำโดยมีน้ำหยดจากเส้นผมไหลผ่านตรงใบหน้าและลำคอ ที่มีลูกกระเดือกขนาดใหญ่ค่อยๆเคลื่อนไหวตามการกลืนน้ำลายขึ้นลงอย่างช้าๆ ผ่านลงมาบริเวณไหล่กว้างและแขนที่แข็งแรงนี้มีเส้นเลือดที่นูนออกมา มันทำให้สมส่วนกับกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกทั้งสองข้างที่แน่นเปรี๊ยะ และผิวที่ขาวเนียนมันเข้ากันได้ดีกับซิกแพคทั้งหกก้อนที่มีความหนาไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ที่นางเคยได้สัมผัสมันทุกคืนแต่ไม่เคยได้เห็นมันชัดๆเลยสักครั้ง มันเหมาะกับร่างกายที่สูงโปร่งนี้เป็นอย่างมาก ทั้งหมดที่นางกล่าวมานี้มันรวมอยู่กับคนนี้แค่คนเดียวคนนั้นก็คือ สามีของนาง ทุกอย่างที่ลงตัวเช่นนี้มันทำให้บุคลิกของชายผู้นี้ดูดีเป็นที่สุด ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ไม่อาจจะละสายตาหรือแม้แต่จะกะพริบตาก็ยังไม่กล้า เพราะกลัวว่าภาพมายานี้จะหายไปจากตรงหน้าโดยไม่หวนคืนกลับ
เตาะ เตาะ เตาะ เสียงของเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจากโพรงจมูกตกกระทบกับมือของนางที่กุมไว้อย่างห้ามไม่อยู่ นางเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเลือดมันไหลเข้าไปในปากของนางที่เผยอออกมาเล็กน้อย ฟางเหนียงเอามือมาแตะที่บริเวณโพรงจมูก แล้วมองเลือดที่ติดมากับนิ้วของตนเองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แต่ในหัวกลับคิดว่านี่แค่มองจากที่ไกลๆนางยังเป็นได้ถึงเพียงนี้ แล้วถ้าหากว่านางได้มองชัดๆขณะที่สัมผัสมันอยู่ล่ะ แล้วนางจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะสลบคาอกที่แน่นของเขานั้นเลยรึ "ตะเกียงยามค่ำคืนนี่มันช่างไม่ได้เรื่องยิ่งนัก" นางเอ่ยออกมาเสียงเบา หุ่นที่แซ่บเช่นนี้มันทำให้นางหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง แล้วนั่นรอยยิ้มนั้นที่กำลังส่งมาให้นางมันคืออะไร รอยยิ้มที่เล็กน้อยของริมฝีปากนี้มันทำให้นางต้องตกหลุมพรางของเขาเข้าให้แล้ว ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนี้มันกำลังจะฆ่านางอยู่ก็ตาม นางก็พร้อมยินยอมที่จะตกหลุมพรางของเขาอย่างยิ่ง "นี่มันใช่สามีของนางจริงๆหรือ ทำไมเขาต้องทำให้นางหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นเช่นนี้ได้ ชายผู้นี้คงอยากให้นางนั้นตายจริงๆเป็นแน่ เพราะตอนนี้เขากำลังเดินเข้ามาหานางใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว ภาพที่เริ่มชัดขึ้นนี้มันทำให้เลือดกำเดาของนางนั้นไหลออกมาแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ