สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน นิยาย บท 1168

มันพอๆ กัน

ความเย็นชาของโห้หลีเฉินก็มีมาตั้งแต่เด็ก ขนาดตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น

แค่โห้หยูเซิงนั้นเป็นหนักกว่าเขา และดูเหมือนจะมีความผิดปกติบางอย่างที่มีมาตั้งแต่เกิด

"พี่เขาไม่กินแล้วเหรอคะ?"

แรบบิทที่เห็นโห้หยูเซิงไม่กินแล้ว เธอจึงได้ลุกขึ้นมาแล้วตามเขาไปด้วย

โห้หลีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า "นั่งลง กินให้หมด"

แรบบิทที่เพิ่งก้าวเท้าไปก็ต้องชะงักอยู่กับที่

เธอหันมามองปาปาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ "แต่พี่ชายก็ไม่กินแล้ว หนูเลยไม่อยากกินคนเดียว......"

"ถ้าลูกอยากใกล้ชิดกับพี่ชาย งั้นลูกก็ต้องหาทางทำให้พี่ชายมากินข้าวพร้อมกับลูก แต่ไม่ใช่การไม่กินไปพร้อมกับเขาทำให้ทั้งสองคนต้องหิวข้าวอย่างทรมาน"

โห้หลีเฉินสั่งสอนลูกสาวอย่างเป็นจริงเป็นจัง

ส่วนเย้นหว่านก็เกิดอาการอึ้งไปเล็กน้อย จะว่าไปแรบบิทอายุยังไม่ถึงสองขวบเลย เด็กทั่วๆ ไปที่อายุเท่านี้เพิ่งจะเริ่มเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดขึ้นมาบ้าง แต่โห้หลีเฉินกลับสอนเธอได้เข้มงวดขนาดนี้แล้ว

แรบบิทจะสามารถเข้าใจได้จริงๆ เหรอ?

แต่กลับเห็นดวงตาโตๆ ของแรบบิทหมุนไปหมุนมา ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงอย่างว่าง่าย

"พี่ชายยังไม่ยอมฟังที่หนูพูด ถึงหนูจะไปเรียกตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้หนูจะกินก่อน ครั้งต่อไปที่กินข้าว หนูจะพยายามหาทางทำให้พี่ชายยอมกินข้าวพร้อมกับหนูให้จงได้"

แรบบิทแยกแยะออกมาได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็เริ่มกินข้าวเป็นการใหญ่

ตรกะที่แสนรอบคอบนั่น ทำให้เย้นหว่านที่ได้ยินถึงกับอึ้ง

นี่เป็นเด็กที่อายุแค่ขวบกว่าจริงๆ เหรอ?

เธอรู้สึกสงสัยว่า......ไอคิวของแรบบิทนั้นได้รับการสืบทอดจากโห้หลีเฉินมาจนหมดแน่ๆ

แล้วสายตาของโห้หลีเฉินก็ได้หันไปยังประตู สายตาที่เคร่งขรึมจ้องมองไปยังเด็กตัวน้อยที่กำลังประกอบตัวต่ออยู่ด้านภายในห้อง

เขากำลังประกอบตัวต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ ราวกับมีเกราะป้องกันคอยคุมอยู่รอบตัว เพื่อแบ่งแยกโลกภายนอกออกจากตัวเขาอย่างสมบูรณ์

หลังจากนั้นหนึ่งนาที โห้หลีเฉินก็หันหน้ามาพูดกับเย้นหว่านว่า

"ไปกันเถอะครับ"

"หา?"

เย้นหว่านรู้สึกแปลกใจมากอย่างถึงที่สุด "ไปตอนนี้เลยเหรอคะ?"

พวกเธอมาที่นี่เพราะอยากเจอโห้หยูเซิงไม่ใช่เหรอ นี่ยังอยู่ไม่ถึงห้านาทีเลย และยังไม่ทันได้พูดกับโห้หยูเซิงสักคำเลยด้วยซ้ำ

หรือว่า โห้หลีเฉินจะรู้สึกโมโหกับพฤติกรรมของ โห้หยูเซิงอย่างนั้นเหรอ?

ระหว่างที่เย้นหว่านกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น โห้หลีเฉินก็ได้บังคับรถเข็นออกไปแล้วระหว่างที่ไปยังพูดขึ้นมาอีกว่า "เดี๋ยวถ้าแรบบิทเล่นจนเหนื่อยแล้ว ก็พาไปส่งที่ห้องผมนะ"

พี่เลี้ยงพยักหน้าเป็นการใหญ่

แรบบิทที่กำลังกินข้าวอยู่ก็กัดส้อมเอาไว้ มองไปยังแผ่นหลังของโห้หลีเฉิน จากนั้นก็หันมากินข้าวต่อ

เย้นหว่านเดินตามหลังโห้หลีเฉินไป และไม่เข้าใจเลยจริงๆ

สุดท้ายเธอก็ทนไม่ได้จนต้องถามไปว่า "ทำไมคุณถึงไปทั้งอย่างนี้หล่ะคะ?"

หลังออกจากห้องของโห้หยูเซิงได้สักพัก โห้หลีเฉินจึงได้หยุดลง

เขามองไปที่เย้นหว่าน แล้วมองห้องของโห้หยูเซิงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง

จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า "พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกันครับ"

เย้นหวานยังคงไม่เข้าใจ

โห้หลีเฉินบังคับรถเข็นให้ไปต่อ ตรงไปทางห้องอาหารอย่างไม่รีบไม่ร้อน

แล้วอธิบายให้เธอเข้าใจระหว่างทาง "นิสัยของโห้หยูเซิง มีความคล้ายกับผมในอดีตไม่มากก็น้อย กับคนที่เจอหน้าครั้งแรก จะไม่ค่อยมีความรู้สึกอะไรมากนัก ถ้าฝืนเข้าไปหา มันจะก่อให้เกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นง่ายๆ

แต่ยังไงตอนนี้เขาก็ยังเป็นแค่เด็ก ต่อให้เป็นสัญชาตญาณ ก็ยังมีความรู้สึกที่พึ่งพาพ่อแม่อยู่ดี

ผมจะไปหาเขาทุกวัน เพิ่มเวลาขึ้นไปทีละนิด มันจะง่ายต่อการทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับการมีอยู่ของผม พอคุ้นเคยแล้วเขาถึงจะยอมใกล้ชิดกับผม"

พอได้ฟังเหตุผลต่างๆ ที่โห้หลีเฉินพูดมา เย้นหว่านก็ถึงกับอึ้งตาค้างจนอยากที่จะคุกเข่าให้เขาเลย

เธอคอยติดตามป่ายฉีเพื่อศึกษาวิชาทางการแพทย์มานานขนาดนี้ กลับยังไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน แต่ภายในไม่กี่นาทีที่โห้หลีเฉินได้เจอโห้หยูเซิง เขาวางแผนเรียบร้อยว่าจะรับมือกับลูกชายของตัวเองยังไง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน