ความหวังที่เพิ่งเกิดขึ้นภายในใจเย้นหว่าน พลันถูกกดทับลงทันที
ตอนนี้ไม่เพียงแค่เอาชนะด่านยากอย่างหยูฉู่สองนั้นได้แล้ว ตัวของป่ายฉีเอง ก็ยุ่งจนไม่สามารถแยกร่างไปทำงานต่างๆ ได้ทัน แม้แต่การดูแลกู้จื่อเฟยก็ยังทำไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องคิดหาวิธีทำลายอุปสรรคแต่ละชั้นเพื่อมาที่ตระกูลหยูอีก
นั่นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
"เสี่ยวหว่าน คุณเป็นอะไร ดูแล้วเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะ"
กู้จื่อเฟยสังเกตเห็นอย่างชัดเจน ถามออกมา
สายตาของป่ายฉีเองก็มองไปที่หน้าของเย้นหว่าน คิดที่จะถาม
เย้นหว่านมีพิรุธเล็กน้อย ตอบด้วยรอยยิ้มว่า
"ไม่มีอะไร ฉันจะมีอะไรได้ ก็แค่จู่ๆ รู้สึกจิตตกเอง พวกเธอต่างก็ทำงานยุ่งกัน มีแต่ตัวฉันเองที่ไม่มีอะไรทำ แล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้"
"ยุ่งกับเรื่องพวกนี้ ล้วนเป็นงานของผู้ชาย"
ป่ายฉี แล้วถามต่อว่า "ใช่แล้ว โห้หลีเฉินล่ะ"
หลายคืนก่อนบางครั้งเปิดวิดีโอ ยังได้เห็นหน้าโห้หลีเฉินอยู่
วันนี้โห้หลีเฉินกลับไม่อยู่
เมื่อเอ่ยถึงชื่อเขาขึ้นมา เย้นหว่านก็รู้สึกเจ็บแปลบๆ ภายในใจ มันเป็นเรื่องยากลำบากมากที่เธอจะรักษาอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ให้สติแตก
"เขามีธุระกะทันหัน เริ่มงานยุ่งขึ้นมาอีกแล้ว คาดว่าช่วงนี้คงจะค่อนข้างยุ่ง"
ป่ายฉีถามซักไซ้ว่า "เกิดเรื่องอะไรเหรอ เขายุ่งอะไร"
เย้นหว่านพลั้งปากหาเหตุผลขึ้นมาเอง จะตอบคำถามเขาทันได้อย่างไร
แววตาเธอหวั่นไหวไม่กล้าสบตาป่ายฉีตรงๆ "ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ เขาบอกแค่ว่าให้ฉันบำรุงลูกในท้องให้สบายใจ"
ลูก เป็นเกราะป้องกันอเนกประสงค์ชั้นดีทีเดียว
ป่ายฉีเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย "ใช่ต้องบำรุงครรภ์ด้วยความสบายใจ เด็กๆ เป็นยังไงบ้างตอนนี้"
"อืม สบายดีมาก โตเร็วมากเลยนะ"
เย้นหว่านยิ้มอย่างอ่อนโยน เอามือลูบที่ท้อง เพื่อปิดบังความรู้สึกผิดภายในใจเอาไว้
เธอเกือบจะต้องแท้งลูกแล้วเชียว
ทั้งสามคนพูดคุยกันอีกสองสามประโยค ไม่ได้มีประเด็นสำคัญอะไร พูดจบก็ปิดวิดีโอคอลไป
กู้จื่อเฟยยังไม่ทันได้เริ่มกินเค้ก ก็ไม่มีความอยากอาหารแล้ว
เธอพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึงว่า "คุณรู้สึกบ้างไหมว่าเสี่ยวหว่านแปลกๆ อารมณ์ดูไม่ค่อยปกติ"
"เหลวไหล ต้องให้คุณบอกด้วยเหรอ"
ป่ายฉีเหลือบมองเธออย่างรังเกียจ
สองสามวันก่อน ตอนกลางคืนยังเห็นหน้าค่าตาโห้หลีเฉินอยู่กับเย้นหว่านอยู่เลย ความกังวลพวกเขาก็ค่อยๆ จางหายไป เริ่มเชื่อว่าระหว่างโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน
แต่ว่าคืนนี้ แม้เย้นหว่านจะพยายามปิดบังอย่างเต็มที่ แต่พวกเขากลับสัมผัสได้แล้วว่า ท่าทีของเย้นหว่านผิดปกติ
ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วแน่นอน
น้ำเสียงที่กู้จื่อเฟยพูดกับป่ายฉี โกรธจนแทบอดไม่ได้ที่จะเตะเขาสักครั้ง
แต่เพื่อเย้นหว่าน เธอพยามสะกดกลั้นความขุ่นเคืองที่มีต่อเขา พูดว่า "นายไม่ได้กำลังสืบเรื่องของตระกูลหยูอยู่เหรอ สืบได้ความอะไรมาบ้าง"
พูดมาถึงตรงนี้ ป่ายฉีก็ยิ่งทำหน้าดำคร่ำเครียดหนักกว่าเดิม
เขามองกู้จื่อเฟยด้วยแววตาสับสน หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง จึงถามว่า "คุณคิดว่าเย้นโม่หลินจะนอกใจมั้ย"
คำถามนี้….
กู้จื่อเฟยทนไม่ไหวถีบไปที่ตัวของป่ายฉีหนึ่งครั้ง
"เชื่อนายแม่หมูก็ปีนขึ้นต้นไม้ได้แล้ว พี่เย้นของฉันไม่มีทางนอกใจหรอก!"
"เชอะ คุณก็มั่นใจในตัวเองจังเลยนะ"
ป่ายฉีไม่ถือโทษที่เธอถีบ ได้แต่นั่งให้ห่างขึ้นอีกหน่อย ถามอีกว่า "งั้นคุณคิดว่าโห้หลีเฉินจะนอกใจมั้ย"
กู้จื่อเฟยเองก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย "ไม่มีทาง เขารักเย้นหว่านขนาดนั้น เขาไม่เห็นผู้หญิงอื่นอยู่ในสายตาหรอก"
เพราะเย้นหว่านเป็นเพื่อนรัก เธอเองก็เคยเห็นพวกผู้หญิงที่คอยมาตามก้อร่อก้อติกรอบๆ ตัวโห้หลีเฉินแล้ว แต่ผู้หญิงพวกนั้น ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จเลยสักคน
โห้หลีเฉินนั้นก็มาตรฐานสูงจะตาย ในสายตาเขา ก็มีเพียงเย้นหว่านคนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...