เธอจ้องไปที่เด็กตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน ด้วยสายตาเป็นประกายระยิบระยับ และรู้สึกอึดอัดอย่างมาก
โห้หลีเฉินชำเลืองมองเธอ และถามด้วยเสียงทุ้มต่ำไปว่า
"คุณไม่ชอบเด็กเหรอ?"
แรบบิทเงยหน้าขึ้นทันที แล้วมองเย่ซือซือด้วยดวงตาที่เหมือนกับไข่มุกสีดำอย่างน่าสงสาร ราวกับว่าถ้าเธอไม่ชอบก็สามารถร้องไห้ออกมาได้ในทันที
เย่ซือซือใจอ่อนจนอย่างมาก
เธอส่ายหัวอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า "ฉันชอบเด็กมากค่ะ"
"ใช่เหรอ?" สายตาที่คมกริบของโห้หลีเฉินนั้นเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ "ดูเหมือนว่าคุณ จะอึดอัดมากนะ คนที่ชอบเด็กน่ะไม่ได้มีปฏิกิริยาแบบคุณ"
"นั่นเป็นเพราะ..."
เย่ซือซือกะพริบตาอย่างกระวนกระวาย และหาเหตุผลพูดไปว่า "ฉันแค่ไม่ค่อยชินกับอยู่แนบชิดกับคนแปลกหน้าอย่างกะทันหันน่ะ"
เหตุผลนี้ดีอย่างมาก
แม้ว่าแรบบิทจะน่ารักแค่ไหน แต่สำหรับเธอแล้ว ก็เพิ่งจะเจอกันแค่ 2 ครั้ง และก็เป็นเด็กที่เพิ่งรู้จักกันเท่านั้น
"พี่สาวคะ พวกเรามาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้วนะ"
แรบบิทยื่นมือของเธอออกไปจับเสื้อผ้าของเย่ซือซือ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง และความกระตือรือร้นและสนิทสนมเป็นพิเศษ
เธอน่ารักจนอดใจไม่ไหวเลยจริงๆ
เย่ซือซือยื่นมือออกไปสัมผัสแก้มเล็กๆ ของเธอโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นครู่หนึ่ง ก็ดูเหมือนว่าเธอจะใช้ความกล้าอย่างมาก ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"ก็ได้"
มาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้วเน้อ
โห้หลีเฉินมองดูเธอด้วยสายตาที่มืดครึ้ม โดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ จากนั้นจึงหันหน้ากลับไป และอ่านหนังสือของเขาต่อ
ดูเหมือนว่าตั้งแต่แรกเริ่ม ก็ไม่ได้สนใจในตัวเธออยู่แล้ว
เมื่อไม่ถูกโห้หลีเฉินจ้องแล้ว เย่ซือซือจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก รสชาติของความวิตกกังวลที่ต้องระแวดระวังอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น มันรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย
เย่ซือซือเปิดอ่านหนังสือ และเล่านิทานให้แรบบิทฟัง
เธอเล่านิทานทุกเรื่องด้วยน้ำเสียงและอารมณ์ที่ยอดเยี่ยมและน่าประทับใจ ซึ่งเธอก็กระตือรือร้นเป็นที่สุด
แรบบิทฟังอย่างสนุกสนาน ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
อย่างไรก็ตาม หนังสือนิทานสำหรับเด็กพวกนี้มักใช้เพื่อกล่อมเด็กให้หลับ และแม้แต่แรบบิทก็ไม่มีข้อยกเว้น หลังจากฟัง ก็เผลอหลับไปในอ้อมแขนของเย่ซือซือ
เวลาหนึ่งชั่วโมงนั้น ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โห้หลีเฉินปิดหนังสือ และมองดูแรบบิทที่โอนอ่อนในอ้อมแขนของเย่ซือซือ แล้วแสงอันอบอุ่นก็ส่องประกายในดวงตาของเขา
จากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาว่า
"ส่งเธอให้เว่ยชี แล้วพาเธอไปนอน"
"ค่ะ"
เย่ซือซืออุ้มแรบบิทขึ้นมาเบาๆ แล้วไปที่ประตู
เมื่อเว่ยชีได้ยินเสียงเคลื่อนไหวการเดิน เขาจึงเป็นฝ่ายเปิดประตู
"ลำบากคุณแล้วครับคุณหมอเย่ แค่ส่งคุณหนูมาให้ผมก็พอแล้วครับ"
เว่ยชียื่นมือไปรับแรบบิท
แรบบิทเผลอหลับไปแล้ว แต่เมื่อเธอก็รู้สึกได้ถึงอ้อมกอดที่สบายกำลังเคลื่อนออกไป มือเล็กๆ ของเธอก็คว้าเสื้อของเย่ซือซือไว้
เธอซะอึกซะอื้นและบ่นพึมพำอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า "อย่าทิ้งหนูไป ......คุณแม่"
การเคลื่อนไหวของเย่ซือซือหยุดชะงักลง
เธอมองไปที่เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอด้วยสีหน้าที่สั่นไหวอย่างรุนแรง
เว่ยชีก็ตกใจ โอ้พระเจ้า แม้ว่าแรบบิทจะอ่อนโยนและน่ารัก และมักจะยิ้มให้ทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้วนอกจากโห้หลีเฉิน ตัวเขาและพี่เลี้ยงแล้ว เธอก็ไม่ได้สนิทสนมกับคนอื่นเป็นพิเศษเลย
ยิ่งไปกว่านั้นก็เธอก็ไม่เคยเรียกใครว่าแม่ แม้ว่าจะเป็นในความฝันก็ตาม
แต่ เย่ซือซือที่เพิ่งรู้จักกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะดึงแขนเสื้อของเย่ซือซือและเรียกว่าแม่?
ไม่สิ ต้องเพราะฝันเห็นเย้นหว่าน ถึงได้เรียกมั่วไปเรื่อยอย่างนี้
"คุณหมอเย่ครับ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ แม่ของเด็กจากไปตั้งแต่เธอยังเล็ก คงจะเป็นเพราะฝันเห็นแม่"
สีหน้าของเย่ซือซือ เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เธอก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
"ไม่เป็นไรค่ะ เธอเป็นทั้งเด็กที่น่ารักและน่าสงสารมากเลย"
เธอหยุดชะงัก และถามด้วยความสงสัยว่า "เท่าที่ฉันรู้ ตั้งแต่ที่เกิดมาเธอน่าจะไม่เคยเห็นแม่มาก่อน แล้วทำไมถึงได้มีความรักความผูกพันต่อแม่มากขนาดนี้ล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน