ป่ายฉีนั้นก็ไม่ได้ปกปิด พยักหน้า
กู้จื่อเฟยเดิมทีก็ไม่สบายใจอยู่แล้ว ฉับพลันก็ลนลานขึ้น
"อันตรายยังไง เป็นสถานการณ์แบบไหน คุณเล่าให้ฉันฟังหน่อย"
"ก็ไม่ใช่สถานการณ์พิเศษอะไรหรอก ก็แค่อาจจะเผชิญกับการถูกปิดล้อม ถูกสกัดกั้น และถูกลอบสังหาร"
กู้จื่อเฟยฉับพลันหัวใจเย็นวูบ ใบหน้าขาวซีด
ดวงตาของเธอกะพริบไม่หยุด รู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้เย้นโม่หลินจากไป
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยมือที่สั่นเทา อยากจะโทรหาเย้นโม่หลิน
ไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ของตระกูลเย้นหรือไม่ ไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นปัญญาชนหรือเปล่า ไม่สนใจแล้วว่าต้องควรวางตัวอย่างไร เธอไม่ต้องการอีกแล้ว ต่อให้เธอจะขึ้นชื่อว่าใจร้ายไม่มีเหตุผลก็ตาม ก็ไม่อยากให้เย้นโม่หลินไปเสี่ยงอันตราย
ป่ายฉีกล่าวเบาๆ
"ตอนนี้โทรศัพท์ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เขาได้จากตระกูลเย้นไปแล้ว อยู่ระหว่างทางแล้ว ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะเดินทาง ไม่สามารถที่จะหันหลังกลับได้อีก"
กู้จื่อเฟยที่กำลังกดปุ่มโทรออกได้ชะงักค้าง
หนึ่งหยดน้ำตาดัง "ติ๋ง"ร่วงหยดลงบนหน้าจอโทรศัพท์
"อ้าวๆ ๆ ทำไมร้องไห้ล่ะ"
ป่ายฉีที่กอดอกอย่างสบายใจได้ตกใจขึ้นฉับพลัน รีบเดินเข้ามาหากู้จื่อเฟย ตกใจจนแม้แต่รอยยิ้มก็ไม่มี
ผู้หญิงบ้าๆ อย่างกู้จื่อเฟย บทจะร้องไห้ก็ร้องเฉย
เขาตกใจแทบแย่
กู้จื่อเฟยเองก็ไม่ได้มองเขา จับโทรศัพท์ไว้แน่น น้ำตาไหลรินร่วงหล่นลงมา
เธอไม่กล้าคิดว่าการไปของเย้นโม่หลินจะต้องเผชิญกับอะไร
แล้วจะได้รับบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน หรือเนื้อตัวแตกยับรอยมีดขีดข่วนเต็มทั่วร่างกาย
หรือว่าออกไปด้วยชีวิต กลับมาเพียงวิญญาณ
ยิ่งคิดกู้จื่อเฟยก็ยิ่งกลัว กลัวจนราวกับว่าฟ้าจะถล่มทลายลง
ส่วนป่ายฉีเองเริ่มปวดศีรษะ
ถ้าหากว่าเย้นโม่หลินรู้เข้าว่าเขาอุตส่าห์กำชับแทบตายว่าให้ดูแลกู้จื่อเฟยให้ดีๆ แต่ผลสุดท้ายเพิ่งจะจากไปแท้ๆ เขาก็ทำให้กู้จื่อเฟยร้องไห้เสียแล้ว เย้นโม่หลินกลับมาจะเอาเขาให้ตายไหมนะ
ป่ายฉีมือไม้ทำอะไรไม่ถูกได้กล่าวขึ้น
"คุณอย่าร้องไห้สิ อย่าร้อง เรื่องแบบนี้พี่ใหญ่เจอเป็นประจำ เขาจัดการจนเคยชิดแล้ว ต่อให้อันตรายขนาดไหน ก็จะกลับมาอย่างปลอดภัย"
กู้จื่อเฟยไม่รู้สึกได้รับการปลอบใจ แต่กลับรู้สึกหัวใจยิ่งเจ็บจี๊ดขึ้น
เย้นโม่หลินใช้ชีวิตแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ
คลุกคลีอยู่กับภัยอันตรายมาโดยตลอด บนตัวไม่รู้ว่าผ่านความเจ็บช้ำมาเท่าไหร่......
ป่ายฉีกำลังจะบ้าแล้ว
"คุณอย่าร้องไห้ได้ไหม คุณหยุดร้องไห้ ถามอะไรผมก็จะตอบคุณทุกอย่างตกลงไหม ถ้าหากว่าคุณร้องไห้แบบนี้อีก ต่อไปผมก็จะไม่บอกข่าวคราวของเย้นโม่หลินให้กับคุณอีก!"
เมื่อกล่าวจบ น้ำตาของกู้จื่อเฟยก็หยุดในทันที
เธอเงยหน้าขึ้น มองป่ายฉีด้วยน้ำตานองหน้า น้ำเสียงสะอื้น
"คุณอย่าเป็นแบบนี้ ผมรู้สถานการณ์ของเขาทั้งหมด"
ป่ายฉีเห็นว่าได้ผล จึงรีบพูดต่อ "ตอนนี้สามารถบอกคุณได้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาทั้งหมด รวมถึงรายละเอียดทั้งหมด ก็มีเพียงแต่ผมเท่านั้น
คุณรีบเช็ดน้ำตาของคุณซะ ผมเห็นแล้วรำคาญ"
กล่าวด้วยความหงุดหงิด แต่เขากลับยื่นกระดาษทิชชูให้เธอแผ่นหนึ่ง
กู้จื่อเฟยรับมาแล้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง ดวงตาแดงก่ำราวกับกระต่าย
เธอถามอย่างรีบร้อน
"อย่างนั้นคุณช่วยเล่าให้ละเอียดว่าครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่เย้นคิดที่จะไปทำอะไร"
กว่าจะทำให้กู้จื่อเฟยหยุดร้องไห้ได้ ป่ายฉีจึงไม่กล้าที่จะปิดบังอีก
ผู้หญิงที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่หลั่งน้ำตาได้ตลอดเวลา ไม่อาจจะขัดได้เลยจริงๆ
ยอมแล้วๆ
เขาเองก็ไม่จุกจิก บอกเล่าเรื่องตระกูลเย้นที่ถูกโจมตีอย่างกะทันหันจนส่งผลต่อเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดอย่างไม่ขาดตกบกพร่องออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...