สัญญาร้ายของประธานปีศาจ นิยาย บท 83

สรุปบท ตอนที่ 83 อย่าหาข้อแก้ตัวอีก: สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

ตอนที่ 83 อย่าหาข้อแก้ตัวอีก – ตอนที่ต้องอ่านของ สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

ตอนนี้ของ สัญญาร้ายของประธานปีศาจ โดย หยุนซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 83 อย่าหาข้อแก้ตัวอีก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 83 อย่าหาข้อแก้ตัวอีก

“เสว่เอ๋อ!” ใบหน้าของแม่ไป๋เต็มไปด้วยความโกรธ ราวกับจะพูดบางอย่างออกมา ทว่าไป๋เสว่เอ๋อกลับหันหลังให้ทันที รีบเดินไปที่บันไดอย่างรวดเร็ว

เพิ่งก้าวขึ้นบันไดไปได้เพียงสองขั้น น้ำตาของหล่อนก็ไหลรินลงมา หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากที่ตระกูลไป๋เกิดปัญหาขึ้น เพื่อนมิตรที่เคยอยู่เคียงข้างกันเมื่อก่อนกลับเมินหน้าหนีกันไปหมด ทุกคนต่างมีท่าทีเปลี่ยนไป แม้กระทั่งแม่ของตัวเอง ยังเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้!

สถานการณ์ของพ่อที่อยู่ในคุกตอนนี้เป็นยังไง ตัวหล่อนเองก็ไม่รู้เลย แต่ผู้เป็นแม่กลับให้หล่อนไปให้ที่พึ่งพิง....

หล่อนไม่ยอม! ไม่ว่าเมื่อก่อนพ่อจะเคยทำอะไร ยังไงเขาก็เป็นพ่อสายเลือด หล่อนจะไม่ทอดทิ้งเขาไปไหน หล่อนไม่ต้องการคนพึ่งพิง หล่อนเพียงอยากใช้ความสามารถของตัวเองมาทำให้ตระกูลไป๋เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพียงเท่านี้เอง

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อตื่นขึ้นมา ไม่ได้ทานอาหารเช้า วางเงินสองพันหยวนไว้บนโต๊ะอาหารให้แม่ จากนั้นก็ออกจากบ้านไป

เมื่อถึงบริษัท หล่อนทำงานยุ่งตลอดทั้งเช้า เริ่มจากประชุม ทั้งยังทำรายงานสรุป ไป๋เสว่เอ๋อแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ใกล้ถึงเวลาเที่ยง หล่อนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานจองโต๊ะที่ร้านอาหารให้เผยลี่เชินและประธานบริษัทการเงินฝู้ฉัย วันนี้ต้องโทรไปยืนยันกับทางร้านอีกครั้ง

หล่อนโทรศัพท์ไปอีกครั้ง หลังจากคอนเฟิร์มที่นั่งและอาหารกับทางร้านแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด หล่อนนำแท็บเล็ตไปที่ห้องทำงานของเผยลี่เชินเพื่อย้ำตารางงานหลังจากนี้ให้เขา

“ประธานเผยคะ วันนี้ตอนเที่ยงมีนัดทานข้าวกับประธานอู๋หัวหน้าบริษัทการเงินฝู้ฉัย ออกเดินทางจากออฟฟิศไปถึงร้านอาหารญี่ปุ่นใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง รออีกสักครู่ก็สามารถออกเดินทางได้เลยค่ะ”

เผยลี่เชินที่กำลังเปิดอ่านเอกสาร ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่ออกเสียงตอบรับ “ครับ”

ไป๋เสว่เอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยปากถามขึ้น “ประธานเผยคะ มีเรื่องอะไรจะให้จัดการเพิ่มไหมคะ?”

เผยลี่เชินได้ยินไป๋เสว่เอ๋อถามจึงเงยหน้าหันไปมองหล่อน ชะงักลงครู่หนึ่ง “วันนี้ไปกินเลี้ยงกับผมตอนเที่ยง”

หลังจากกลับมาจากเมืองหนานไห่ เผยลี่เชินออกไปกินเลี้ยงด้านนอกกับเลขาคนอื่นตลอด หล่อนยังไม่เคยได้ไปร่วมกินเลี้ยงกับเขา น้ำเสียงของไป๋เสว่เอ๋อแฝงไปด้วยความดีใจ รีบตอบรับทันที “โอเคค่ะ”

หลังจากรอเผยลี่เชินจัดการงานเสร็จ พวกเขาก็ออกเดินทางตรงไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นทันที

นัดกับผู้ช่วยของอีกฝ่ายไว้ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง เผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อเพิ่งถึงร้านอาหาร หลังจากบอกชื่อผู้ที่จองล่วงหน้าไว้ก็มีพนักงานที่สวมชุดกิโมโนญี่ปุ่นมาต้อนรับเดินนำไปที่ห้องวีไอพี

ไป๋เสว่เอ๋อเดินไปพร้อมถามเขาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “ประธานเผยคะ ต้องการให้ฉันโทรถามผู้ช่วยของประธานอู๋ว่าตอนนี้ถึงไหนแล้วไหมคะ?”

ขณะเผยลี่เชินกำลังจะพูด พนักงานที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นเสียก่อน “ห้องวีไอพีแปดมีแขกมาแล้วนะคะ มาถึงเจ็ดแปดนาทีแล้วค่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อได้ยินเช่นนั้น ไม่ได้พูดอะไรต่อ จะว่าไปแล้ว ประธานอู๋ฝ่ายบริษัทการเงินฝู้ฉัยคงจะมาก่อนแล้ว

ทั้งสองเดินตามพนักงานไป เดินเลี้ยวไปตรงทางเดิน เดินต่ออีกไม่กี่ก้าว ไป๋เสว่เอ๋อมองเห็นผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องวีไอพีไม่ไกลมากนัก

เผยลี่เชินก็มองเห็นเช่นกัน เขารีบเดินตรงไป พูดจาทักทาย “ประธานอู๋ ถึงหน้าประตูแล้วทำไมถึงไม่เข้าไปล่ะครับ?”

ไป๋เสว่เอ๋อเพิ่งรู้ว่าผู้ชายสองคนนี้เป็นผู้ช่วยของประธานอู๋กับเขานี่เอง แต่ทว่าสีหน้าของประธานอู๋ดูไม่สู้ดีนัก เหมือนกับว่าไม่ค่อยมึความสุข ประธานอู๋ได้ยินเขาพูดทักทายเช่นนั้น เดินก้าวขึ้นมาใกล้มากขึ้น มองไปที่เผยลี่เชิน พูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ “ประธานเผย คุณกับผมทำงานร่วมกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว ถ้าพวกคุณตระกูลเผยไม่พอใจอะไรกับฝ่ายบริษัทการเงินฝู้ฉัย ทำไมถึงไม่พูดกันต่อหน้า? ทำไมต้องใช้วิธีแบบนี้มากลั่นแกล้งผม?”

เผยลี่เชินขมวดคิ้วชนกัน รีบเอ่ยปากถาม “ทำไมประธานอู๋ถึงพูดแบบนี้? เข้าใจผิดอะไรรึเปล่าครับ”

ไป๋เสว่เอ๋อเหงื่อออกไปทั้งตัวยืนอยู่ด้านข้าง เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“เข้าใจผิด? ประธานเผย ผมไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับคุณมากนัก ทัศนคติแบบพวกคุณนี่นะ ผมว่า การร่วมงานครั้งนี้ไม่ต้องมาพูดกันแล้ว!” ประธานอู๋ส่ายมือ เดินออกไป

“ประธานอู๋....” เผยลี่เชินเดินตามไป กำลังจะถามขึ้นอีกครั้ง ผู้ช่วยของประธานอู๋กลับมายืนกั้นตรงหน้าเข้าไว้

ไป๋เสว่เอ๋อมองดูใบหน้าที่กำลังหัวเราะมองมาที่หล่อน แอบกำมือไว้แน่น หล่อนพยายามอดกลั้นความโมโหเอาไว้ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เลขาสวี่ ประธานอู๋ฝ่ายบริษัทการเงินฝู้ฉัยไม่ได้ชอบทานอาหารดิบ ใช่รึเปล่า?”

“ครั้งที่แล้วฉันไปพบประธานอู๋กับประธานเผย เขาสั่งสเต็กเนื้อแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ เขาพูดเองว่าชอบอาหารที่ดิบนิดหน่อย ดังนั้นฉันถึงได้บอกเธอแบบนั้นไง มีอะไรรึเปล่า? ”

ความชอบระดับความสุกดิบในการทานสเต็กกับชอบหรือไม่ชอบทานอาหารดิบมันคนละเรื่องกัน สวี่เยว่หรูบอกหล่อนว่าประธานอู๋ชอบทานอาหารดิบ คนปกติก็ต้องนึกถึงอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีระดับส่วนใหญ่ก็มีการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะต้องนั่งแบบขัดสมาธิบนเสื่อทาทามิ

ไป๋เสว่เอ๋อสูดหายใจเข้าลึก ถามขึ้นอีกครั้ง “งั้นเรื่องขาของประธานอู๋ที่เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก เธอรู้รึเปล่า?”

สวี่เยว่หรูพยักหน้า ยอมรับอย่างไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้น “รู้สิ”

หล่อนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองไป๋เสว่เอ๋อด้วยสาตาที่เหยียดหยาม “ทำไมเหรอ? เธอไม่รู้งั้นเหรอ? ฉันคิดว่าเธอรู้ซะอีก!”

ไป๋เสว่เอ๋อกัดฟัน จับชายเสื้อไว้แน่น พูดอะไรไม่ออก

หล่อนมาทำงานที่ตระกูลเผยไม่นานนัก ข้อมูลรายละเอียดของคู่ค้าที่ทำธุรกิจร่วมกับตระกูลเผยหล่อนยังไม่คุ้นเคยดีนัก แต่สวี่เยว่หรูกลับบอกข้อมูลเธอเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ตั้งใจหาเรื่องเธอแน่นอน

แต่ยังไงก็ยังหาจุดอ่อนของสวี่เยว่หรูไม่ได้ หล่อนเป็นคนจองร้านอาหาร ไม่ได้ทำความเข้าใจกับข้อมูลหรือรายละเอียดของฝ่ายตรงข้ามให้รอบก่อนก็ถือเป็นความผิดพลาดของหล่อน ไม่สามารถไปโทษคนอื่นได้

สวี่เยว่หรูมองดูท่าทางของไป๋เสว่เอ๋อ รู้สึกลำพองใจสะใจ “ไป๋เสว่เอ๋อ เธอคงไม่ได้ไปทำอะไรผิดพลาดมาใช่ไหม?”

ไป๋เสว่เอ๋อเชิดหน้ามองตรงไปที่ผู้หญิงตรงหน้า น้ำเสียงไม่พอใจ พยายามทำสีหน้าให้เป็นมิตรต่อสวี่เยว่หรู “เลขาสวี่ ถ้าเธอมีปัญหาอะไรกับฉัน พูดต่อหน้าฉันได้นะ แต่ขอร้องเถอะ ต่อไปอย่าใช้วิธีเยี่ยงนี้มาปฏิบัติต่อฉันอีก”

สวี่เยว่หรูได้ยินเช่นนนั้น ถอดสีหน้าทันที พูดด้วยความเยาะเย้ย “ปฏิบัติต่อเธอ? ไป๋เสว่เอ๋อ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันงั้นเหรอ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญาร้ายของประธานปีศาจ