อานอ๋องวิ่งไปถึงตำหนักหลงซินก็เปิดปากพูดขึ้นว่า “เฟิ่งหมิงชี เจ้าวางยาพิษใส่เยว่เอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าต้องไปขอโทษนางที่จวนเสิ่น แล้วข้าจะไม่ถือโทษโกรธเจ้าเรื่องนี้อีก”
เฟิ่งหมิงชีเพิ่งกลับมาจากห้องยา กำลังรู้สึกเหนื่อยล้ามาก
อานอ๋องมาถึงก็พูดจาหยิ่งยโส เสียงดังเอะอะโวยวายใส่นาง
เฟิ่งหมิงชีสีหน้าเคร่งขรึมลงแล้วเหล่ตามาเขาทีหนึ่ง “ขอโทษเรื่องอันใดกัน?”
“เมื่อวานที่เจ้าวางยาใส่เยว่เอ๋อร์ เยว่เอ๋อร์เป็นคนจิตใจดีจึงไม่เอาเรื่องกับเจ้า แต่ข้าไม่ได้เป็นคนพูดง่ายขนาดนั้น วันนี้เจ้าต้องไปขอโทษนางให้ได้ มิฉะนั้นอย่ามาโทษข้าว่าไม่เกรงใจเจ้านะ!” อานอ๋องสวมใส่ชุดคลุมสีเขียวอ่อนทั้งตัว บนศีรษะประดับด้วยรัดเกล้าสีเงินลายดอกบัว เสริมให้บุคลิกที่หยิ่งยโสของเขาดูข่มผู้คนมากยิ่งขึ้น
เฟิ่งหมิงชีมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าไปทีหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นขึ้นมา และไม่อยากเสวนากับคนโง่แบบเขาอีก
อานอ๋องโกรธจนถลึงตาโตขึ้นมา “เจ้าหัวเราะอันใด?”
เขาไม่ได้โง่ แน่นอนว่าดูออกอยู่แล้วว่าเฟิ่งหมิงชีกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่
“อานอ๋องข้าว่าท่านน่าจะไปตรวจสายตาดูสักหน่อยนะ หรือไปก็กลับไปทานวอลนัทเยอะ ๆ บำรุงสมองสักหน่อยก็ดี” เฟิ่งหมิงชีเอี้ยวตัวเดินผ่านเขาไป และแอบส่ายหน้าเล็กน้อย
“เฟิ่งหมิงชีเจ้ากล้าด่าข้าว่าไม่มีสมองหรือ!” อานอ๋องโกรธมากกระโดดขึ้นมาก็จะลงมือเลย
ร่างกายเฟิ่งหมิงชีรีบถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ดีดนิ้วก็มีเข็มเงินเล่มหนึ่งบินไปปักอยู่บนตัวอานอ๋อง เขาขยับเขยื้อนไม่ได้ทันที
“เฟิ่งหมิงชีเจ้าทำอันใดกับข้า?” อานอ๋องเบิกตากว้าง โมโหขึ้นมาเหมือนหมีกริซลีอารมณ์ร้ายตัวหนึ่ง
ดวงตาทั้งคู่ของเฟิ่งหมิงชีเย็นชาลง แล้วยิ้มเย็นออกมาคำหนึ่ง “อยากให้ข้าไปขอโทษเสิ่นชิวเยว่งั้นหรือ?”
“เจ้า……เจ้า……เจ้าจะทำอันใด!”
อานอ๋องถูกท่าทางที่แสยะยิ้มแบบนั้นของนางทำให้ตกใจจนสะดุ้ง แล้วรู้เหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว จากนั้นก็เห็นอยู่ ๆ ในมือนางหยิบหนูที่ร้องจี๊ด ๆ ออกมา พอเขาเห็นแล้วก็กลืนน้ำลายอัตโนมัติ และอดไม่ได้ที่จะกรีกร้องออกมา “ว้าย……อย่าเข้ามานะ……”
เฟิ่งหมิงชียิ้มแฉ่งแล้วถือหนูตัวเล็กแกว่งไปมาต่อหน้าเขา “ดูท่าอานอ๋องจะเป็นคนขี้กลัวมากเลยนะ ข้ารู้สึกสงสัยแล้วซิว่าท่านไปเอาความกล้าจากไหนมาหาเรื่องข้าได้?”
อานอ๋องตกใจจนสีหน้าขาวซีด สายตาจ้องมองไปที่หนูตัวนั้นที่ร้องจี๊ด ๆ อยู่อย่างหวาดกลัว ผ่านไปครู่หนึ่งหนูก็ตัวแข็งทื่อตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเลย ทำให้เขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัวเลย
“เฟิ่ง……เฟิ่งหมิงชี……เจ้า……”
เฟิ่งหมิงชีจับหางหนูไว้แล้วมองดูทีหนึ่ง น้ำเสียงดูตื่นตกใจ “นี่แค่ครู่เดียวเอง ก็ตายแล้วหรือ ดูท่าพิษแมงป่องนี่จะรุนแรงมากเลยนะ”
พูดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่งให้อานอ๋อง แล้วเอาหนูที่ตายแล้วตัวนั้นวางลงบนฝ่ามือเขา “ข้ายังต้องไปต้มยาให้เสด็จปู่อีก รบกวนอานอ๋องช่วยเอาไปฝังให้หน่อยนะ!”
อานอ๋องร่างกายแข็งทื่อไปไม่กล้าขยับเขยื้อน ลูกตาเลื่อนมองต่ำลงทีหนึ่ง แล้วตาทั้งคู่ก็กรอกขึ้นไป และล้มหยางหลังไปเลย
เฟิ่งหมิงชีฮัมเพลงเบา ๆ ไปเดินเข้าห้องไปกะว่าจะไปนอนหลับให้สบายสักตื่น
……
“สามหาว นางสามหาวเทานไปแล้วจริง ๆ!”
อานอ๋องถูกคนหามไปที่ตำหนักของซูเฟย พอซูเฟยเห็นลูกชายถูกเฟิ่งหมิงชีกลั่นแกล้งจนหมดสติไปก็โมโหจนตบโต๊ะและก่นด่าเสียงดังขึ้นมาทันที “ทหาร ไปจับตัวเลี่ยหวางเฟยมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“เหนียงเหนียง เลี่ยหวางเฟยอยู่ที่ตำหนักหลงซิน มีไท่ว่างหวงคอยหนุนหลังอยู่ ไปจับตัวคนมาแบบนี้คงจะไม่ดีเท่าไหร่” มามาคนสนิทที่อยู่ด้านข้างขัดขวางไว้ทันที
ซูเฟยเองก็โกรธจนเสียสติไปแล้ว พอสงบสติลงแล้วมาลองคิดดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล นางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาและเคร่งขรึมว่า “เจ้าส่งคนไปที่ตำหนักหลงซินแล้วบอกว่าข้าไม่สบาย จึงขอเชิญเลี่ยหวางเฟยมาดูสักหน่อย”
มามาแววตาสั่นไหวครู่หนึ่ง “บ่าวเข้าใจแล้ว เหนียงเหนียงใจเย็น ๆ ก่อน เดี๋ยวบ่าวจะรีบไปเชิญเลี่ยหวางเฟยมาเดี๋ยวนี้เลย”
“เฟิ่งหมิงชีเจ้าคนชั้นต่ำคนนั้น จวนเฟิ่งอ๋องไม่อยู่แล้ว ยังใจกล้ามากลั่นแกล้งลูกชายข้าอีก ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปแน่” ซูเฟยนั่งลงไป แล้วลูบใบหน้าอานอ๋องเล็กน้อย รู้สึกสงสารจับใจ เงยหน้าขึ้นมาดวงตามีประกายความโหดเหี้ยมพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
เฟิ่งหมิงชีกำลังนอนกอดหมอนหลับสบายอยู่ ในขณะนั้นเองก็ถูกสาวใช้เขย่าตัวจนตื่น “จวิ้นจู่รีบตื่นเร็ว ซูเฟยเหนียงเหนียงมาเชิญให้ไปเข้าเฝ้าแล้ว”
เฟิ่งหมิงชีตื่นขึ้นมาแล้วขยี้ตาเล็กน้อย “ซูเฟยหรือ? ซูเฟยเชิญข้าไปด้วยเรื่องอันใดกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สักวารัก อาบแผ่นดิน
อยากให้ทางทีมงานอัพเดทต่อไปนะคะ♥️...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
แอดลงต่อได้ไหมค่ะ...
ดรื่องนี้ต่อเถอะ เรื่องที่แอดลงมีแต่สนุกๆทั้งนั้น...