"กู้จื่อเฟย ๆ!"
เสียงตะโกนตื่นเต้นดังขึ้นในเต็นท์
มือของเย้นโม่หลินคว้าอากาศและลุกขึ้นนั่งทันที
เขาเหงื่อออกเต็มศีรษะด้วยท่าทางสับสน
"พี่ใหญ่ ฟื้นแล้วเหรอ?"
ป่ายฉีที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงลุกขึ้นมองดูเย้นโม่หลินด้วยความดีใจ "ตอนนี้พี่รู้สึกยังไงบ้าง? พี่ฟื้นเร็วกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย"
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วและปรับอารมณ์ครู่หนึ่ง การมองเห็นของเขาก็คมชัดขึ้นทันใด และเขาก็สำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็ถามขึ้น "กู้จื่อเฟยล่ะ?"
รอยยิ้มบนใบหน้าของป่ายฉีหยุดนิ่งทันที
เขาเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร สีหน้าสั่นไหวเล็กน้อย
เย้นโม่หลินโน้มตัวไปข้างหน้าทันที คว้าแขนของป่ายฉีและถามอย่างกังวล "ฉันถามแกว่ากู้จื่อเฟยล่ะ?"
เย้นโม่หลินเคลื่อนไหวมากเกินไป เข็มฉีดยาที่แขนของเขาเบี่ยงออกและมีเลือดไหลออกมา
บนร่างกาย ผ้าก๊อซสีขาวก็เห็นเลือดอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ป่ายฉีกัดฟัน "พี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนลงก่อนเถอะ ผมจะเล่าให้พี่ฟัง"
เย้นโม่หลินจับไหล่ของป่ายฉีด้วยแรงมหาศาล
น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมเป็นที่สุด "นายไม่ได้ช่วยเธอใช่ไหม? ตอนนี้เธอ..."
เสียงของเย้นโม่หลินแหบพร่าและเหมือนมีก้อนหินก้อนหนึ่งติดอยู่ที่หน้าอกของเขา เขาไม่เคยรู้สึกว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดมันยากขนาดนี้
มันช่างยากลำบากจนทำให้เขาเจ็บปวดใจและรู้สึกหัวใจแตกสลาย
ป่ายฉีเองก็เจ็บปวด
"ขอโทษครับที่ผมช่วยเธอไม่ได้ในตอนนั้น หลังจากฝ่าออกมาได้ผมให้คนเข้าไปตามหาเธอ แต่ตอนนี้ก็ยังหาเธอไม่เจอ"
เย้นโม่หลินรู้สึกเจ็บหน้าอกอีกครั้ง และเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ป่ายฉีพูดด้วยท่าทางตื่นตระหนก
"พี่ใหญ่ พี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ระวังอาจจะถึงตายได้ พี่ใจเย็นก่อนนะ ผมรับรองว่าจะต้องช่วยกู้จื่อเฟยกลับมาให้ได้"
"ช่วยกลับมา? เป็นศพงั้นเหรอ"
"ไม่ เธอต้องไม่ตาย ผมรับรอง"
ป่ายฉีรีบอธิบาย "พี่คงไม่รู้ว่าระหว่างที่พี่หายไป มีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามติดต่อกู้จื่อเฟยตลอดเวลา บอกว่าเธอสามารถช่วยพี่ได้ แต่กู้จื่อเฟยจะต้องยอมทำให้ตัวเองเสียโฉม
พวกเราใช้แผนเพื่อให้ได้เบาะแสของพี่มาจากโทรศัพท์มือถือของผู้หญิงคนนั้นจึงได้ช่วยพี่ออกมาได้
ถ้าเข้าใจไม่ผิด คนที่พาตัวกู้จื่อเฟยไปก็คงเป็นผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะเกลียดกู้จื่อเฟยมาก เธอเอาแต่คิดแต่จะทำให้กู้จื่อเฟยเสียโฉม และเธอคงจะยังไม่ได้คิดจะเอาชีวิตกู้จื่อเฟยในตอนนี้"
เย้นโม่หลินกำหมัดแน่น ร่างสูงของเขาสั่นเล็กน้อย
เสียโฉมงั้นเหรอ?
เธอช่างกล้า!
"ฉันสลบไปนานแค่ไหน?"
เย้นโม่หลินปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาจะตื่นตูมไม่ได้ เขาจะต้องไปช่วยกู้จื่อเฟย
ป่ายฉีรีบตอบ "ยี่สิบแปดชั่วโมงครับ"
ตามหลักแล้ว เย้นโม่หลินได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้นอนอีกห้าหรือหกวันด้วยซ้ำ ครั้งนี้ควรจะสลบไปอย่างน้อยสามวันด้วยซ้ำ
แต่เขากลับฟื้นก่อนเวลานานขนาดนี้
"ผมให้คนออกไปค้นหาแบบปูพรมแล้ว"
"ผลล่ะ?"
ป่ายฉีสีหน้าขรึม "ดูเหมือนพวกมันจะเตรียมตัวไว้ก่อนแล้วและทำลายร่องรอยทุกอย่างแล้วหนีไป ตอนนี้ยังหาเบาะแสที่มีประโยชน์ไม่ได้"
"งั้นนายจะยังอยู่ตรงนี้ทำไมอีก?"
เย้นโม่หลินเต็มไปด้วยความเกลียดชังและลุกขึ้นจากเตียงในขณะที่เขาพูด "พวกมันหนีไปไกลแล้ว! ปูพรมหาก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ต้องตาหาสุดหล้าฟ้าเขียว"
ป่ายฉีได้ยินแล้วขมวดคิ้วแน่น
"แต่สถานการณ์ของตระกูลเย้นในตอนนี้ ไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้นได้"
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะสามารถทุ่มเทเพื่อหาคนได้ แต่ตอนนี้ตระกูลเย้นของพวกเขาถูกโจมตี และทุกคนตกอยู่ในอันตราย
หากการป้องกันตัวเองยังทำได้ยาก แล้วจะทุ่มกำลังคนส่วนใหญ่เพื่อออกตามหาคนไปทั่วโลกได้ยังไง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...