เย่ซือซือมองโห้หลีเฉินด้วยความแปลกใจ แล้วถึงเข้าใจขึ้นมา
หยูฉู่สองแพ่ข่าวลือ แต่โห้หลีเฉินก็วางแผนซ้อนแผนเช่นกัน พยายามใช้วิธีนี้ ทำให้เย้นหว่านออกมา
เขาก็ตามหาเย้นหว่านอยู่ทั่วทุกมุมโลกเช่นกัน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใดๆ
นี่เขาต้องสิ้นหวังถึงขนาดไหน ถึงได้ไม่ห้ามให้หยูฉู่สองใช้วิธีการเลวๆ แบบนี้ และอยากให้เย้นหว่านออกมาเช่นกัน
เขาเองก็มั่นใจ ขอแค่เธอปรากฏตัวออกมา เขาก็สามารถปกป้องเธอได้
แต่...
แววตาของเย่ซือซือหมองหม่น ตอนนี้โห้หลีเฉินถูกขังอยู่ในตระกูลหยู ปกป้องตัวเองยังยาก
ในขณะเดียวกันนี้
ในห้องหนังสือของหยูฉู่สอง เขาได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดของเย่ซือซือและโห้หลีเฉินแล้ว
เขาสีหน้ามืดครึ้ม ย่ำแย่อย่างยิ่ง
ฝู้ยวนเอ่ย "ไม่นึกว่าโห้หลีเฉินจะวางแผนซ้อนแผน แต่ปีกทั้งหมดที่เขามีตอนนี้ถูกคุณตัดทิ้งไปหมดแล้ว ยากจะปกป้องตัวเอง เขามีความมั่นใจแบบนี้ ก็เว้นเสียแต่ว่า เขายังซ่อนความสามารถไว้ด้วย"
หยูฉู่สองหยักหน้า "โห้หลีเฉินคิดได้ลึกซึ้งคาดเดาได้ยากกว่าพวกเรา ในเมื่อเขายังมีความสามารถซ่อนอยู่ งั้นก็ถือโอกาสนี้ขุดมันออกมาให้หมดเลยทีเดียว ล้างบางให้หมด"
สิ่งที่เขาต้องการ คือทำลายโห้หลีเฉินให้สิ้นซาก กุมเขาไว้ในกำมือ เป็นหุ่นเชิดที่ไม่อาจต่อต้านได้
เขาเป็นผู้สืบทอดในนาม ความจริงแล้วก็เป็นเพียงกุญแจเปิดคลังสมบัติเท่านั้น
...
เย่ซือซือออกไปจากห้องของโห้หลีเฉินด้วยใจที่หนักอึ้ง
เธอรู้ดี ว่าข่าวคาวนี้ ใครก็หยุดมันไม่ได้ และเธอก็ยิ่งไม่มีความสามารถที่จะหยุดมัน
ทำได้เพียงจ้องมองชื่อเสียงเกียรติยศของตัวเองถูกพวกเขาทำลายย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี
กลัวก็แต่ครอบครัวของเธอ หากไม่คิดว่าเธออาขาให้ ก็คิดว่าเธอเหยียบเรือสองแคม
ช่างไม่ยุติธรรมเลย
เย่ซือซือคอตก เพิ่งเดินเข้ามาในห้องตัวเอง ก็ถูกเสิ่นเคอหานคว้าตัวไว้
เสิ่นเคอหานสีหน้าย่ำแย่ เอ่ยถามอย่างร้อนรน
"โห้หลีเฉินว่ายังไงบ้าง จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้ไหม?"
เย่ซือซือส่ายศีรษะ "พวกเขาทั้งหมดใช้ฉันล่อให้เย้นหว่านออกมา ก่อนเย้นหว่านจะปรากฏตัว เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้เลย"
"ว่าไงนะ? นี่มันจะเกินไปแล้ว!"
เสิ่นเคอหานโมโหจนถีบเก้าอี้ล้ม ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ "ซือซือ ผมกับคุณจะได้แต่งงานกันอยู่แล้ว ถ้าไม่เคลียร์ข่าวลือนี้ พอพวกเรากลับไปแล้ว จะแต่งงานยังไง?"
"กลัวว่าถูกทุกคนจะหัวเราะเยาะเอาน่ะสิ!"
เย่ซือซือแววตาส่องประกาย "ถ้าพวกเราอธิบายให้เพื่อนกับครอบครัวฟังอย่างสุดความสามารถล่ะ?"
"เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะมีสักกี่คนที่เชื่อพวกเรา?"
เสิ่นเคอหานกดขมับอย่างหงุดหงิด "เมื่อกี้พ่อแม่ผมเพิ่งโทรมาซักถาม ไม่เชื่อคำอธิบายของผม ถ้าชี้แจงออกสื่อไม่ได้ พวกเขาก็จะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเรา"
เย่ซือซือเบิกตากว้างอย่างงุนงง
"คุณลุงคุณป้าไม่เชื่อฉันเหรอ?"
"ไม่ใช่ไม่เชื่อคุณหรอก แต่เรื่องนี้มันใหญ่เกินไป คุณก็รู้ว่าพ่อแม่ผมมีตำแหน่งในสังคมชนชั้นสูง พวกเขาต้องคิดถึงหน้าของพวกเขาด้วย"
คนในสังคมชนชั้นสูงแคร์เรื่องเกียรติศักดิ์ศรีของตัวเองที่สุดแล้ว เรื่องนี้ยังเป็นข่าวคาวใหญ่สุดของแวดวงอีก
ไม่ว่าใครก็ล้วนมองพวกเขาด้วยอคติ
ถ้าไม่ชี้แจงอย่างเป็นทางการ พวกเขาก็จะตราหน้าว่าแต่งงานกับลูกสะใภ้ที่อ้าขาให้คนอื่น
นั่นเป็นเรื่องน่าขายหน้าสำหรับทั้งตระกูล
เย่ซือซือเข้าใจดี ทว่าในใจกลับเสียใจอย่างขมขื่นปวดร้าว
สถานการณ์แบบนี้เธอเคยคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ เมื่อต้องเผชิญหน้าจริงๆ ถึงพบว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดและช่วยไม่ได้ขนาดไหน
เย่ซือซือน้ำตาคลอหน่วย "เคอหาน ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างตระกูลหยูกับโห้หลีเฉิน พวกเราสองคนไม่มีสถานะอะไรเลยสักอย่าง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...