เสิ่นเคอหานก็มองโห้หลีเฉินด้วยอารามตกใจเช่นกัน คนคนนี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?
พูดจาอะไรไม่สนเหตุผลจริงๆ
เสิ่นเคอหานแค้นเคือง ให้ใจเย็นแค่ไหน ก็แทบอดที่จะโกรธไม่ได้
แม้เว่ยชีจะเอ่ยค่อนขอดอยู่ในใจ แต่การปฏิบัติการกลับไร้ความลังเลใจใดๆ อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์
เขาเดินไปข้างๆ เสิ่นเคอหาน เอ่ยโน้มน้าวเสียงเบา
"คุณหมอเสิ่น คุณอย่าโกรธเลย เห็นใจคนไข้เถอะจะว่าไปแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาทำงานพวกคุณทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นักจริงๆ นั่นแหละ"
พูดถึงเรื่องงาน ไฟโกรธของเสิ่นเคอหานที่เพิ่งพุ่งขึ้นมา ก็มอดลงไปเล็กน้อย
เขานั้นรู้ผิดรู้ชอบดี แต่ก็จริงที่เย่ซือซือไม่เต็มที่กับงานเลย รสนิยมเปิดเผยแทบทั้งหมด ไม่กระตือรือร้นกับการรักษาแม้แต่นิดเดียว
ถึงขั้นนอนในเวลาทำงานด้วย
แม้ว่าจากการที่เธออดนอนมาก็พอจะให้อภัยได้ก็เถอะ...
"เอาเถอะ" เสิ่นเคอหานฝืนตอบรับ เอ่ยเสียงคลุมเครือ "ชีวิตฉันหวานชื่นรื่นรมย์แล้ว จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับผู้โดดเดี่ยวเดียวดายก็แล้วกัน"
ประโยคนี้ เขาไม่ได้ยับยั้งเสียงเลยสักนิด
โห้หลีเฉินย่อมได้ยินมัน
สีหน้าของเขาที่เดิมทีก็ไม่ได้ดีนักดำทะมึนไปชั่วขณะ จ้องเสิ่นเคอหานราวกับพายุที่กำลังพัดเข้ามา
เขาเม้มมุมปาก แม้แต่อุณหภูมิอากาศก็ลดลงหลายองศาไปตามกัน
"งั้นเหรอ?" โห้หลีเฉินยิ้มเยาะ น้ำเสียงราวกับเบียดออกมาจากช่องฟันที่ขบกัน มีความคล้ายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หลายส่วน "ไม่งั้นลองดูตอนสุดท้ายไหมล่ะ ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้โดดเดี่ยวเดียวดาย"
พูดไปพลาง สายตาอันตรายของโห้หลีเฉินก็มองไปที่เย่ซือซือ ดวงตานั้นเต็มไปด้วยประกายรุกล้ำที่น่าตึงเครียด
พลันเสิ่นเคอหานรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบตั้งแต่ปลายเท้าไปยันเส้นผม
และยังรู้สักถึงภัยร้าย ไอ้เวรโห้หลีเฉินหมายถึงอะไร?!
เขางอนิ้วกำหมัดแน่น เส้นเลือดดำที่หลังมือแทบปริออก
เว่ยชีเช็ดเหงื่อเย็นไม่หยุด รีบเอ่ยโน้มน้าว
"คุณเสิ่น คุณเป็นแพทย์ อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับคนไข้"
คนไข้ แล้วยังเป็นคนไข้ที่จิตใจบิดเบี้ยวเสียด้วย
คำที่กล่าวออกมาจะคิดจริงจังไม่ได้
เสิ่นเคอหานปลอบตัวเองในใจซ้ำๆ อย่างบ้าคลั่ง กว่าจะกดแรงโกรธที่กำลังเดือดปุดๆ กลับลงไปได้เล็กน้อยอย่างยากลำบาก
ดังนั้น ในห้องจึงยังคงเต็มไปด้วยแรงกดอากาศเย็นเฉียบที่ทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน
ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด แพทย์ทุกคนต่างรักษากันอย่างระแวดระวัง ก้มหน้าก้มตามุดหน้าอก ทำเรื่องของตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ
ความขุ่นเคืองระหว่างโห้หลีเฉินและเสิ่นเคอหานนั้น แม้แต่จะเอาไปนินทาพวกเขายังไม่กล้า
จะได้ไม่ซวยหนักแล้วถูกฆ่าปิดปากทีหลัง
ใครๆ ล้วนมองออกว่าวันหนีโห้หลีเฉินอารมณ์ไม่ดี ทำเอาเหล่าแพทย์ทั้งหลายกังวลใจ ต่างก็อยากรีบรักษาให้เสร็จแล้วจากไปเสียที
แต่ที่ไม่คาดคิดคือ วันนี้ ในขณะเดียวกันที่โห้หลีเฉินทั้งให้ความร่วมมือ ทั้งมีปัญหาเล็กน้อยต่างๆ นานา สุดท้ายก็ทำให้รักษาไม่เสร็จเสียที ซ้ำเวลายังยืดยาวไปค่อนข้างมาก
แพทย์ทุกคนต่างยุ่งกันจนหัวหมุน
การนอนครั้งนี้เย่ซือซือหลับเต็มอิ่มอย่างมาก จนกระทั่งเวลาบ่าย 1 เธอถึงตื่นขึ้นเพราะความหิว
เช้านี้ยังไม่ทันได้กินข้าวเช้า ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน
เธอลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ แล้วก็รู้สึกว่าท้องที่กำลังว่างนั้นร้องโครกๆ
แต่สถานการณ์ในห้อง ก็ยังคงเหมือนตอนที่เธอยังไม่นอน แพทย์สิบคนยังล้อมเตียงทำสิ่งต่างๆ นานาอยู่
ยังไม่เสร็จอีกหรอกเหรอ?
เย่ซือซือหันหน้า มองผ่านโซฟาไปก็เห็นสีหน้าย่ำแย่ของเสิ่นเคอหาน
เขาเห็นเธอตื่นแล้ว ก็ทำเพียงส่งสายตา ทว่าไร้การกระทำอื่นๆ
แม้แต่รอยยิ้มเดียว คำพูดแสดงความห่วงใยสักประโยคยังไม่มี
เย่ซือซือมึนงงเล็กน้อย นึกว่าตนยังไม่ตื่น ไม่อย่างนั้นทำไมเธอตื่นมาแล้ว เสิ่นเคอหานถึงไม่สนใจเธอล่ะ?
ตอนนี้คนที่โกรธเป็นเธอต่างหากนะ
เย่ซือซือหลับตาลง แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ยังคงเป็นภาพแบบเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...