ตอน บทที่ 1101 กวนโมโหไม่ได้ แล้วก็หลบไม่ได้ด้วย จาก สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1101 กวนโมโหไม่ได้ แล้วก็หลบไม่ได้ด้วย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน ที่เขียนโดย ถางเสี่ยวเถียน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เย่ซือซือชะงัก เธอคิดไม่ถึง เธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่เฝ้าตอนกลางคืน
จะว่าไป คนที่คอยเฝ้าโห้หลีเฉินก่อนหน้านี้เป็นผู้ชายหมดเลยงั้นเหรอ?
หรือว่า ก่อนที่ทีมรักษาจะมา เขาไม่ได้รับการรักษาเลยแม้แต่น้อย หลังจากทีมรักษามาแล้ว คนที่ผลัดเวรเฝ้ายามหลายวันมานี้ก็ล้วนเป็นผู้ชายหมดเลย ไม่ใช่ผู้หญิง
แต่ในบรรดาสิบสองคนที่มาครั้งนี้ ก็มีผู้หญิงห้าคนนะ
ถ้าหากว่าผลัดเวร ก็ควรมีผู้หญิงคนอื่นๆ อีก 4 คนเคยมาเฝ้ายามบ้างตั้งนานแล้ว เว้นเสียแต่โห้หลีเฉินจะไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นมาเฝ้า
เย่ซือซือมองโห้หลีเฉินด้วยความระแวง ตัวแนบกับประตูชิดยิ่งกว่าเดิม
"คุณโห้ ทำไมคุณถึงเกลียดฉันขนาดนี้?"
โห้หลีเฉินเลิกคิ้ว ไม่นึกว่าเขาจะตามความคิดเธอไม่ทันเล็กน้อย
ทว่าเขากลับไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถือโอกาสเอ่ยถาม "คุณมองออกได้ยังไง?"
ในพริบตา เย่ซือซือไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม เขาเกลียดฉันจริงๆ ด้วย
เธอเอ่ยเสียงกระฟัดกระเฟียด "ตั้งแต่คุณแกล้งฉัน ไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นมาเฝ้า จะต้องให้ฉันอดหลับอดนอนตลอด"
สำหรับเด็กสาวแล้ว การนอนตอนกลางคืนช่างล้ำค่าเสียนี่กระไร เป็นเวลาที่ดีสุดๆ ในการบำรุงรักษาใบหน้า
เมื่อก่อนตอนที่เย่ซือซือทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลบำรุงร่างกายมากที่สุด กำหนดการเวลาผ่าตัดก็พยายามหลีกเลี่ยงเวลากลางคืนให้มากที่สุด
โห้หลีเฉินให้เธอมาเฝ้าตลอดทั้งคืน ช่างเป็นอะไรที่ทำร้ายสุขภาพของเธอได้อย่างใหญ่หลวงที่สุด
โห้หลีเฉินจ้องเธอ หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยเสียงเบา
"คุณรู้ตัวเองดีนี่"
รอยยิ้มมุมปากของเขาเย็นเยียบ "นี่เป็นเพียงบทลงโทษที่เธอไม่ฟังกำหนดการ ไม่เข้าร่วมการรักษา ทำให้ความคืบหน้าของอาการฉันล่าช้าลง หลังจากนี้ถ้าเธอยั่วโมโหฉันอีก ก็ต้องมาเฝ้าฉันทั้งวัน"
"งั้นฉันก็ไม่ต้องนอนแล้วงั้นสิ?"
เย่ซือซือโกรธเกรี้ยวจนกรีดร้อง คนคนนี้จะไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
โห้หลีเฉินยกมุมปาก เยาะหยัน "ดูท่าคุณคิดจะยั่วโมโหฉันต่อสินะ"
"ฉัน ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น"
เย่ซือซือกลัวหงอ สบถแม่งเอ๊ยหมื่นคำในใจอย่างบ้าคลั่ง ทว่าสุดท้ายก็จำต้องเดินไปข้างกายโห้หลีเฉินอย่างฝืนทน ประคองเขาไปยังเตียง
เมื่อชิดใกล้เขา ร่างกายของเธอก็เกร็งทันที มือเล็กๆ ที่ยื่นออกไป ยังแตะไม่ถึงแขนของโห้หลีเฉินสักที
คล้ายว่าการสัมผัสเขาสำหรับเธอเป็นเรื่องที่ต้องฟันฝ่าอันตราย
แววตาของโห้หลีเฉินเย็นเยียบอึมครึม เอ่ยแกมหัวเราะหยัน
"ทำไม แค่ประคองผู้ชายคนอื่นแป๊บเดียว ก็กลัวว่าจะเป็นการนอกใจเสิ่นเคอหานเหรอ?"
"ไม่ใช่สักหน่อย หานหานของฉันใจกว้างมากๆ ไม่หึงโดยไร้สาเหตุหรอก ฉันมีปัญหาด้านการสัมผัสนิดหน่อย ไม่ค่อยชินเวลาเจอคนแปลกหน้า"
เมื่อครู่ ตอนกอดแรบบิทเธอก็พูดแบบนี้เช่นกัน
ทว่ารอยยิ้มของโห้หลีเฉินเย้ยหยันยิ่งกว่าเดิม "ตอนคุณผ่าตัด จำเป็นต้องสัมผัสคนไข้มากกว่านี้อีกไม่ใช่เหรอ?"
ว่ากันกว่าต่อหน้าแพทย์ไม่ว่าชายหญิง ถึงขั้นเป็นคนที่ได้เห็นร่างกายคนอย่างชัดเจน และมีโอกาสได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งจากผิวนอกไปอวัยวะภายในมากกว่าด้วยซ้ำ
เรื่องแบบนี้ คนที่เกลียดการสัมผัสตัวจะสามารถทำได้เหรอ?
มองสบสายตาของโห้หลีเฉินที่บ่งบอกว่าสงสัยระดับความเป็นมืออาชีพของเธอชัดเจนขนาดแล้ว เย่ซือซือพลันไม่ยอมแพ้
"การขยับมีดเพื่อผ่าตัด การตรวจสอบอาการ ทั้งหมดนี้ไม่เหมือนกันเลย นั่นเขาป่วยจริง ฉันมืออาชีพมาก ไม่มีความขัดข้องใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพราะคุณ ไม่ได้มารักษา แต่ทำตัวงี่เง่า"
กล่าวจบ เย่ซือซือถึงรู้สึกตัวว่าตนพูดอะไรออกไป เธอรู้สึกลนลานอึดอัดไปชั่วขณะเล็กน้อย
กลัวว่าโห้หลีเฉินจะโมโหเพราะเรื่องนี้
สีหน้าของโห้หลีเฉินแย่ลงเล็กน้อยอย่างที่คิด สายตาที่เดิมทีก็อันตรายอยู่แล้ว ดูเย็นชาอึมครึมยิ่งกว่าเดิม
เขายกแขนขึ้น แต่ละประโยคแต่ละคำออกมาจากช่องฟันที่ขบแน่น
"รีบๆ ชินเข้าล่ะ ฉันยังมีเรื่องให้งี่เง่าอีกเยอะ"
เย่ซือซือ "..."
ขนที่หลังถึงลุกเกรียวขึ้นมา ทำไมกันนะ
ผู้ชายที่รอยยิ้มอันอ่อนโยนยังไม่เคยมีเลยแม้แต่ครั้งเดียว น่ากลัวมาก
เธอไม่กล้าวุ่นวายอีก กัดฟันกุมแขนของโห้หลีเฉินมาวางไว้บนไหล่ตน แล้วประคองหลังของเขา เริ่มออกแรง "ตามฉันมาค่ะ"
เย่ซือซือหัวใจเต้นระรัว ไม่ง่ายเลยกว่าจะดึงสติกลับมาได้ รีบผลักโห้หลีเฉินออก กระโดดลงจากเตียง
"คะ คะ คุณมัน หยาบคาย!"
โห้หลีเฉินที่ถูกผลักตัวออกถือโอกาสนี้นอนลงบนเตียง
สีหน้าของเขาเย็นชา "ฉันยังไม่เห็นพูดเลยว่าคุณแต๊ะอั๋งฉัน คุณร้องอะไร?"
หา?
ในตอนที่เย่ซือซือตกใจเขิน มองชายที่ยังนิ่งขรึมไม่สะทกสะท้าน สบถแม่งเอ๊ยล้านคำในใจอย่างบ้าคลั่ง
นี่ไม่ใช่แค่หยาบคายแล้ว เขายังหน้าไม่อายด้วย!
ไฟโกรธลุกเต็มอกเย่ซือซือ เดินตรงไปยังโซฟาในห้องที่อยู่ห่างจากเขามากที่สุด นั่งหันหลังให้เขา
ทั้งตัวหัวจรดเท้า ล้วนเป็นความไม่พอใจและความไม่ยอมที่มีต่อเขา
โห้หลีเฉินดึงหมอนเอง ขยับเขยื้อนร่างกาย นอนบนเตียงให้ถนัดถนี่ แล้วดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาคลุมตัวเอง
เขามองไปยังเย่ซือซือด้วยความอึมครึม น้ำเสียงราบเรียบแบบที่ทำให้คนฟังนึกโมโหได้
"ถึงเวลาให้น้ำเกลือแล้ว"
สันหลังของเย่ซือซือพลันแข็งทื่อ ทั้งร่างกายของเธอ แม้แต่เส้นผมยังเป็นความไม่ยอม
จำใจ อยู่ชายคาบ้านเขาก็จำต้องก้มหัวให้
ใบหน้าเล็กๆ ของเธอบูดบึ้ง ให้น้ำเกลือเขาอย่างมืออาชีพ
ให้น้ำเกลือเสร็จเธอก็อยากเดินหนี ทว่าข้างหูกลับมีเสียงน่าหมั่นไส้สุดๆ ของชายหนุ่มดังขึ้น
"นวดขา"
"ทำไมฉันต้องนวดขาให้คุณด้วย? ฉันไม่ใช่แม่เลี้ยงนะ!"
โห้หลีเฉินเอ่ยอย่างมีเหตุผล "เพราะคืนนี้คุณต้องเฝ้าฉัน"
เย่ซือซือ "..."
คนที่ต้องเฝ้าตอนดึกทุกวันน่าสงสารกันขนาดนี้เลยเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...