สักวารัก อาบแผ่นดิน นิยาย บท 8

สรุปบท บทที่ 8 ยาถอนพิษ: สักวารัก อาบแผ่นดิน

อ่านสรุป บทที่ 8 ยาถอนพิษ จาก สักวารัก อาบแผ่นดิน โดย ดาวตา

บทที่ บทที่ 8 ยาถอนพิษ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ สักวารัก อาบแผ่นดิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ดาวตา อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

วันนี้หากนางไม่อธิบายให้แน่ชัด งานนี้มีสนุกเป็นแน่!

เฟิ่งหมิงซีดึงข้อมือกลับ แล้วสะบัดเขาออกด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ “อย่ามาแตะต้องข้าตามใจนะ!”

มู่หรงเซียวมองเห็นแววตาที่แฝงเต็มไปด้วยความรังเกียจของนาง ก็พลันกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดบนข้อมือปูดโปน แล้วเอ่ยอย่างโมโห “เฟิ่งหมิงซี! อย่าท้าทายความอดทนข้านะ”

“เสด็จพี่เจ็ด......”

ในขณะเดียวกัน เสิ่นชิวเยว่ครั้นฟื้นขึ้นเห็นมู่หรงเซียวกำลังพัวพันอยู่กับเฟิ่งหมิงซี ก็โมโหจนแทบอยากกระอักเลือด จากนั้น พอมู่หรงเซียวที่ยืนบังอยู่หันกลับมา ก็เผยปรากฏให้เห็นดวงหน้าอันงดงามหมดจดของเฟิ่งหมิงซีทันใด

เสิ่นชิวเยว่ครั้นเห็นดังนั้น ก็พลันนึกริษยาแทบคลั่ง เป็นไปไม่ได้?นี่มันเรื่องอะไรกัน เฟิ่งหมิงซีผู้อัปลักษณ์เยี่ยงตัวประหลาดนั่น ไยจึงฟื้นคืนโฉมหน้ามาได้?

เฟิ่งหมิงซียิ้มมองนางอย่างมีเลศนัย คล้ายจะยั่วอารมณ์นาง “คุณหนูเสิ่น คงนึกไม่ถึงกระมังเจ้าคะ!”

เสิ่นชิวเยว่คาดไม่ถึงจริงๆ นึกว่าตนตาลายไป แต่พอเพ่งมองดูชัดๆ ไม่ผิด นั่นก็คือเฟิ่งหมิงซีนางหญิงเลวผู้นั้นนั่นเอง

“ค่อกค่อก?”

นางเกรี้ยวโกรธเสียจนกระอักเลือดออกมา

นางวางแผนมาตั้งหลายปี แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกทำลายพังพินาศภายในวันเดียว

เฟิ่งหมิงซีนางหญิงนี่กลับสามารถฟื้นคืนโฉมหน้า เสียง และวรยุทธ์ได้ภายในคืนเดียว!

เสิ่นชิวเยว่กุมที่ทรวงอกนางโมโหเสียจนจะหมดสติไป

“เยว่เอ๋อร์?”

อานอ๋องพลันรีบทิ้งดาบลงแล้วพุ่งเขามาหาหญิงสาวโดยทันที

เสิ่นชิวเยว่กลับส่งสายตาไปที่มู่หรงเซียวด้วยความอ่อนแอ “เสด็จพี่เจ็ด?ข้ามิเป็นอันใดเจ้าค่ะ อย่าได้โทษท่านพี่หญิงเลยนะเจ้าคะ?”

เอ่ยจบก็พลันหมดสติไป

เดิมทีร่างกายนางก็ได้รับความเสียหายย่างสาหัสอยู่แล้ว ครั้นพอโกรธเคืองจนหัวใจจะวายขึ้นมาเช่นนี้ พิษจึงได้ถูกเร่งให้พลุ่งพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายไวขึ้นไปอีก

หมอหลวงจึงเอ่ยขึ้นทันใด “แย่แล้ว พิษในร่างคุณหนูเสิ่นกำลังแผ่ซ่าน ขืนยังเป็นเช่นนี้อีกเกรงว่าคงจักต้องพิษจนถึงแก่ชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

สาวใช้ของนางครั้นได้ยินดังนั้นก็พลันสีหน้าซีดเผือด สองมือสั่นระริก “คุณหนู?”

ครานี้เสิ่นชิวเยว่กลับหมดสติไป นางเองก็ตัดสินใจไม่ถูก!

“ท่านอ๋องช่วยคุณหนูด้วยเจ้าคะ เลี่ยหวางเฟยวิชาแพทย์ท่านสูงส่ง ได้โปรดท่านช่วยชีวิตคุณหนูข้าด้วยเถิด” สาวใช้มองดูมู่หรงเซียว ดวงตาเป็นประกายพลันรีบคุกเข่าลงพื้นดังตุบ

เฟิ่งหมิงซีขมวดคิ้ว “เจ้ามียาถอนพิษมิใช่หรือ ป้อนให้นางกินเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว!”

สาวใช้พลันสีหน้าซีดเผือด “หวางเฟย?หากท่านมิยินยอมช่วยชีวิตคุณหนูข้าก็จงเอ่ยมาตรงๆ เถิดเจ้าค่ะ ไยต้องใส่ร้ายบ่าวเช่นนี้ด้วย”

“ใช่น่ะสิ ไยข้าต้องใส่ร้ายนางบ่าวเยี่ยงเจ้าด้วย?” เฟิ่งหมิงซีเอื้อนเอ่ยอย่างเย็นชา

“ขืนเจ้ายังจะยืดเยื้ออยู่อีก คุณหนูเจ้าจะไม่รอดเอาหนา!”

“พอถึงยามนั้นเจ้าก็จักถูกฝังไปด้วยหนา”

สาวใช้ตระหนกกลัวเสียจนตัวสั่นระริก แล้วเอ่ยน้ำเสียงสั่นคลอน “เลี่ยหวางเฟย ไยท่านจึงได้อำมหิตหมดจดถึงขั้นนี้กัน?ท่านทำร้ายคุณหนูข้าให้ตายแล้วได้อะไรกัน?”

เฟิ่งหมิงซีคร้านจะใส่ใจนาง “คุณหนูเสิ่นเล่นอุบายใส่ข้าทำได้แม้กระทั่งวางยาตนเอง ความชั่วช้านี้ ข้านับถือเลยจริงๆ”

อานอ๋องคล้ายอยากจะเอ่ยอันใด เฟิ่งหมิงซีเหลือบมองนางด้วยแววตาเย็นชาดุดัน “หากพวกเขาไม่เชื่อก็ลองค้นตัวสาวใช้ผู้นี่ดูสิ”

เสิ่นชิวเยว่หาได้อยากตายจริงๆ ไม่ จะไม่เตรียมยาถอนพิษมาได้อย่างไร?

มู่หรงเซียวขมวดคิ้ว เขาสังเกตพบว่าสาวใช้นี่ช่างน่าสงสัยนัก ก่อนจะสั่งให้คนไปค้นตัวนางดู

สาวใช้ตระหนกกลัวจนตัวสั่นระริก พอเห็นองครักษ์ลับ ก็พลันก้าวถอยไปข้างหลัง

เสิ่นชิวเยว่ร่ำไห้อย่างโศกเศร้า อานอ๋องครั้นเห็นดังนั้นก็นึกปวดใจ จึงช่วยนางอธิบาย “น้องเจ็ด เยว่เอ๋อร์จิตใจบริสุทธิ์ ไฉนจะมีจิตมุ่งร้ายมากอุบายเช่นนั้นกัน? หากรู้ว่ามียาถอนพิษจริงเหตุใดนางจึงจะมิอยากเอาชีวิตรอดกันเล่า? เรื่องนี้เฟิ่งหมิงซีจะต้องเป็นคนทำแน่ นี่ก็มิใช่ครั้งแรกที่นางก่อเรื่องเช่นนี้ เจ้าอย่าได้ไปหลงเชื่อนางเชียวหนา”

มู่หรงเซียวสีหน้าแข็งกร้าว มองไปที่เฟิ่งหมิงซี

“มองข้าทำไม? หากข้าคิดจักวางยาพิษนางให้ตายจริง ข้าก็คงวางยาพิษร้ายแรงไม่ให้มียาถอนเสียไม่ดีกว่าหรือ? ไม่เห็นจำเป็นต้องไปยัดยาถอนพิษใส่ในตัวสาวใช้ผู้นี้เลย” เฟิ่งหมิงซีจับจ้องกลับไปด้วยความโกรธเคือง

เมื่อนึกถึงอารมณ์ในเมื่อก่อนของนาง ประโยคนี้หาใช่การพูดเล่นๆ ไม่ เฟิ่งหมิงซีนางทำได้จริงอย่างแน่นอน

มู่หรงเซียวมิได้เอ่ยอันใด เห็นได้อย่างชัดว่าเขายังคงสงสัยเสิ่นชิวเยว่อยู่

เสิ่นชิวเยว่ครั้นเห็นเขาไม่เชื่อตน ก็พลันเจ็บปวดใจนัก “หากเสด็จพี่เจ็ดไม่เชื่อข้า?งั้นข้า?ข้าขอยอมตายเจ้าค่ะ”

ครั้นเอ่ยขาดคำก็พลันจะเอาหัวไปโขลกกำแพง

ครานี้ไม่ต้องให้สาวใช้เป็นคนห้าม มู่หรงเซียวกับอานอ๋องครั้นเห็นดังนั้นก็พากันฉุดรั้งนางไว้อย่างฉับพลัน

มู่หรงเซียวคว้านางไว้ได้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง เสิ่นชิวเยว่ก็ฉวยโอกาสซบลงในอ้อมอกของเขาทันที ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาอันอ่อนแอ เอ่ยขึ้น “เสด็จพี่เจ็ด ไยต้องช่วยข้าไว้ด้วยเจ้าคะ?ค่อกค่อก ท่านไม่เชื่อใจข้า งั้นก็จงปล่อยข้าให้ไปตายเสียเถิด”

มู่หรงเซียวครั้นเห็นสีหน้านางซีดเซียวราวหิมะ ฝ่ามือก็ล้วนเย็นเฉียบ อีกทั้งน้ำตาหยาดรินอย่างไม่ขาดสายเขาก็ใจอ่อนลงทันที แต่ทว่าสีหน้าท่าทางยังคงเย็นชาดังเดิม ก่อนจะถอดถอนนางออกอย่างเบามือเอ่ยขึ้น “ข้าย่อมเชื่อเจ้าอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้นั้นจำต้องสืบสวนให้ชัดเจน”

“เสด็จพี่เจ็ด ข้าไม่ได้......ทำร้ายท่านพี่หญิงจริงๆ นะเจ้าคะ?หากแม้แต่ท่านยังไม่เชื่อใจข้า ข้าจักมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออันใดกัน?” เสิ่นชิวเยว่ใบหน้าอาบนองหยาดน้ำตาเต็มสองแก้มด้วยสภาพอันอ่อนแอ ทำคนอดปวดใจไม่ได้

มู่หรงเซียวมองดูหญิงสาวผู้กำลังโศกเศร้าเสียใจ ก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ที่เฟิ่งหมิงซีวางแผนพรากพวกเขาออกจากกัน พอนึกถึงความโหดร้ายของเฟิ่งหมิงซี ในใจเขาก็โกรธเคืองขั้นรุนแรง แล้วจึงมองไปที่เฟิ่งหมิงซีอย่างเหยียดหยัน“เยว่เอ๋อร์ อย่าร้องเลยหนา ข้าเชื่อใจเจ้า”

เฟิ่งหมิงซีก็นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะไปเชื่อนาง

แต่ในขณะเดียวกันนี้ ฮูหยินเสิ่นก็ได้เข้ามาถึง “เยว่เอ๋อร์!”

เสิ่นชิวเยว่มองไปที่ฮูหยินเสิ่น แล้วร่ำไห้อย่างน้อยอกน้อยใจ “ท่านแม่?”

ฮูหยินเสิ่นเข้าประคองตัวบุตรสาว “เยว่เอ๋อร์เจ้าเด็กโง่ แม่เคยบอกเจ้าแล้ว คบหาเพื่อนมิตรจักต้องพึงระวัง เจ้ากลับไม่เชื่อฟังคำแม่ ดึงดันจะผูกไมตรีพี่น้องกับนางให้ได้ แต่นางกลับวางยาพิษคิดจะเอาชีวิตเจ้า?ไยเจ้าโง่เช่นนี้ หากว่าเจ้าเป็นอันใดไป แม่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไงกันเล่า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สักวารัก อาบแผ่นดิน